นายกฯ กัมพูชา คาดสนามบินนานาชาติเสียมเรียบดึงนักท่องเที่ยวมายังกัมพูชาเพิ่มขึ้น

นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต กล่าวว่า สนามบินนานาชาติเสียมเรียบ ซึ่งเป็นสนามบินแห่งใหม่ของกัมพูชา ด้วยเม็ดเงินลงทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ พร้อมรองรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้าน บริษัท Angkor International Airport Investment (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในโครงการสนามบินนานาชาติดังกล่าวได้ปรับยอดการลงทุนจาก 880 ล้านดอลลาร์ ในปี 2019 เป็นมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์ ในปี 2022 โดยสนามบินนี้จะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงกลางเดือนตุลาคมปีนี้ สำหรับกัมพูชายังมีแผนที่จะก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ในจังหวัดตาแก้วบนพื้นที่ขนาดกว่า 2,600 ไร่ อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญประมาณ 20 กิโลเมตร จะเริ่มการก่อสร้างและแล้วเสร็จภายใน 2 ปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501366062/video-cambodian-pm-says-new-siem-reap-international-airport-is-a-big-hope-for-tourism/

โอกาสสำหรับนักธุรกิจอเมริกาในประเทศกัมพูชา

สหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยมีสินค้าส่งออกรวมร้อยละ 37 ของยอดการส่งออกทั้งหมดที่มูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 กล่าวโดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต หลังเข้าพบกับสมาชิกสมาคมกลุ่มนักธุรกิจอเมริกันในวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ก.ย.) ในระหว่างงาน “US-Cambodia Business Forum” ในนครนิวยอร์ก ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับภาคธุรกิจของอเมริกันในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกัมพูชา รวมถึงกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนต่อบริษัทอเมริกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้ามาลงทุนยังกัมพูชาเพิ่มขึ้น เพื่อหวังดึงการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันกัมพูชาถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนกัมพูชา เนื่องด้วยกัมพูชาสามารถเป็นซัพพลายเชนส่งต่อไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงมีโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจแบบ 100% ในการครอบครองธุรกิจ

อีกทั้งภาคแรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานคนหนุ่มสาวกว่าร้อยละ 65 ของกลุ่มประชากร รวมถึงกัมพูชายังอยู่ภายใต้โครงการ สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ที่เอื้อต่อภาคการส่งออกของกัมพูชา และกัมพูชายังมีสิทธิพิเศษอื่นๆ อาทิเช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้ (CKFTA) เอื้อต่อภาคการส่งออกของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501365721/an-opportunity-for-american-business-in-cambodia/

7 เดือนแรกของปี ทางการกัมพูชาอนุมัติโครงการก่อสร้างมูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์

กระทรวงการจัดการที่ดิน การวางผังเมือง และการก่อสร้าง ได้ออกใบอนุญาตสำหรับโครงการก่อสร้างรวมกว่า 2,036 โครงการสำหรับในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคมปีนี้ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 8 ล้านตารางเมตร ซึ่งรายงานของกระทรวงระบุว่า โครงการก่อสร้างที่จดทะเบียนดังกล่าวคาดว่าจะมีมูลค่ารวมถึงประมาณ 2.97 พันล้านดอลลาร์ โดยจากข้อมูลปัจจุบันกัมพูชามีโครงการก่อสร้างกว่า 63,903 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 181 ล้านตารางเมตร ด้วยเม็ดเงินลงทุน 72.37 พันล้านดอลลาร์ สำหรับภาคการก่อสร้างในกัมพูชากำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในปัจจุบันภาคดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา ด้านธนาคารกลางกัมพูชาได้กล่าวเสริมว่าการนำเข้าวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ในช่วงเดียวกันเริ่มเห็นการกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่าภาคดังกล่าวกำลังกลับมาขยายตัว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501364597/construction-projects-worth-3b-approved-in-7-months/

CDC อนุมัติโครงการลงทุนแห่งใหม่ในจังหวัดสีหนุวิลล์

คณะกรรมการเขตเศรษฐกิจพิเศษกัมพูชา (CSEZB) หน่วยงานของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติการออกใบรับรองการจดทะเบียนสำหรับโครงการลงทุนใหม่ 8 โครงการ มูลค่ารวม 64.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในบรรดาโครงการลงทุนใหม่อย่าง บริษัท Huale Steel (Cambodia) Co., Ltd. ได้ยื่นขอเสนอโครงการลงทุนมูลค่ากว่า 40 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กทุกชนิด ในเขตเศรษฐกิจพิเศษท่าเรือสีหนุวิลล์ (SPSEZ) พร้อมจ้างงานกว่า 523 คน ทำนองเดียวกัน บริษัท Wangmao (Cambodia) Homeware Co., Ltd. วางแผนจัดตั้งโรงงานผลิตเครื่องใช้ภายในบ้าน ด้วยเงินลงทุนมูลค่า 6.2 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าจะสร้างการจ้างงานถึง 1,369 ตำแหน่ง ตามมาด้วย บริษัท Cambodian Luheng Food Co., Ltd. ในการจัดตั้งโรงงานอาหารสัตว์ มูลค่าการลงทุน 3 ล้านดอลลาร์ ใกล้กันกับ บริษัท Ultimate Motion Co., Ltd. ที่มีการวางแผนลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ มูลค่าการลงทุน 3 ล้านดอลลาร์ สำหรับ บริษัท Jushi (Cambodia) Co., Ltd. วางแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก สายไฟ และสายเคเบิล ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยโครงการลงทุนของ บริษัท Starblaze (Cambodia) Plastic & Metal Co., Ltd. มูลค่าการลงทุน 3.6 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย บริษัท Wanan Gas Control (Cambodia) Co., Ltd. คาดว่าจะลงทุน 2 ล้านดอลลาร์ และ บริษัท He Dui Optoelectronics Co., Ltd. วางแผนที่จะลงทุน 1.5 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501364491/cdc-approves-40m-steel-factory-project-in-sihanoukville/

8 เดือนแรกของปี กัมพูชาส่งออกไปยังอินเดียขยายตัว 39%

กรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) รายงานสถานการณ์การส่งออกของกัมพูชาไปยังอินเดียในช่วง ม.ค.-ส.ค. ขยายตัวกว่าร้อยละ 38.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีมูลค่ารวมกว่า 161.35 ล้านดอลลาร์ โดยปัจจุบันอินเดียถือเป็นประเทศจุดหมายปลายทางสำคัญของกัมพูชาในการส่งออก ซึ่งมูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังอินเดียคิดเป็นร้อยละ 1 ของการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดสำคัญอย่างจีนก็เห็นถึงการเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 16.8 ไปยังเวียดนามขยายตัวร้อยละ 26.1 แต่การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงมีส่วนแบ่งการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดที่ร้อยละ 38.9 ของการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา รองลงมาคือเวียดนามและจีน ที่ร้อยละ 11.8 และร้อยละ 6 ตามลำดับ สำหรับการนำเข้าของกัมพูชาจากอินเดียปรับตัวลดลงร้อยละ 15.1 ที่มูลค่า 145.56 ล้านดอลลาร์ ทำให้กัมพูชาเกินดุลการค้ากับอินเดียกว่า 15.78 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501363964/cambodias-exports-to-india-rise-by-39-percent-in-jan-aug/

ADB ปรับ GDP กัมพูชาลดลงเหลือ 5.3%

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกัมพูชาลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.3 โดยได้นำเสนอไว้ในรายงานแนวโน้มการพัฒนาเอเชีย (ADO) ประจำเดือนกันยายน 2023 จากการคาดการณ์ GDP ไว้ที่ร้อยละ 5.5 ในเดือนเมษายน สำหรับรายงานประจำเดือน ก.ย. ชี้ให้เห็นว่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทางของกัมพูชาหดตัวลงกว่าร้อยละ 18.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่การลดลงดังกล่าวได้รับการชดเชยบางส่วนด้วยการส่งออกสินค้ากลุ่มอื่นๆ ที่นอกเหนือจากเสื้อผ้า โดยเฉพาะชิ้นส่วนยานยนต์ แผงโซลาร์เซลล์ และเฟอร์นิเจอร์ มีการขยายตัวกว่าร้อยละ 22.9 ด้านการนำเข้าสินค้าลดลงร้อยละ 22.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการนำเข้าสิ่งทอลดลงร้อยละ 17.9 เชื้อเพลิงลดลงร้อยละ 10 และยานพาหนะลดลงร้อยละ 26.9 ด้านทุนสำรองระหว่างประเทศขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 18.4 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2023 จาก 17.8 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2022 สำหรับความเสี่ยงมีแนวโน้มไปในทิศทางลบ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ชะลอลง รวมถึงภาวะการเงินโลกที่ตึงตัวเป็นเวลานาน ราคาพลังงานที่สูงขึ้น ไปจนถึงความกังวลเกี่ยวกับหนี้ภาคเอกชนที่สูงและเสถียรภาพทางการเงินในประเทศที่ต่ำ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501363962/adb-revised-down-cambodias-gdp-to-5-3-percent-for-2023/

จีนอนุมัติการนำเข้ามะพร้าวสดจากกัมพูชา

ศุลกากรจีนอนุญาตให้สามารถนำเข้ามะพร้าวสดจากกัมพูชาและอะโวคาโดจากเวเนซุเอลา โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ก.ย.) ตามการประกาศของสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและเวเนซุเอลา ในช่วงระหว่างวันที่ 14-16 กันยายน ตามข้อมูลของศุลกากรกัมพูชา ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2023 การค้าทวิภาคีระหว่างจีนและกัมพูชามีมูลค่าอยู่ที่ 8.09 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังจีนที่มูลค่า 940 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 โดยการส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร อาทิเช่น กล้วย มะม่วง และลำไย เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501363495/fresh-cambodian-coconuts-venezuelan-avocados-approved-to-enter-china/

กัมพูชาตั้งเป้าส่งออกข้าวสารไปยังจีนขยายตัว 20%

นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต กล่าวว่า กัมพูชากำลังวางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวสารไปยังจีนอีกร้อยละ 20 โดยได้กล่าวไว้ในระหว่างการประชุมพบปะกับแรงงาน รวมถึงโรงงาน 18 แห่ง ในจังหวัดตาแก้ว ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่อาวุโสจากทุกกระทรวงเข้าร่วมงาน ด้านนายกฯ ยังได้รายงานอีกว่าหลังการเดินทางไปเยือนจีน ทางการกัมพูชาได้หารือกับญี่ปุ่นและประเทศสมาชิกอาเซียน หวังกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงดึงดูดการลงทุนและเปิดโอกาสทางการค้ากับประเทศต่างๆ ปัจจุบันความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนถือเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชาเป็นอย่างมากด้วยการได้รับโครงการลงทุนขนาดใหญ่จำนวนมากที่สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นกัมพูชาหลายแสนตำแหน่ง และเพิ่มมูลค่าการส่งออกของประเทศ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม ซึ่งหลังจากการได้ร้องขอในการเพิ่มโควต้าการส่งออกข้าวของกัมพูชา ทางการได้ร้องขอให้ภาคเอกชนโดยเฉพาะผู้ส่งออกข้าวร่วมมือกันส่งเสริมการส่งออกข้าวและเพิ่มมาตรฐานให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501363031/cambodia-plans-to-increase-export-of-milled-rice-to-china-by-20/

8 เดือนแรกของปี กัมพูชานำเข้า น้ำมันและก๊าซ มูลค่ารวมกว่า 2.28 พันล้านดอลลาร์

สำหรับในช่วงเดือน มกราคม-สิงหาคม ปีนี้ กัมพูชานำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันและก๊าซมูลค่ารวมกว่า 2.28 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 9.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) โดยคาดว่าความต้องการในการใช้ผลิตภัณณ์ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.8 ล้านตัน ภายในปี 2030 จากปริมาณ 2.8 ล้านตัน ในปี 2020 ซึ่งปัจจุบันกัมพูชานำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 100% ซึ่งมีแหล่งนำเข้าส่วนใหญ่มาจากไทย เวียดนาม และสิงคโปร์

ด้าน OPEC, สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ และสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ล้วนคาดการณ์ถึงการขาดดุลของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นในไตรมาสหน้า เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ควบคุมอุปทานการผลิตและการส่งออกทั่วโลก โดยคาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันจ่อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันในกัมพูชาล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ก.ย.) อยู่ที่ 1.12 ดอลลาร์ ต่อลิตร ขณะที่น้ำมันดีเซลราคาอยู่ที่ 1.15 ดอลลาร์ ต่อลิตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501362703/cambodia-imports-oil-and-gas-products-worth-2-28-billion-in-the-first-eight-months-of-the-year/

AMRO ปรับการเติบโต GDP ของกัมพูชาเหลือ 5.3%

องค์กรวิจัยเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) ได้ปรับลดอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) กัมพูชา ลงเหลือร้อยละ 5.3 สำหรับการประมาณการครั้งที่ 3 ภายในปี 2023 ด้วยการสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงภาคการผลิตโดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่ม และกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ขณะที่ภาคการผลิตเครื่องนุ่งห่มซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของกัมพูชามีอัตราการเติบโตที่ช้าลง และภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา จึงทำให้ AMRO ปรับลดการเติบโตของ GDP ลงเหลือร้อยละ 5.3 จากร้อยละ 5.7 ที่ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนกรกฎาคม และร้อยละ 5.9 ในเดือนเมษายนปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501362523/amro-revises-down-cambodias-gdp-growth-to-5-3-for-2023/