กรุงศรีฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 66 ขยายตัว 3.6% แรงหนุนท่องเที่ยว จับตาปัจจัยภายนอกกระทบ

วิจัยกรุงศรี บทวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจและการเงิน (ฉบับพิเศษ) โดยระบุถึงทิศทางเศรษฐกิจปี 2566 คาดว่าจะเป็นปีแรกที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยสามารถกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 วิจัยกรุงศรีคาดเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะยังเติบโตต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.6 จากร้อยละ 3.2 ในปี 2565 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่เติบโตจากการจ้างงานที่ปรับดีขึ้นโดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยว การลงทุนที่ยังมีสัญญาณเชิงบวกอยู่บ้างจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ความต่อเนื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายตัวของการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

อย่างไรตาม การลงทุนในบางอุตสาหกรรมและการส่งออกในภาพรวมจะเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้น การเติบโตต่ำของเศรษฐกิจจีน สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) ปัจจัยเหล่านี้อาจจำกัดการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/296943/

กำลังคนคุณภาพสูง หนุนให้เวียดนามดึงดูด FDI

สภาหอการค้าสหภาพยุโรป (EuroCham) รายงานว่าเพื่อการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น เวียดนามจำเป็นต้องส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นบุคลากรที่มีศักยภาพสูง และชี้ว่าผู้ประกอบการในยุโรปเล็งเห็นศักยภาพที่จะขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมไฮเทค การสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในปีหน้า อีกทั้ง ตามรายงานของบริษัทซาวิลาส์ ประเทศเวียดนาม ได้เน้นย้ำถึงความน่าลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูงในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเวียดนาม ซึ่งหากเทียบกับประเทศจีน อินเดียและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยแล้ว เวียดนามยังเป็นตลาดที่น่าลงทุนและมีความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นแรงดึงดูดให้เม็ดเงินทุนไหลเข้าไปยังบริษัทเทคฯ หลายแห่ง และกิจการสหรัฐฯ ที่ทำธุรกิจในเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/highquality-human-resources-to-help-vietnam-draw-more-fdi/246578.vnp

‘จีน’ เตรียมกลับมาเปิดด่านชายแดนเวียดนาม จ.หลาวกาย

คุณ Ha Duc Thuan รองผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจจังหวัดหลาวกาย กล่าวว่าประเทศจีนจะกลับมาเปิดพรมแดนและเปิดเส้นทางชายแดนกับเวียดนามในจังหวัดหลายกาย (Lao Cai) ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไป และทำการแจ้งไปยังหน่วยงานและภาคธุรกิจให้เตรียมความพร้อมกับการกลับมาของจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งการปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งออกและการนำเข้า และกิจกรรมการเข้าออกที่ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบ อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของประเทศจีน ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการนำเข้าและส่งออกตามชายแดนอย่างรุนแรง โดยมูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการผ่านประตูชายแดนจังหวัดหล่าวกาย อยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 9 เดือนของปี 2565 หดตัว 39.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/china-to-resume-operation-of-border-gates-with-vietnam-in-lao-cai/246567.vnp

ตลาด Mingala แห่งใหม่จะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2566

คณะกรรมการพัฒนาเมืองย่างกุ้ง (YCDC) เผย การก่อสร้างตลาด Mingala แห่งใหม่มีกำหนดแล้วเสร็จในปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 และร้านค้าที่สร้างเสร็จแล้วบางส่วนจะเปิดขายในต้นปีนี้ โดยการก่อสร้างเริ่มต้นในปี 2562 ซึ่งตลาดแห่งใหม่จะเป็นอาคารสูง 17 ชั้นที่มีร้านค้ากว่า 5,000 ร้านค้า ลิฟต์ 21 ตัว และลานจอดรถที่สามารถรองรับรถได้มากกว่า 700 คัน และภายในตลาดจะประกอบไปด้วยโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ธนาคาร และซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อสร้างเสร็จแล้ว บรรดาร้านค้า ที่เคยค้าขายในตลาดเดิมจะย้ายไปอยู่ที่ตลาดใหม่ได้ทันที ส่วนผู้ที่ต้องการเช่าร้านค้าเพื่อค้าขายสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่แผนกการตลาดของ YCDC ทั้งนี้ตลาด Mingala แห่งใหม่ในเมือง Mingala Taungnyunt ของภาคย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เดิมเป็นตลาดระดับไฮเอนด์ที่เคยขายสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งปลีกและส่ง ถูกไฟไหม้ไปแล้ว 2 ครั้ง ในเดือนพฤษภาคม 2553 และเดือนมกราคม 2559

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/new-mingala-market-to-be-completed-in-april-2023/#article-title

แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจลาวอยู่ในระดับสูง แต่การจ้างงานต่ำ

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยรายงานข้อมูลอัปเดตเศรษฐกิจ เปิดเผยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว ในช่วงปี 2543-2561 ขยายตัวเฉลี่ย 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และการเติบโตทางการค้าเฉลี่ย 17% ต่อปี แต่ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากการค้าและการลงทุนในด้านทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการขุดเจาะและพลังงาน ทั้งนี้ ตามรายงาน Lao Economic Monitor for October 2022: Tackling Macroeconomic Vulnerabilities พบว่าการจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวลดลงจากปี 2555-2561 โดยส่วนใหญ่ได้รับงานจากภาครัฐ อย่างไรก็ตาม การจ้างงานนอกภาคเกษตรยังไม่สามารถรองรับกับจำนวนแรงงานเกินที่อยู่ในภาคเกษตรได้ ส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 4.1% ในปี 2555 มาอยู่ที่ 15.7% ในปี 2561 อีกทั้ง ปัญหาความยากจนส่งสัญญาลดลง แต่ยังคงช้ากว่าประเทศอื่น และในอีก 10 ปีข้างหน้า สปป.ลาวจะต้องสร้างงานกว่า 60,000 ตำแหน่งต่อปี เพื่อรองรับกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Despite03.php

ไทยเล็งร่วมผลิตปิโตรเลียมกับกัมพูชา

คณะรัฐมนตรีของไทยจัดการหารืออย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (3 ม.ค.) เกี่ยวกับการร่วมมือในการผลิตปิโตรเลียมในอ่าว กัมพูชา-ไทย ภายใต้การบูรณาการร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งการหารือนำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กับ Suy Sem รัฐมนตรีกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชา โดยมีวัตถุประสงค์ในการพิจารณาความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานในภูมิภาค ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นจังหวะที่ดีในการรื้อฟื้นข้อตกลงการผลิตปิโตรเลียม บนพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน (OCA) ของทั้งสองประเทศ โดยทั้งสองประเทศกำลังเร่งเจรจากันเกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน (OCA) 26,000 ตร.กม. ซึ่งคาดว่าจะมีทรัพยากรธรรมชาติทั้งน้ำมันและก๊าซใต้พื้นทะเลมากถึง 500 ล้านบาร์เรล ขณะที่กัมพูชายังมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากราคาน้ำมันและก๊าซในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นหลังเกิดสงครามยูเครน ซึ่งความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในกัมพูชาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.8 ล้านตันในปี 2030 เพิ่มขึ้นจาก 2.8 ล้านตันในปี 2020

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501214065/thailand-keen-on-joint-petroleum-production-with-cambodia/

คาดตลาดอีคอมเมิร์ซกัมพูชาจะมีมูลค่าแตะ 1.78 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025

Penn Sovicheat ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและโฆษกกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา กล่าวถึงภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งในปีที่ผ่านมา (2022) ตลาดอีคอมเมิร์ซกัมพูชามีมูลค่าสูงถึง 1.28 พันล้านดอลลาร์ และในปีนี้คาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 1.50 พันล้านดอลลาร์ โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซจะขยับขึ้นไปแตะ 1.78 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 จากการเข้าถึงและการใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างมาก ซึ่งในปี 2022 จากจำนวนประชากร 17.06 ล้านคน มีการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ 22.06 ล้านครั้ง มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 13.44 ล้านคน และมีผู้ใช้โซเชียลมีเดีย 12.6 ล้านคนในกัมพูชา ในปีที่แล้ว ซึ่งตลาดอีคอมเมิร์ซในกัมพูชาคาดว่าจะขยายตัวด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ร้อยละ 13.51 ในช่วงปี 2023-2027 ที่อาจทำให้มูลค่าตลาดสูงถึง 2.10 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2027 จากการวิจัยของ statista.com

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501214272/cambodias-e-commerce-market-eyes-1-78b-by-2025/

ผลสำรวจดัชนี ‘PMI’ ภาคการผลิตเวียดนามธ.ค. 65 หดตัว

ผลสำรวจของ S&P Global รายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนาม ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.4 ในเดือนธันวาคม 2565 จากระดับ 47.7 ในเดือนพฤศจิกายน สะท้อนให้เห็นว่าสัญญาภาคการผลิตของเวียดนามมีแนวโน้มแย่ลง ซึ่งเป็นการหดตัวสองเดือนติดต่อกันและอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาคการผลิตของเวียดนามในเดือนธันวาคม 2565 ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศทยอยปรับลดลง โดยกิจการต่างๆ ได้ลดการจ้างงานและชะลอคำสั่งซื้อ ในขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังอยู่ในระดับต่ำ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-manufacturing-pmi-falls-in-december-2022-post994561.vov

‘ยูโอบี’ ประมาณการ GDP เวียดนาม ปี 2566 โต 6.6%

กลุ่มธนาคารยูโอบี ประเทศสิงคโปร์ (UOB) เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของเวียดนาม (GDP) ในปี 2566 ประมาณการเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ประมาณ 6.6% ถึงแม้ว่าทิศทางของเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่อ่อนแอลง และตามรายงานบ่งชี้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ขยายตัว 5.92% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัว 13.67% ในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกประเทศที่ลดลง ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม รายงานว่า GDP ของเวียดนามในปี 2565 ขยายตัว 8.02% จากที่เติบโตเพียง 2.58% ในปี 2564 ถือเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 อีกทั้ง ผู้เชี่ยวชาญของธนาคาร กล่าวว่าการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมและบริการในปี 2565 แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของเวียดนาม หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://en.nhandan.vn/uob-maintains-vietnams-gdp-growth-forecast-at-66-post121526.html

เดือนพ.ย. 65 เขตเศรษฐกิจพิเศษ ‘ติละวา” ดูดเม็ดเงิน FDI กว่า 2.188 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) ของเมียนมา เผยตัวเลข การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ณ เดือนพฤษจิกายน 2565 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา (Thilawa SEZ)  มีมูลค่ากว่า 2.188 พันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ภายใต้กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ปัจจุบัน มีโรงงานประมาณ 102 แห่งที่ดำเนินการในโซน A และ B ของ Thilawa SEZ โดยภาคพลังงานมีการลงทุนสะสมไปแล้วมากกว่า 3.121 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ DICA มีความยินดีและให้การต้อนรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและการลงทุนในประเทศของชาวเมียนมาในทุกภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งกระทรวงกลาโหมและกระทรวงที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในการลงทุนอีกด้วย

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/thilawa-sez-attracts-over-us2-188-bln-as-of-nov-2022/#article-title