ราคาส่งออกข้าวเวียดนามพุ่งเป็นประวัติการณ์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ราคาส่งออกข้าวหัก (Broken Rice) ของเวียดนาม สูงถึง 505 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเมื่อเทียบกับระดับราคาเฉลี่ยในตลาดโลก ซึ่งเป็นราคาส่งออกข้าวที่สูงที่สุดของเวียดนาม หากนับตั้งแต่ปี 2554 กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) กล่าวว่าสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปยังทั่วโลกนั้น ทำให้เกิดการกักตุนสำรองข้าวเพิ่มขึ้นและส่งออกข้าวลดลง ในขณะเดียวกัน ฟิลิปปินส์ยังคงนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ถึงแม้ว่าปริมาณการนำเข้าจะลดลงเมื่อเทียบกับปี 2562 แต่มูลค่าการส่งออกข้าวสูงกว่า ทั้งนี้ รองประธานสมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) ระบุว่าสถานการณ์การส่งออกข้าวของเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากฟิลิปปินส์และแอฟริกายังคงนำเข้าข้าวเวียดนาม

ที่มา : http://dtinews.vn/en/news/018/71835/vietnam-s-rice-export-prices-reach-record-high-amid-pandemic.html

เวียดนามคาดดัชนีราคาผู้บริโภค ปี 64 ต่ำกว่า 4%

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนาม ถือเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ และคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 4% ในปี 2564 เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมา ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 2.91% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในส่วนของดัชนี CPI ปี 2563 ขยายตัว 3.23 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้จากสมัชชาแห่งชาติที่ 4% ในขณะที่ อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 2.31% ทั้งนี้ ถึงแม้จะเผชิญกับการระบาดของโรคไวรัสครั้งใหญ่ของโลก ไข้หวัดหมูแอฟริกันและภัยธรรมชาติในปี 2562 แต่ว่าเวียดนามยังคงประสบความสำเร็จในแง่ของเศรษฐกิจ การดำเนินงานที่ดีของภาครัฐฯ และการควบคุมทางด้านอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนี้ เรื่องวัคซีนโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและในประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-consumer-prices-forecast-to-stay-below-4-in-2021-315763.html

ผู้เชี่ยวชาญแนะรัฐบาลกัมพูชาลดภาษีนำเข้าสินค้าบางส่วนลง

กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนะให้ลดภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องจักรกลไฟฟ้าและชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อลดต้นทุนการผลิตในภาคการผลิตลง โดยจากการสำรวจของกระทรวงฯ พบว่าอัตราภาษีนำเข้าสินค้าและชิ้นส่วนของกัมพูชาในปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 15 ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและเวียดนามตรึงไว้ที่ร้อยละ 5 และ 3 ตามลำดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าหากกัมพูชาต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้นเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางด้านการผลิตที่ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการส่งออกและยังส่งเสริมการกระจายความเสี่ยงจากตลาดส่งออกที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยจะต้องดำเนินการลดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าประเภทเครื่องจักรกลร่วมด้วยเพื่อลดต้นทุนการผลิตสำหรับบริษัทข้ามชาติที่จะทำการลงทุนหรือทำการพัฒนาในกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลได้เคลื่อนไหวในการลดอัตราภาษีในสินค้าบางรายการ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมาได้ประกาศลดภาษีนำเข้าและภาษีพิเศษสำหรับสินค้า 35 ประเภท จุดประสงค์คือเพื่อช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในท้องถิ่นเนื่องจากการเติบโตของภาคส่วนเหล่านั้นทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างโอกาสในการจ้างงานมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50800405/experts-cite-need-for-import-tariff-reductions/

Fitch Solutions คาดการณ์ GDP ของเวียดนาม ปี 64 โต 8.6%

Fitch Solutions ได้ประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของเวียดนามในปี 2564 เพิ่มขึ้น 8.6% จาก 8.2% ก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เหตุจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากข้อตกลงการค้าเสรี อาทิ EVFTA, UKVFTA และ RCEP เป็นต้น เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 4 ของปี 63 คาดว่าจะเติบโต 4.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนไว้ที่ 2.7%YoY ซึ่งเศรษฐกิจที่ขยายตัวเร่งขึ้นในไตรมาสที่ 4 นั้น เนื่องมาเศรษฐกิจทั่วโลกดีขึ้น แต่ยังได้รับการส่งเสริมจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและภาคบริการ ทั้งนี้ การผลิตอุตสาหกรรมและก่อสร้าง ที่มีสัดส่วนร้อยละ 33.7 ของ GDP ในปี 63 ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของประเทศในปีนี้ โดยทางฟิทซ์คาดการณ์ว่าภาคการผลิตจะดำเนินต่อไปอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ จากการได้รับประโยชน์ของข้อตกลงการค้าเสรีหลายฉบับ โดยเฉพาะข้อตกลงการค้าเสรีสหราชอาณาจักร – เวียดนาม (UKVFTA) นอกจากนี้ เรื่องการเปิดตัววัคซีน จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวและเวียดนามจะรองรับอุปสงค์จากต่างประเทศสำหรับการส่งออกมากยิ่งขึ้น

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/fitch-solutions-revises-up-vietnam-gdp-growth-forecast-to-86-in-2021-315738.html

ตลาดค้าปลีกของเวียดนาม มีมูลค่าถึง 172 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 63

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เผยตลาดค้าปลีกของเวียดนามในปี 2563 มีมูลค่า 172 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ไปทั่วโลก แต่เวียดนามยังสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการฟื้นตัวในเดือนสุดท้ายของปี และการที่ยอดค้าปลีกในช่วงสิ้นปีมีอัตราการขยายตัวได้สูงนั้น เนื่องมาจากกลุ่มร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2563 ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการของเวียดนามโดยรวม มีมูลค่าสูงถึง 219.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปี 62 อย่างไรก็ตาม ในตามหัวเมืองต่างๆ หรือจังหวัด ชี้ให้เห็นว่าเมืองโฮจิมินห์มีการเติบโตของค้าปลีกอย่างแข็งแกร่งในปี 63 ด้วยอัตราการเติบโต 12%YoY ด้วยมูลค่า 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-retail-market-expands-7-to-record-high-of-us172-billion-in-2020-315740.html

ค้าปลีกเวียดนาม แตะ 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 68

จากรายงานชองกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าการใช้จ่ายของชนชั้นกลางและรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลให้รายได้ของภาคค้าปลีกเวียดนาม เพิ่มขึ้น 1.6% เท่าในปี 2563 และมีมูลค่าสูงถึง 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของปี 2568 รวมถึงคาดว่าปี 64-68 อัตราการขยายตัวของภาคค้าปลีก 9-9.5% ในขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในเวียดนาม ปี 2563 ใช้เวลาเพียง 22 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้ช่วยลดแรงกดดันต่อการบริโภคในประเทศ ทั้งนี้ ตามข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดของนีลเส็น เปิดเผยว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศ ลดลงราว 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสที่ 2 และลดลง 26%, 19% ในตลาดสิงคโปร์และอินโดนีเซีย เป็นผลมาจากเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ทำให้ภาคค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะโตในปีหน้า จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและความพร้อมในการใช้วัคซีน

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/retail-market-size-to-hit-350-bln-by-2025-4214029.html

เก็บภาษีจากโฆษณา Facebook-Google ในเวียดนาม สูงถึง 42.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานของกรมภาษีอากร (General Department of Taxation: GDT) เปิดเผยว่าเม็ดเงินภาษีที่จัดเก็บอยู่ในลักษณะบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มอย่าง Google และ Facebook ในปี 2562-2563 มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านด่อง หรือราว 42.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบุคคลที่จ่ายภาษีดังกล่าว ได้ทำการแจ้งภาษีและดำเนินการชำระภาษีโดยสมัครใจ หรือรับการกำหนดโดยหน่วยงานภาษี ทั้งนี้ ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิม ชี้ให้เห็นถึงจำนวนธุรกิจดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนหันมาซื้อของออนไลน์ กิจกรรมบันเทิงและการชำระเงินแบบไม่ต้องใช้เงินสด ด้วยเหตุนี้ ทางกรมภาษีอากร จึงดำเนินงานให้หน่วยงานด้านภาษีจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาระบบธุรกิจเสมือนจริง ในขณะเดียวกัน ยังร่วมมือกับองค์กรกรบริหารการตลาดและบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน เพื่อจัดหาแนวทางในการแก้ไขด้านการจัดเก็บรายได้ที่มาจากการบริการดิจิทัล

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/tax-from-online-ads-on-facebook-google-in-vietnam-hits-us-428-million-27023.html

กัมพูชาร่วมมือกับเวียดนามในการรับมือโควิด-19

กัมพูชาและเวียดนามได้ให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามแนวชายแดนระหว่างประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชากล่าวในแถลงการณ์ โดยคำปฏิญาณดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างการประชุมของคณะกรรมาธิการร่วมระหว่างกัมพูชา-เวียดนามด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ 18 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาเป็นประธาน โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความขอบคุณสำหรับความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในการป้องกันและต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่การค้าสินค้าข้ามพรมแดนและการลงทุนก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กัมพูชามีผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วทั้งสิ้น 363 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเป็น 0 พร้อมกับได้รับการรักษาฟื้นตัวแล้ว 349 ราย ในขณะที่เวียดนามมีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 1,420 ราย จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 35 ราย และได้รับการฟื้นตัวแล้วทั้งสิ้น 1,281 ราย ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของทั้งทั้งสอง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50796851/cambodia-vietnam-vow-close-cooperation-to-fight-covid-19/

เมียนมาจับมืออินเดียร่วมผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19

เมียนมาอยู่ระหว่างการหารือเพื่อซื้อและผลิตวัคซีนป้องกันโควิด -19 ร่วมกับบริษัทยาของอินเดียในประเทศ จากการหารือระหว่างนาย Saurabh Kumar เอกอัครราชทูตอินเดียประจำเมียนมาและกระทรวงสาธารณสุขและกีฬา (MOHS) เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 63 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีตัวเลือกผลิตวัคซีน 13 ชนิด แต่กำลังพิจารณาผลิตวัคซีนบางชนิดในประเทศโดยร่วมมือกับอินเดียและร่วมมือกันจัดตั้งหน่วยงานด้านเภสัชกรรมในการผลิตยา ปัจจุบันอินเดียมีการลงทุนมูลค่า 773 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 35 ภาคธุรกิจในเมียนมา ซึ่งเมียนมากำลังสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่น่าดึงดูดและยืดหยุ่นเพื่อต้อนรับนักลงทุนจากอินเดีย ขณะนี้กำลังขอทุนจากธนาคารโลก, ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย, สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อผลิตวัคซีน ในปีงบ 63-64 แต่ละกระทรวงอาจถูกขอให้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งใหม่เพื่อจ่ายค่าวัคซีนหากจำเป็น ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกระทรวงต่างๆ ได้รับการร้องขอให้จัดสรรงบประมาณอีก 10% ให้กับแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน COVID-19 ทั้งนี้ MOHS กำลังหารือกับจีนและรัสเซียเพื่อขอรับวัคซีนเพิ่มเติม เมียนมาคาดว่าจะสามารถใช้ฉีดวัคซีนได้ในเดือนเมษายน 64 ประมาณ 20% จากจำนวนประชากร 54.4 ล้านคน ภายในสิ้นปีหน้าคาดว่า 40% ของจำนวนประชากรจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 และจะต้องได้รับการรับรองจาก WHO

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-talks-india-buy-make-covid-19-vaccines.html

เวียดนามขาดดุลการค้าในช่วงครึ่งเดือนแรกธันวาคม

กรมศุลกากรเวียดนาม เผยว่าเวียดนามขาดดุลการค้า 883 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งแรกของเดือนธันวาคม หลังจากเกินดุลการค้ามาหลายเดือน โดยยอดส่งออกลดลงร้อยละ 8.3 จากครึ่งหลังของเดือนพฤศจิกายน คิดเป็นมูลค่า 12.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน เครื่องจักร เหล็กและยานยนต์ที่ลดลงเป็นตัวเลข 2 หลัก ในขณะเดียวกัน การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 คิดเป็นมูลค่า 13.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม เวียดนามยังคงเกินดุลการค้าอยู่ที่ 19.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ในปีที่แล้ว มูลค่าการค้าระหว่างประเทศ  517 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกของเวียดนามที่มีตัวเลขอยู่ในระดับสูง ซึ่งตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรปและอาเซียน

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vietnam-posts-trade-deficit-halfway-into-december-4211443.html