วิกฤตขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในเวียดนาม ทรุดตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2050

คณะกรรมการกำกับดูแลของสมัชชาแห่งชาติ รายงานว่าแหล่งทรัพยากรพลังงานปฐมภูมิที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติกำลังจะหมดไป เนื่องจากไฟฟ้าพลังน้ำถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว รวมไปถึงปริมาณน้ำมันและก๊าซจากแหล่งพลังงานหลักลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จากรายงานของธนาคารโลก ประจำเดือน ส.ค. มีการประเมินความสูญเสียของเวียดนาม พบว่าเวียดนามสูญเสียรายได้จากวิกฤตพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.3% ของ GDP

โดยผู้เชี่ยวชาญได้เตือนถึงการขาดแคลนไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือของประเทศ ทำให้จะไม่มีการจัดตั้งโรงงานใหม่เกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ เวียดนามจำเป็นที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ และอาจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าได้จนถึงปี 2050

ที่มา : https://www.retailnews.asia/power-shortage-in-vietnam-looms-until-2050/

‘ก.คลังเวียดนาม’ เผยการบริหารหนี้สาธารณะอยู่ในการควบคุมได้

กระทรวงการคลัง (MoF) เปิดเผยว่าในปี 2565 หนี้สาธารณะของเวียดนาม คิดเป็น 37.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในขณะที่หนี้ต่างประเทศ มีสัดส่วนราว 36.1% ของ GDP ซึ่งจากคำประกาศของกระทรวงฯ ฉบับที่ 16 ว่าด้วยหนี้สาธารณะของเวียดนามในปี 2561-2565 จากเป้าหมายที่รัฐสภากำหนดไว้ในการชำระหนี้สาธารณะในปี 2564-2568 ได้เสร็จสิ้นแล้ว

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnams-public-debt-management-on-right-track-ministry-post130392.html

‘เวียดนาม’ อาจพลาดเป้าจีดีพีในปี 2566

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยว่าเวียดนามอาจจะพลาดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ โดยภาคอุตสาหกรรมที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีทิศทางที่ขะลอตัวลง ทั้งนี้ สมัชชาแห่งชาติ รายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 5% ต่อปี ซึ่งก่อนหน้านี้ เวียดนามตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ไว้ที่ 6.5% ในปี 2566 ลดลงจาก 8.02% ในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอ ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเวียดนามในปีนี้

ที่มา : https://www.reuters.com/markets/asia/vietnam-lawmakers-expect-country-miss-2023-gdp-growth-target-2023-10-16/

‘ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเวียดนาม’ เตรียมเปิดตัวบริการรถแท็กซี่ไฟฟ้าในสปป.ลาว

นาย Nguyen Van Thanh ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทกรีน แอนด์ สมาร์ท โมบิลลิตี้ เจเอสซี (GSM) กล่าวว่าบริษัทได้ดำเนินโครงการส่งรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทวินฟาสต์ (VinFast) จำนวน 150 คัน ไปยังประเทศสปป.ลาว เพื่อให้บริการรถแท็กซี่ไฟฟ้า และนับเป็นครั้งแรกของบริษัท GSM ที่เข้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยตามแผนของบริษัทจะเปิดตัวรถแท็กซี่ไฟฟ้าในสปป.ลาว ในปี 2566 ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 1,000 คัน รุ่นวินฟาสต์ วีเอฟ อี5 พลัส (VF 5 Plus) และวินฟาสต์ วีเอฟ อี34 (VF e34) หลังจากนั้นจะพัฒนาระบบนิเวศการบริการอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าและให้บริการเสริม เช่น การจองรถแบบแพ็คเกจ การจองรถท่องเที่ยว และการจองรถยนต์ส่วนบุคคล

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-e-taxi-firm-gsm-to-provide-service-in-laos-post1052518.vov

‘การค้าเวียดนาม-กัมพูชา’ ช่วง 9 เดือนแรกปี 66 มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลทางสถิติของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกัมพูชา เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 เวียดนามและกัมพูชามีมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 4.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% การส่งออกของกัมพูชาไปยังเวียดนาม มีมูลค่า 2.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 2.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 11% ทั้งนี้ ในปัจจุบัน เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของกัมพูชา รองจากจีนและสหรัฐฯ และยังเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐฯ

นอกจากนี้ สำนักงานการค้าเวียดนาม ประจำประเทศกัมพูชา รายงานว่าโครงสร้างการส่งออกสินค้าเวียดนามไปยังกัมพูชามีความหลากหลาย เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความเชื่อมโยงทางอุตสาหกรรมและธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-cambodia-trade-hits-nearly-us5-billion-over-nine-months-post1052529.vov

‘AMRO’ คาดเศรษฐกิจเวียดนาม ปี 66 โต 4.5%

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2566 จะขยายตัว 4.7% และจะเร่งตัวขึ้นที่ 6% ในปี 2567 หลังจากชะลอตัวอย่างมากในไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจเวียดนามก็กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องมาจากได้รับสัญญาณจากคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นทางธุรกิจฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามในระยะสั้นยังคงมีความเปราะบาง เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มการเติบโตในระยะปานกลาง

ที่มา : https://vir.com.vn/vietnams-economic-growth-projected-at-47-per-cent-in-2023-105916.html

‘หอการค้ายุโรป’ ชี้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตสดใส

สภาหอการค้าสหภาพยุโรป (EuroCham) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (BCI) ประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยูที่ระดับ 45.1 จากระดับ 43.5 ในไตรมาสที่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีมุมมองเชิงบวกต่อสภาพทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังนับเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 รวมไปถึงภาคธุรกิจยังคงระมัดระวัง โดยมีกลุ่มตัวอย่างเพียง 22% ที่วางแผนจะขยายการดำเนินกิจการในไตรมาสที่ 4 ทั้งนี้ เมื่อประเมินความน่าดึงดูดการลงทุนทั่วโลก พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 63% มองว่าเวียดนามติดหนึ่งใน 10 อันดับของจุดหมายปลายทางการลงทุนจากต่างประเทศ และกลุ่มตัวอย่างกว่าครึ่งหนึ่งวางแผนที่จะลงทุนในเวียดนามภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่าง 59% เผชิญกับปัญหาจากกฎเกณฑ์ อุปสรรคในการขอใบอนุญาต และข้อกำหนดด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานที่เข้มงวดสำหรับแรงงานต่างด้าว

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/bright-outlook-for-vietnams-economy-eurocham-report/

‘ตลาดรถยนต์เวียดนาม’ ร่วงมาอยู่อันดับ 5 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สมาพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอาเซียน (AAF) รายงานว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อินโดนีเซียเป็นผู้นำตลาดที่มียอดขายรถยนต์ 505,000 คัน เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามมาด้วยไทย มียอดขายรถยนต์ 406,000 คัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์และเวียดนาม ตามลำดับ ทั้งนี้ จากข้อมูลของคนในอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าปัจจัยภายนอก ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก ได้ส่งผลกระทบต่อการบริโภครถยนต์ในเวียดนาม รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกำลังซื้อที่มีผลต่อยอดขายรถยนต์ลดลง นอกจากนี้ เมื่อพิจารณายอดขายรถยนต์ในเดือน ส.ค. พบว่าปริมาณการขาย 22,540 คัน ลดลง 27% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็นผลมาจากผู้บริโภคยังคงเข็มงวดในการจับจ่ายใช้สอย ท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-automobile-market-slides-to-fifth-in-southeast-asia/269345.vnp

‘เวียดนาม’ ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก

จากข้อมูลล่าสุดของธนาคารโลก (WB) ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีเม็ดเงินทุนไหลเข้าประเทศและการเบิกจ่ายเงินทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าเวียดนามยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในเวียดนาม ถึงแม้ว่าเผชิญกับความไม่แน่นอนทั่วโลก โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นเก่า ได้แก่ สิงคโปร์ จีนและญี่ปุ่น มีความไว้วางจและความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในเวียดนามมากขึ้น ทั้งนี้ นาย ดอนแลม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท VinaCapital Group กล่าวว่าจากการสำรวจเบื้องต้น พบว่านักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจกับการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการยกระดับศักยภาพของภาคการบริโภคในเวียดนาม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นับเป็นโอกาสที่ดีของเวียดนามในการดึงดูดเงินทุนไหลเข้าประเทศในระยะยาวมากขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-attractive-to-foreign-investors-despite-global-uncertainties-post1051514.vov

‘เวียดนาม’ โชว์ 9 เดือนแรก ลงทุนต่างประเทศ พุ่ง 4.6%

หน่วยงานส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศ กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามลงทุนในต่างประเทศ มูลค่าประมาณ 416.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี และจากเม็ดเงินลงทุนดังกล่าว เงินลงทุนที่ธุรกิจจดทะเบียน มีมูลค่ากว่า 244.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยจำนวนโครงการใหม่ 84 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 70.5% ของมูลค่าเงินลงทุนจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ นักลงทุนชาวเวียดนามส่วนใหญ่ลงทุนในภาคการค้าส่งค้าปลีก ด้วยมูลค่าเงินลงทุนราว 150.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  รองลงมาภาคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ภาคการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม

ในขณะที่แคนาดาเป็นแหล่งลงทุนสำคัญที่สุดของนักลงทุนชาวเวียดนาม รองลงมาสิงคโปร์ สปป.ลาว และคิวบา

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-overseas-investment-up-46-during-nine-months/268894.vnp