ราคาส่งออกข้าวเวียดนาม ทุบสถิติสูงสุด!

ราคาส่งออกข้าวของเวียดนามในปีที่แล้ว เฉลี่ยอยู่ที่ 650 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 20.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และจากข้อมูลในเดือน ก.ค. 2566 ระบุว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาส่งออกข้าวหัก 5% ของเวียดนาม อยู่ที่ 513 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 500 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นมาอยู่ที่ 510 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาส่งออกข้าวหัก 25% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยข้อมูลแสดงให้เห็นว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวมากกว่า 4.2 ล้านตัน มูลค่า 2.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 21% และ 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ อีกทั้ง ราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 539 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน นับว่าทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1551320/vietnamese-export-rice-price-sets-new-record.html#google_vignette

‘VinFast’ รถยนต์ไฟฟ้าสัญาชาติเวียดนาม เดินหน้าก่อสร้างโรงงานในสหรัฐฯ คาดเริ่มสัปดาห์หน้า!

ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนาม ‘VinFast’ กล่าวว่าบริษัทเริ่มที่จะก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสัปดาห์หน้า ด้วยเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ คุณ Thuy Le ผู้อำนวยการบริษัท VinFast Auto กล่าวว่าทางกิจการเริ่มที่จะดำเนินงานแล้ว โรงงานดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นซัพพลายเออร์หลักของธุรกิจในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าจะขายรถยนต์ไฟฟ้า 50,000 คันในปีนี้ และเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 7 เท่า

ที่มา : https://www.reuters.com/business/autos-transportation/vietnam-ev-maker-vinfast-start-construction-us-factory-next-week-2023-07-19/

‘เวียดนาม’ อนุมัติขยายคลังเชื้อเพลิง 31.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2573

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าเวียดนามได้อนุมัติแผนการขยายศักยภาพของการจัดเก็บเชื้อเพลิงภายในปี 2573 ด้วยเงินทุนสูงถึง 750 ล้านล้านด่อง หรือประมาณ 31.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนดังกล่าวจะช่วยในการจัดเก็บปริมาณน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงของประเทศ ทั้งนี้ กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาค เผชิญกับภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิง เนื่องจากอุปทานทั่วโลกที่ตึงตัว หรือการทำงานผิดพลาดของโรงกลั่นน้ำมันในท้องถิ่น นอกจากนี้ เงินทุนที่ใช้ในการระดมเงินทุนในครั้งนี้มาจากภาคธุรกิจและงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งภายใต้แผนดังกล่าว จะพัฒนาคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และสถานที่จัดเก็บ LNG ที่มีกำลังการผลิต 20 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573

ที่มา : https://www.reuters.com/business/energy/vietnam-approves-317-bln-plan-expand-fuel-storage-capacity-by-2030-2023-07-19/

ในช่วงครึ่งแรกของปี กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังเวียดนามมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี (ม.ค.-มิ.ย.) การส่งออกของกัมพูชาไปยังเวียดนามมีมูลค่ามากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 ในขณะที่การนำเข้าจากเวียดนามของกัมพูชามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยเหตุการณ์ข้างต้นส่งผลให้เวียดนามรั้งอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ สำหรับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของกัมพูชา ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา โดยในช่วงเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียวกัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังเวียดนามมูลค่ารวมมากกว่า 105 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 สำหรับสินค้าหลักที่กัมพูชาส่งออกไปยังเวียดนาม ได้แก่ สินค้าเกษตร (ข้าว ยางพารา เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มันสำปะหลัง ฯลฯ) ในขณะที่สินค้าที่เวียดนามนำเข้าไปยังกัมพูชา ได้แก่ เหล็ก วัสดุก่อสร้าง น้ำมัน ผัก ผลไม้ ปุ๋ย และเครื่องจักร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501326900/cambodias-exports-to-vietnam-reach-more-than-1-4-billion-in-h1/

‘เวียดนาม’ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคึกคัก หลังปรับนโยบายวีซ่า เข้าประเทศได้ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพียง 90 วัน

จากการอนุมัติกฎหมายว่าด้วยการเดินทางเข้า-ออกของขาวต่างชาติที่ขยายระยะที่ได้รับ E-visa สามารถเข้าและออกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายในระยะเวลา 90 วัน โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการขอวีซ่าใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถอยู่ที่เวียดนามได้นานขึ้นและใช้จ่ายมากขึ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเวียดนาม มีการจัดโปรโมชั่นและข้อเสนออื่นๆ อีกมากมาย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทำการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ทั้งนี้ จากข้อมูลของภาคการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 พบว่าเวียดนามมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 5.6 ล้านคน และทำรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 14.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ 8 ล้านคนในปีนี้ อย่างไรก็ดี ตัวเลขของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันยังไม่สามารถเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้

ที่มา : https://www.thaipbsworld.com/vietnam-to-welcome-more-international-visitors-with-unlimited-entry-90-days-visa/

กลุ่มเซ็นทรัล จัดงานแสดงสินค้า “Vietnamese Week in Thailand 2022” ครั้งที่ 6

กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม จัดงาน “Vietnamese Week in Thailand 2023” ครั้งที่ 6 งานประชุมและแสดงสินค้าเวียดนามในประเทศไทยครั้งยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 16–20 สิงหาคม 2566 ภายใต้ธีมงาน “HCM City and the Mekong Delta” สำหรับงานในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าท้องถิ่นจากภาคใต้ของเวียดนาม ได้แก่ นครโฮจิมินห์ ล็องอาน เบ๊นแจ เกียนซาง บากเลียว จ่าวิญ และด่งท้าบ ทั้งนี้ นาย Do Thang Hai รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม กล่าวว่าหลังจากจัดงานแสดงสินค้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6 ปี นับว่ามีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของภาคการส่งออกของทั้งสองประเทศ และการเชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำให้สินค้าท้องถิ่นของเวียดนามไปสู่สายตาคนไทยได้

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-eyes-sustainable-development-for-coconut-industry-post127536.html

‘ผู้ค้าปลีกเวียดนาม’ กลับมาฟื้นตัว

บริษัทหลักทรัพย์ เอส เอส ไอ (SSI) คาดการณ์ว่าธุรกิจจะกลับมาทำกำไรเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4 และในปี 2567 เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายเงินให้สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคและการปรับตัวดีขึ้นของภาวะเศรษฐกิจ ในขณะที่ผู้ค้าปลีกเวียดนามมีแนวโน้มที่จะหันไปสู่การค้าสมัยใหม่ รวมไปถึงการระดมเงินทุน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์ของผู้ค้าปลีกในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เผชิญกับอุปสรรคหลายประการ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าธุรกิจค้าปลีกได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดมาแล้ว

ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานสถิติของเวียดนาม (GSO) ระบุว่ารายได้รวมจากการค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี มูลค่ากว่า 3.01 ล้านล้านด่อง

ในขณะเดียวกันจากผลการสำรวจของ ‘Infocus’ พบว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเวียดนาม ลดลงมาอยู่ที่ 54 จุด ในเดือน มิ.ย.66 จากเดือน ก.ค.65 อยู่ที่ 63 จุด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/domestic-retailers-on-path-to-recovery/259465.vnp

‘เวียดนาม’ มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมมะพร้าวอย่างยั่งยืน

อุตสาหกรรมมะพร้าวมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนาม และควรได้รับพิจารณาให้เป็นส่วนสำคัญของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมมะพร้าวในปัจจุบันมีปัญหาในการจัดหาเงินทุน เพื่อที่จะยกระดับเทคโนโลยี ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งผลักดันให้มะพร้าวเป็นพืชอุตสาหกรรมหลักของเวียดนามภายในปี 2573 ทั้งนี้ เวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวมากกว่า 188,000 เฮกตาร์ คิดเป็น 1.67% ของพื้นที่ทั่วโลก ในขณะที่ต้นมะพร้าวนับเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเกษตรกรกว่า 389,530 ครัวเรือน และทำรายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวสูงถึง 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและแปรรูปมะพร้าว จำนวน 854 ราย และอีกกว่า 90 บริษัทที่ส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวไปทั่วโลก รวมถึงมีการจ้างแรงงานมากกว่า 15,000 คน

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-eyes-sustainable-development-for-coconut-industry-post127536.html

เจาะแผน ‘เซ็นทรัลรีเทล’ รุกเวียดนามครึ่งปีหลัง ลุยขยายซูเปอร์มาร์เก็ต

บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้บุกเบิกธุรกิจไปในเวียดนามมาเป็นระยะเวลาร่วม 10 ปีแล้ว ด้วยจุดเริ่มต้นจากการจำหน่ายกลุ่มสินค้าแฟชั่น ต่อมาในปี 2558 ได้เข้าไปเป็นหุ้นส่วนกับ เหงียนคิม (Nguyen Kim) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม หลังจากนั้นในปี 2559 ได้ขยายธุรกิจค้าปลีกมากขึ้น ด้วยการเข้าไปซื้อกิจการ บิ๊กซี เวียดนาม และขยายธุรกิจค้าปลีกมาต่อเนื่อง

ทั้งนี้ตามแผนในปี 2566 ได้มีการก่อสร้าง ศูนย์การค้า GO! จำนวน 5-7 แห่ง คาดว่าจะเปิดได้ในปี 2567 จากในปัจจุบันมีศูนย์การค้ารวม 39 แห่ง ส่วนห้างค้าปลีก มีแผนรีโนเวทใหม่ หรือ รีโมเดล รวม 10 สาขา จากในปัจจุบันมีสาขาของ GO! รวม 38 สาขา พร้อมกันนี้วางแผนรีโนเวท สาขาของ บิ๊กซีเดิมที่มีอยู่ ให้เป็นสู่ศูนย์การค้าและห้างค้าปลีก GO! จำนวน 10 สาขาให้แล้วเสร็จในปีนี้

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1078688

‘ซาวิลส์’ ชี้โอกาสของเวียดนามที่ได้รับประโยชน์สูงสุด เหตุนักลงทุนเล็งหาศูนย์การผลิตด้วยต้นทุนต่ำ

บริษัท ซาวิลส์ เอเชีย แปซิฟิก ระบุว่าประเทศต่างๆ ได้แก่ เวียดนามและอินโดนีเซีย อาจได้รับประโยชน์ หากบริษัทเริ่มที่จะมองหาศูนย์การผลิตด้วยต้นทุนต่ำในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นและต้นทุนการผลิตต่ำ โดยหลังจาก 3 ปีที่เกิดการหลุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก ดูเหมือนว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว สังเกตได้จากต้นทุนการขนส่งสินค้าทางทะเลหรือทางอากาศส่วนใหญ่กลับสู่ช่วงก่อนโควิด-19 ตลอดจนเรือตู้คอนเทนเนอร์ไม่มีคิวรอเข้าท่าเรือหลัก ทั้งนี้ Jack Harkness ผู้อำนวยการฝ่ายบริการอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคของบริษัท กล่าวว่าต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นในจีน บ่งชี้ให้เห็นว่าไม่คุ้มค่ากับการดำเนินธุรกิจ และยังแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ มองหาแหล่งการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-could-benefit-as-investors-look-for-low-cost-production-centres-savills-post1032775.vov