การเปิดใช้ทางด่วนเวียงจันทน์ – วังเวียงอาจล่าช้าออกไป

เจ้าหน้าที่ได้เลื่อนการเปิดใช้ทางด่วนเวียงจันทน์-วังเวียงที่มีระยะทางรวม 113.50 กิโลเมตรที่ สาเหตุของความล่าช้ามาจากงานในโครงการบางส่วนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ผิดแผนไปจากเดิมที่จะมีการเปิดจราจรในวันชาติสปป.ลาว นายขัตติยศักดิ์ ไชยวงศ์หัวหน้าคณะกรรมการบริหารทางพิเศษกล่าวกับเวียงจันทน์ไทม์สเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “งานเสร็จสมบูรณ์ไปแล้วร้อยละ 99.9 และมีแผนจะเปิดในเดือนนี้ แต่ตอนนี้กำหนดการเปิดตัวคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปีนี้” ถนนทางพิเศษดังกล่าวซึ่งมีอุโมงค์คู่ผ่านภูเขาจะทำให้เส้นทางสั้นลงจากเดิมถึง 43 กม. โครงการทางพิเศษนี้ได้รับการลงทุนจากนักลงทุนจีนซึ่งจะดำเนินการภายใต้สัญญาสัมปทาน 50 ปีโดยมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลสปป.ลาวถือหุ้นร้อยละ 5 ในโครงการ  โครงการทางด่วนพิเศษเป็นการตอกย่ำถึงความประสงค์ของสปป.ลาวที่จะนำพาตัวเองไปสู่ประเทศที่เชื่อมต่อกับนานาประเทศ “Land lock Land link” ซึ่จะนำพาสปป.ลาวสู่ประเทศที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตจากปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Opening235.php

หนี้เสียทางฝั่งของไมโครไฟแนนซ์ในกัมพูชาลดลงร้อยละ 2.27 ณ ต.ค.

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของภาคการเงินรายย่อยลดลงจากร้อยละ 2.56 ในเดือนกันยายน สู่ร้อยละ 2.27 ในเดือนตุลาคมหลังจากเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.33 ในเดือนมกราคมและสูงสุดในเดือนพฤษภาคมที่ร้อยละ 2.61 โดยหัวหน้าฝ่ายสื่อสารของสมาคมการเงินรายย่อยกัมพูชา (CMA) กล่าวว่าการลดลงของหนี้เสียเนื่องจากธนาคารและสถาบันการเงินยังคงทำงานร่วมกันกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด สำหรับอัตราส่วน NPL ที่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีตามมาตรฐานอุตสาหกรรมระดับโลก ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว NBC แจ้งธนาคารและสถาบันการเงินว่าควรดำเนินการปรับโครงสร้างเงินกู้ต่อไปจนถึงกลางปี ​​2564 ในการที่จะช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50788275/microfinance-bad-loans-fall-to-2-27-in-october/

การเปลี่ยนแปลงทางด้านพลังงานสะอาดในกัมพูชา

จังหวัดกัมปอตจะเป็นที่ตั้งของฟาร์มกังหันลมแห่งแรกของกัมพูชา โดยถือเป็นก้าวสำคัญบนทิศทางของพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียนในกัมพูชา ซึ่งโครงการพลังงานทดแทนจากลมในกัมพูชากำลังใกล้เข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง โดย The Blue Circle (กัมพูชา) ถือเป็นบริษัทผู้ทำการศึกษาโครงการและอยู่ระหว่างการหารือกับการไฟฟ้าแห่งกัมพูชา (EDC) เกี่ยวกับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งโครงการพลังงานลมแห่งแรกของ Blue Circle ในกัมปอตสามารถผลิตไฟฟ้าสะอาดได้ถึง 225 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี โดยสามารถรองรับการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนได้ 150,000 ครัวเรือน และลดการปล่อย CO2 ได้มากกว่า 130,000 ตันต่อปี ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับกัมพูชาในการบรรลุพันธสัญญาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกรุงปารีสในปี 2015 และถือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันกัมพูชาพึ่งพาแหล่งพลังงานต่างๆเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นพลังน้ำ ถ่านหิน น้ำมันเตา และพลังงานที่ทำการนำเข้ามาจากต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50788448/winds-of-change-for-renewables-in-the-kingdom/

อาเซียนบวกสามผนึกกำลังเพิ่มประสิทธิภาพความช่วยเหลือทางการเงิน เสริมสภาพคล่องหากขาดดุลการชำระเงิน ผ่านกลไกการริเริ่มเชียงใหม่

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ เป็นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน+3 คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกความร่วมมือทางการเงินในภูมิภาค (Regional Financing Arrangement) ในการเสริมสภาพคล่องระหว่างกันในกรณีที่ประสบปัญหาดุลการชำระเงิน หรือขาดสภาพคล่องในระยะสั้น และเป็นส่วนเสริมความช่วยเหลือด้านการเงินที่ได้รับจากองค์กรการเงินระหว่างประเทศ และเมื่อครั้งการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนบวกสาม (AFMGM+3) ครั้งที่ 23 ได้มีมติเห็นชอบร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation (CMIM) Agreement) ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยขอให้แต่ละประเทศสมาชิกดำเนินการภายในเพื่อลงนามในร่างความตกลงดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญ คือ 1) เพิ่มสัดส่วนให้ความช่วยเหลือกรณีที่ไม่เชื่อมโยงกับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 40 ของวงเงินขอรับความช่วยเหลือสูงสุด 2) ยินยอมให้สามารถเลือกสมทบหรือขอรับความช่วยเหลือภายใต้กลไก CMIM เป็นสกุลเงินท้องถิ่นตามหลักความสมัครใจ ภายใต้วงเงินรวมคงเดิมจำนวน 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ 3) เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากจะยกเลิกการใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงกรุงลอนดอน (London Interbank Offered Rate : LIBOR) ในสิ้นปี 2564 และแก้ไขประเด็นเชิงเทคนิคเพื่อให้การดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ภายใต้กลไก CMIM มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9630000123605

กิจกรรม “สานสัมพันธ์ Mentor และ Mentee : ตะลุย CLMV ตลาดและโอกาสการลงทุนของนักธุรกิจไทย”

📌 Mentee รุ่นที่ 1 กลุ่มประเทศสปป.ลาว และเมียนมา ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “สานสัมพันธ์ Mentor และ Mentee” ครั้งที่ 2 ขึ้นเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่าง Mentor และ Mentee ทุกกลุ่มประเทศ เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563 เวลา 15.00–19.00 น. ห้องเอนกประสงค์ อาคาร 24 (อาคารใบเรือ) ชั้น 18 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยกิจกรรมภายในงานมีการบรรยายให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์ด้านการค้าการลงทุนซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถจากภาครัฐและเอกชนที่เชี่ยวชาญในการทำการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV อาทิ

🔴 “เปิดประสบการณ์การค้า ” โดย คุณพันละคร สีบุญเรื่อง ที่ปรึกษาส่วนตัวรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมสปป.ลาว

ผ่านทาง Video Conference

🔴 “เปิดประสบการณ์การค้า ตลาดเมียนมา” โดย คุณกริช  อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา

🔴 “การพัฒนาผู้ประกอบการไทย และสิทธิประโยชน์ BOI”  โดย คุณเลิศชาย เอี่ยมไธสง นักวิชาการส่งเสริมการลงทุน     สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

INFOGRAPHIC : เวียดนามเกินดุลการค้า 20.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าเวียดนามทำสถิติเกินดุลการค้าถึง 20.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออก 254.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้า 234.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สินค้าสำคัญ ได้แก่

  • โทรศัพท์และชิ้นส่วน (ส่งออก,นำเข้า 46.9, 14.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (ส่งออก,นำเข้า 40.2, 57.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
  • สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (ส่งออก 26.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
  • เครื่องจักร อุปกรณ์และชิ้นส่วน (ส่งออก,นำเข้า 23.9, 33.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
  • รองเท้า (ส่งออก 14.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-sees-record-trade-surplus-of-201-billion-usd/191352.vnp