เวียดนามเผยยอดการบริโภคปูนซีเมนต์ เพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ตามตัวเลขสถิติของกระทรวงการก่อสร้าง ระบุว่าในเดือนมีนาคม ยอดการบริโภคผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ แตะ 8.87 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ยอดการบริโภคซีเมนต์รวมอยู่ที่ 21.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.6 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งบริโภคในประเทศ 13.48 ล้านตัน และส่งออกซีเมนต์ 3.59 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 9.5% ในขณะที่ยอดการส่งออกปูนเม็ดราว 4.53 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7.3 เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ มองว่าแม้การบริโภคซีเมนต์เติบโตช้าที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่การบริโภคคงอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก ท่ามกลางการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแนวโน้มเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น คาดว่าการผลิตซีเมนต์จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จะดำเนินการในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/9784502-cement-consumption-increases-by-2-6-over-the-same-period.html

เวียดนามเผยโควิด-19 กระทบสินเชื่อเพื่อการบริโภค

นาย Can Van Luc สมาชิกสภาที่ปรึกษาการเงินแห่งชาติ ระบุว่าสถาบันการเงินหลายแห่งได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในช่วงระบาดของเชื้อไวรัส เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะผู้บริโภคที่รัดเข็มขัดและให้ความสำคัญมากขึ้นกับการดูแลสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและใช้วิถีสุขภาพ ในขณะที่เทคโนโลยีดิจิทัล อีคอมเมิร์ซและการซื้อของออนไลน์ กลายเป็นที่นิยมแก่องค์กรและผู้บริโภค ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อผู้บริโภคกำลังค่อยๆเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี ประกอบไปด้วยข้อมูลลูกค้า ตลาดออนไลน์ การยืนยันตัวตนทางออนไลน์ ซึ่งจะผ่านบิ๊กดาต้า (Big Data) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และชำระเงินโดยตรงไปยังบัญชีของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทสำรวจและวิจัยตลาด “Ipsos” ได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง พบว่าคนเวียดนามส่วนใหญ่ 80% มีรายได้ในเชิงลบจากการได้รับผลกระทบของโควิด-19 อีกทั้ง การแพร่ระบาดยังกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาใช้กระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์และการชำระเงินออนไลน์แทนเงินสดมากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pandemic-impacts-consumer-credit/200322.vnp

เส้นทางรถไฟสปป.ลาว – จีน แล้วเสร็จไปแล้วร้อยละ 80 ของโครงการรถไฟสปป.ลาว-จีน

การวางรางรถไฟสำหรับโครงการรถไฟลาว – ​​จีนขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วร้อยละ 80 โดยส่วนสุดท้ายของเส้นทางมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมปีนี้ โครงการนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นไปที่การลงทุนในโรงสร้างพื้นฐานเช่น สร้างทางรถไฟ ทางยกระดับและอุโมงค์ แต่ยังมีการจ้างคนงานชาวสปป.ลาวจำนวนมากโดยร้อย 60 ของแรงงานในโครงการมาจากคนในท้องถิ่น โครงการรถไฟสปป.ลาว-จีน เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้ระบบการคมนาคมของสปป.ลาวพัฒนาและมีประสิทธิภาพเป็นจุดแข็งที่สำคัญในการนำพาประเทศไปสู่ “Land Link” ประทศที่เชื่อมต่อกับตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากจีน จุดนี้เองจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศและส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวของสปป.ลาว

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2021/04/18/laos-china-railway-track-80-per-cent-complete

CDC อนุมัติการจัดตั้งโรงงานใหม่ 5 แห่ง ภายในประเทศกัมพูชา

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) อนุมัติโรงงานแห่งใหม่ 5 แห่ง มูลค่าโครงการรวม 20.5 ล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มประมาณ 3,700 ตำแหน่ง จากโครงการดังกล่าว โดยโครงการแรกลงทุนโดยบริษัท Vanzel Printing & Packaging (Cambodia) Co Ltd. จะจัดตั้งโรงงานผลิตเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ภายใต้เงินลงทุน 2.1 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะสร้างงานได้ 300 ตำแหน่ง โครงการที่สองลงงทุนโดยบริษัท Windmill-FY (Cambodia) Garments Co Ltd. จะจัดตั้งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า บนเงินลงทุน 2.5 ล้านดอลลาร์คาดว่าจะสร้างงานได้ถึง 848 ตำแหน่ง โครงการที่สามลงทุนโดยบริษัท Sparkbags (Cambodia) Co Ltd. จะผลิตกระเป๋าเดินทาง เงินลงทุนอยู่ที่ 3.3 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะสร้างงานจำนวน 718 ตำแหน่ง โครงการที่สี่ลงทุนโดยบริษัท McBag Co Ltd. จะผลิตกระเป๋า เงินลงทุนอยู่ที่ 3.5 ล้านดอลลาร์ คาดว่าสร้างงานได้จำนวน 818 ตำแหน่ง และโครงการสุดท้ายลงทุนโดยบริษัท Qi Ming Xing Jia Ju Yong Pin Co Ltd. จะจัดตั้งโรงงานผลิตรองเท้า บนเงินลงทุน 9.1 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะสร้างงาน 1,022 ตำแหน่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50840647/five-new-factories-worth-20-5m-approved-by-cdc/

รัฐบาลกัมพูชาเร่งสนับสนุนภาคบริการภายในประเทศ

หลังจากกัมพูชาทำการล็อกดาวน์ประเทศลงเป็นระยะเวลา 5 วัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยรัฐบาลได้ตกลงที่จะทำงานร่วมกับองค์กรด้านอาหารและผู้ให้บริการการขนส่งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้แน่ใจว่าภาคบริการจะดำเนินกิจการต่อไปได้ในระหว่างการล็อกดาวน์ ซึ่งผู้ก่อตั้ง Nham24 ยืนยันว่า 2 วันแรกของการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและบริการจัดส่งสินค้าทุกแห่งที่ดำเนินงานในเมืองหลวงของกัมพูชา โดยรัฐบาลได้กำหนดกฎระเบียบใหม่สำหรับผู้ใช้บริการที่จะสามารถสั่งซื้อสินค้าจำเป็นเพื่อการบริโภค ร่วมกับบริการจัดส่ง เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินต่อไปได้ในช่วงของการล็อกดาวน์ประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50840654/delivery-services-back-online-as-city-hall-updates-regulations/

เวียดนามเผยวิกฤติโควิด-19 ทำคนตกงานกว่า 1 ล้านคน ในไตรมาสแรกปีนี้

ตลาดแรงงานยังคงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้จำนวนคนว่างงานในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นแตะราว 1.1 ล้านคน และอัตราการว่างงานอยู่ที่ 2.42% เพิ่มขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สำนักงานสถิติแรงงาน ภายใต้สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. จำนวนแรงงานทั้งหมด 9.1 ล้านคนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ล้วนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งจำนวนแรงงาน 540,000 คนต้องออกจากงาน และ 2.8 ล้านคนที่ถูกปลดงานเป็นการชั่วคราว และอีก 3.1 ล้านคน ลดชั่วโมงการทำงานลงหรือพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ในขณะที่ 6.5 ล้านคนได้รับรายได้น้อยกว่าเดิม ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาตลาดแรงงาน ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติแนะให้รัฐบาลเร่งทดลองเปิด ‘วัคซีนพาสปอร์ต’ พร้อมกับกำหนดหลักเกณฑ์ต้องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/over-1-million-people-lose-jobs-on-covid-19-in-q1-gso-317039.html

เวียดนามคาดอีก 10 ปีข้างหน้า ภาคบริการขยายตัว 7-8%

ภาคบริการของเวียดนาม ตั้งเป้าขยายตัว 7-8% ในปี 2564-2573 สูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของเศรษฐกิจและคาดว่าจะมีสัดส่วน 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภายในปี 2573 โดยเป้าหมายดังกล่าว ถูกกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์แห่งชาติ กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นปฏิรูปสถาบัน ส่งแสริมภาคบริการให้มีความโปร่งใสมากขึ้น พร้อมกับมีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันได้ รวมถึงเร่งปรับโครงสร้างองค์กรในภาวะการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ อีกทั้ง ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมองค์ความรู้และการแข่งขันของภาคบริการ อาทิ การท่องเที่ยว ไอที การเงินการธนาคาร โลจิสติกส์ การศึกษา การอบรมและการดูแลสุขภาพ เป็นต้น ประกอบกับจัดตั้งศูนย์บริการท่องเที่ยว เพื่อผลิตสินค้าท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูงและมีเอกลักษณ์ประจำชาติ วัฒนธรรมอันโดดเด่น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/services-sector-expected-to-expand-by-78-percent-this-decade/200218.vnp

พาณิชย์โปรโมตอาหารไทยเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงฮ่องกง

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง จัดกิจกรรมโปรโมตอาหารไทย ดึงนักธุรกิจรุ่นใหม่ ดารา เซเลบริตี้ ซึ่งได้รับการตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันกันเป็นจำนวนมาก ร่วมแข่งขันทำอาหารไทย เมนูยำส้มโอ พร้อมจัด Thai Food Fair ทั่วเกาะฮ่องกง ขยายตลาดสินค้าอาหารไทยในฮ่องกงเพิ่ม และในสถานการณ์โควิด-19 ร้านอาหารไทยมีการปรับตัว โดยจัดทำเมนูอาหารสำเร็จรูป ออกจำหน่าย เช่น ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน ผัดไท และผักบุ้งไฟแดง เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน ได้ยังร่วมกับห้าง 759 Store ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกรายใหญ่ใน จัดงาน In-Store Promotion ภายใต้ชื่อ Thai Food Fair ระหว่างวันที่ 9–22 เม.ย.2564 รวม 14 วัน เพื่อประชาสัมพันธ์และกระตุ้นการบริโภคอาหารไทย

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/837819

เกาหลีใต้ยุติการหาทุนโครงการในเมียนมา ท่ามกลางวิกฤตในประเทศส่อเค้ารุนแรงขึ้น

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา The Korea Herald เผย วิกฤตการณ์ที่ยืดเยื้อในเมียนมารัฐบาลเกาหลีใต้ไตัดสินใจหยุดการจัดหาเงินทุนผ่านกองทุนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจเกาหลี (EDCF) สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่นั่นจนถึงปีหน้า EDCF เป็นกองทุนที่ดำเนินการโดยเกาหลีใต้เปิดตัวในปี 2530 เพื่อช่วยเหลือประเทศยากจนและด้อยพัฒนาโดยการขยายเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดย EDCF เสนอเงินกู้ 70,000 ล้านวอน (62.79 ล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างสวนอุตสาหกรรมเกาหลี-เมียนมา ซึ่งมีกำหนดจะสร้างขึ้นในปี 2567 ขณะเดียวกันรัฐบาลทหารยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานอย่างไรภายหลังการการรัฐประหาร

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/exclusive-korea-stops-financing-infra-projects-in-myanmar-amid-deepening-crisis

ไทยพร้อมบังคับใช้ความตกลง ATISA เพิ่มโอกาสลงทุนบริการในอาเซียน

พาณิชย์ เผย ไทยเป็น 1 ใน 2 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้ดำเนินการให้สัตยาบันความตกลงการค้าบริการฉบับใหม่ของอาเซียน หรือ ATISA แล้ว มีผลใช้บังคับ 5 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที  โดยความตกลง ATISA เป็นความตกลงด้านการค้าบริการที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งผู้ให้บริการและนักลงทุนของไทยและสมาชิกอาเซียน ส่งเสริมบรรยากาศการค้าบริการที่สามารถคาดการณ์ได้ จึงเป็นการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในอาเซียน ทั้งนี้ภายใต้ความตกลง ATISA ไทยมีโอกาสขยายการค้าและการลงทุนในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น บริการด้านสุขภาพ บริการด้านการท่องเที่ยวและที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง บริการด้านก่อสร้าง บริการด้านการจัดประชุม และการจัดนิทรรศการ หรือ MICE เป็นต้น

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9640000033580