‘เวียดนาม’ ตั้งเป้า GDP ปี 67 โต 6-6.5%

สมัชชาแห่งชาติเวียดนาม (NA) ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม อยู่ที่กรอบ 6-6.5% และรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 4,700-4,7300 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 แต่ว่ารัฐบาลเวียดนามจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทั้งนี้ นาย หวู ฮ่ง ทานห์ ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจของสมัชชาแห่งชาติ กล่าวระหว่างการประชุมว่าสมาชิกสภาผู้แทนมีความกังวลถึงเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศที่ตั้งเป้า 6.0-6.5% ซึ่งอยู่ในระดับสูง และยังได้แนะนำให้ลดเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5-6%

นอกจากนี้ Shanaka Peiris หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ IMF กล่าวว่าเวียดนามเผชิญกับความยากลำบากจากภาวะการส่งออก อสังหาริมทรัพย์ และการเงิน อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจเวียดนามอยู่ในช่วงฟื้นตัวดีขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1636547/2024-gdp-target-of-6-6-5-per-cent-feasible-experts.html

วิกฤตขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในเวียดนาม ทรุดตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2050

คณะกรรมการกำกับดูแลของสมัชชาแห่งชาติ รายงานว่าแหล่งทรัพยากรพลังงานปฐมภูมิที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติกำลังจะหมดไป เนื่องจากไฟฟ้าพลังน้ำถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว รวมไปถึงปริมาณน้ำมันและก๊าซจากแหล่งพลังงานหลักลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จากรายงานของธนาคารโลก ประจำเดือน ส.ค. มีการประเมินความสูญเสียของเวียดนาม พบว่าเวียดนามสูญเสียรายได้จากวิกฤตพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.3% ของ GDP

โดยผู้เชี่ยวชาญได้เตือนถึงการขาดแคลนไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือของประเทศ ทำให้จะไม่มีการจัดตั้งโรงงานใหม่เกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ เวียดนามจำเป็นที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ และอาจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าได้จนถึงปี 2050

ที่มา : https://www.retailnews.asia/power-shortage-in-vietnam-looms-until-2050/

รัฐบาล สปป.ลาว เล็งขึ้นเงินเดือนให้แก่ ข้าราชการ-ลูกจ้างภาคเอกชน ผู้มีรายได้น้อย

รัฐบาล สปป.ลาว กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการให้เงินสนับสนุนสำหรับข้าราชการที่มีค่าแรงต่ำ และเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับพนักงานภาคเอกชน เพื่อให้สามารถรับมือกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นได้ กล่าวโดยนายกรัฐมนตรี Sonexay Siphandone ด้านกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการศึกษาเพื่อพิจารณาว่างกรอบงบประมาณสำหรับโครงการนี้ ร่วมกับกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม รวมถึงสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติ สปป.ลาว โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ต้นทุนสินค้าและบริการพุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 38.06 ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการใช้ชีวิตของภาคประชาชนที่มีรายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ สำหรับสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (NA) ได้เรียกร้องให้เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำรายเดือนจาก 1.3 ล้านกีบ เป็น 2 ล้านกีบ หวังช่วยแรงงานรับมือกับความยากลำบากในสภาวะเงินเฟ้อที่กำลังเผชิญอยู่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt140.php

“เวียดนาม” เผยยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณ 28.8 ล้านล้านดอง พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

นายเหวียน ชีดุ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและลงทุน รายงานประชุมคณะกรรมการของสมัชชาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ กล่าวว่างบประมาณกว่า 28.8 ล้านล้านดอง (1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ) จากโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ยังไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณ โดยทางสมัชชาแห่งชาติได้มีมติอนุมัตินโยบายการคลังและการเงินที่สนับสนุนโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงได้กำหนดเป้าหมาย หลักการและเกณฑ์ในการคัดเลือกและการจัดสรรเงินทุนแก่โครงการลงทุนภาครัฐ ดังนั้น จึงมีการจัดสรรเงินสูงสุด 176 ล้านล้านดองในปี 2565 และปี 2566 ทั้งนี้ ในจำนวนเงินที่ไม่ได้จัดสรรนั้น มีมูลค่ามากกว่า 25.5 ล้านล้านดอง ด้วยจำนวน 169 โครงการที่กระจายไปตามหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวง หน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานท้องถิ่น

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/over-28-8-trillion-vnd-for-socio-economic-development-yet-to-be-allocated-2109916.html

สมัชชาแห่งชาติกัมพูชา อนุมัติข้อตกลงการค้าเสรี RCEP

สมัชชาแห่งชาติกัมพูชาได้อนุมัติความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งกัมพูชาได้เตรียมขั้นตอนสำหรับการเข้าร่วมข้อตกลงที่จะมีผลบังคับใช้ภายในต้นปีหน้า โดยการเข้าร่วม RCEP ของกัมพูชา ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาตลาดระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกผู้ลงนามในข้อตกลง RCEP สร้าง ด้วยการกำหนดกรอบความร่วมมือระหว่างกันที่จะให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการขยายห่วงโซ่อุปทานการค้าและการลงทุนระดับภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนทำให้เศรษฐกิจกัมพูชาและภูมิภาคฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากวิกฤตโควิด-19 โดย RCEP ถูกกำหนดให้เป็นข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเริ่มแรกประกอบด้วยประเทศสมาชิก 16 ประเทศ คิดเป็นกลุ่มประชากรรวมกว่า 3.6 พันล้านคน หรือร้อยละ 48.1 ของประชากรโลก ซึ่งผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศสมาชิก RCEP รวมกันอยู่ที่ 28.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2019 คิดเป็นร้อยละ 32.7 ของ GDP ทั่วโลก โดยการค้ารวมของประเทศที่ลงนามมีมูลค่าเกิน 11.2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ 29.5 ของมูลค่าการค้าโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50878878/assembly-approves-rcep-trade-agreement/