‘IMF’ คง GDP เวียดนามปีนี้ โต 6.5%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม คาดว่าอยู่ที่ 6.5% ในปีนี้ สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 6% จากนั้นจะฟื้นตัวเป็น 7.2% ในปีหน้า ซึ่งตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าว ทำให้เวียดนามเป็นประเทศเศรษฐกิจที่เติบโตได้เร็วเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มเศรษฐกิจหลัก 5 ประเทศของอาเซียน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตในเชิงบวก อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 2.7% ในปีนี้ จากระดับ 3.3% ในปีที่แล้ว นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกคาดว่าจะเติบโตที่ 6% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ สะท้อนให้เห็นถึงมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการใช้วัคซีนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ที่มา : http://hanoitimes.vn/imf-maintains-vietnam-gdp-growth-forecast-at-65-in-2021-316951.html

‘CPTPP’ ดันส่งออกเวียดนาม

ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ จัดขึ้นโดยสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อระดมความเห็นถึงผลลัพธ์ในช่วง 2 ปี ของการดำเนินการตามข้อตกลงความครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก (CPTPP) หลังจากลงนามไปเมื่อเดือนมีนาคม 2561 ปัจจุบันมีประเทศเข้าร่วม 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์และเวียดนาม ทั้งนี้ สมาชิกหอฯ แสดงความเห็นว่าข้อตกลงการค้าดังกล่าว ช่วยให้การส่งออกดีขึ้น มีมูลค่าถึง 34.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 และพุ่งขึ้นแตะ 34 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว โดยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศสมาชิก คิดเป็นสัดส่วน 12.02% ของยอดการส่งออกทั้งหมดของเวียดนามในปี 2563 นอกจากนี้ รองเท้า เครื่องนุ่งห่ม ไม้และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้ เป็นกลุ่มสินค้าเติบโตที่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/cptpp-gives-boost-to-vietnamese-exports/199810.vnp

ธุรกิจทอเสื่อเพิ่มรายได้เสริมให้ครอบครัวในเมืองตะด้าอู้

ชาวเมืองตะด้าอู้หารายได้เสริมจากธุรกิจทอเสื่อธินฟู่ ซึ่งชาวเมียนมาส่วนใหญ่นิยมใช้เสื่อทินฟู่เป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน วัตถุดิบหลักที่ใช้ผลิตจะใช้ต้นอ้อยดิบในการทอจากเมืองปันตานอว์ การทอสื่อหนึ่งผืนจะได้รับค่าแรง 2,500 จัต แม้ค่าจ้างจะน้อย แต่หญิงสาวในเมืองก็มีรายได้พิเศษเนื่องจากเป็นธุรกิจดั้งเดิมของท้องถิ่น ส่วนราคาขายจะอยู่ที่ราคา 15,000 จัตต่อผืน เสื่อธินฟู่มีหลายขนาด ขนาดใหญ่สุดคือ 7 ฟุต นอกจากนี้เสื่อที่ใช้ในการนั่งสมาธิยังขายได้ในราคาถึง 3,000 จัตต่อผืน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/mat-weaving-business-earns-extra-family-income-in-tada-u/

เกษตรกรเมืองยาง ปลื้ม ราคาผลผลิตฟักทองสีทองปีนี้ สร้างกำไรงาม

เกษตรกรเมืองยาง (Mongyang) ในรัฐฉาน (ตะวันออก) ปลื้มผลผลิตและราคาฟักทองพันธุ์สีทองพุ่งขึ้นเป็นที่น่าพอใจ ผลผลิตสามารถเก็บเกี่ยวได้หลังการปลูก 120 วันโดยพื้นที่เพาะปลูกหนึ่งเอเคอร์สามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 2,000 ลูก ส่งผลให้แรงงานรายวันมีรายได้จากการเก็บผลผลิต 10,000 จัตต่อวัน  เมืองยางมีบทบาทในธุรกิจการเกษตร ซึ่งเกษตรกรปลูกหัวหอม พริก มันฝรั่ง มะเขือเทศ มะเขือยาว และถั่ว โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน จากนั้นจึงจะเพาะปลูกฟักทองในฤดูหนาวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งปีนี้ให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจมาก

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/farmers-from-mongyang-happy-with-golden-pumpkin-yield-prices-this-year/

บริษัท จีนลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการพัฒนาการเกษตรในสปป.ลาว

Jiarun Agricultural Development Co. , Ltd. ของจีนและกระทรวงการวางแผนและการลงทุนสปป.ลาวได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยการศึกษาความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูป่าและการพัฒนาการเกษตรเชิงนิเวศ ในภาคใต้ของสปป.ลาว บริษัท จะดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการฟื้นฟูป่าและพัฒนาการเกษตรเชิงนิเวศในพื้นที่ 5,000 เฮกตาร์ในเขตสนามไซของแขวงอัตตะปือห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 560 กม. โครงการนี้จะสร้างงานในท้องถิ่นกว่า 50,000 ตำแหน่งซึ่งจะส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่นและมาตรฐานการดำรงชีวิตของคนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2021-04/08/c_139866707.htm

สภานการณ์ส่งออกไตรมาสแรกของกัมพูชายังคงหดตัว

สถานการณ์การส่งออกของกัมพูชาอยู่ในทิศทางที่ค่อนข้างย่ำแย่ในไตรมาสแรกของปี โดยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 5 เท่า จากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งกัมพูชาทำการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงสดรวม 978 ตัน ในไตรมาสแรกของปีนี้ตามรายงานของกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมง (MAFF) ในขณะเดียวกันการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงแปรรูปมีปริมาณอยู่ที่ 172 ตัน ณ ร้อยละ 8.60 ของเป้าหมายที่วางแผนไว้ โดยไทยและเวียดนามเป็นตลาดหลักสำหรับผลิตภัณฑ์ประมงของกัมพูชา ในขณะที่ข้าวสารของกัมพูชาถูกส่งไปยัง 41 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจีนเป็นตลาดข้าวที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชาตามด้วย 19 ประเทศในยุโรปและ 3 ประเทศในอาเซียน (มาเลเซีย สิงคโปร์และฟิลิปปินส์) โดยตัวเลขจากสมาพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการส่งออกข้าวค่อยๆฟื้นตัว จากปริมาณการส่งออกข้าวในเดือนมีนาคมที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 84.66 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50835793/first-quarter-food-exports-suffering/

กัมพูชาเร่งศึกษาโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงภายในประเทศ

กัมพูชาศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการรถไฟขนส่งมวลชนสาธารณะความเร็วสูงสายพนมเปญ
จะเสร็จสิ้นในเดือนหน้าเนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนความช่วยเหลือ รวมทั้งสามารถหาวงเงินกู้จากธนาคารภายในภูมิภาคได้สำเร็จ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกล่าวระหว่างการประชุมเสมือนจริงกับผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมืองของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ซึ่งกล่าวเพิ่มเติมว่าภาคเอกชนที่ทำการศึกษาใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยการศึกษาโครงการระบบขนส่งมวลชนระยะที่สองสำหรับรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแล้วเสร็จแล้ว ซึ่งได้ขอให้ ADB ตรวจสอบผลการศึกษา โดยรัฐมนตรีฯกล่าวเสริมว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในพนมเปญและถือเป็นการเร่งการพัฒนาอย่างรวดเร็วในระดับประเทศ

ที่มา :https://www.khmertimeskh.com/50835809/phnom-penh-mass-transit-project-studies-rolling-forward/

เวียดนามส่งออกข้าวไปไทย “พุ่ง”

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เผยว่าในช่วงกลางเดือนมีนาคม ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามรวม 214,670 ตัน เป็นมูลค่า 117.58 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 38.5% ในแง่ของปริมาณและ 40.5% ในแง่ของมูลค่า โดยเฉพาะตลาดไทยที่ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามพุ่ง 30 เท่า ด้วยปริมาณกว่า 16,250 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ตลาดอื่น อาทิ กานา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฟิจิและอินโดนีเซีย ประเทศดังกล่าวนำเข้าข้าวเวียดนามพุ่งอย่างมาก ด้วยอัตรา 74.4%, 302.9%, 500.5% และ 2,180% ตามลำดับ ทั้งนี้ ตามสถิติ ณ วันที่ 6 เม.ย. ราคาส่งออกข้างหัก 5% ลดลง 5-10 เหรียญสหรัฐ อยู่ในระดับต่ำกว่า 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากแนวโน้มราคาข้าวทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง ราคาข้าวของไทยและอินเดียปรับตัวลดลง เป็นผลมาจากค่าเงินบาทและค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnamese-rice-exports-to-thailand-enjoy-surge-848681.vov

เวียดนามตั้งเป้าปี 73 ภาคบริการมีสัดส่วน 60% ของ GDP

ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของเวียดนาม มุ่งเน้นการส่งเสริมภาคบริการในปี 2564-2573 ด้วยกำหนดวิสัยทัศน์ถึงปี 2593 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายข้างต้นนั้น รัฐบาลจะผลักดันให้เกิดการปฏิรูปองค์กรและส่งเสริมความโปร่งใส รวมถึงยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคบริการในช่วงยุคอุตสาหกรรม 4.0 นอกจากนี้ เวียดนามจะปรับโครงสร้างภาคเศรษฐกิจผ่านการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะสาขาการเงินการธนาคาร การประกันภัย การดูแลสุขภาพ การศึกษา การขนส่ง การค้าและการท่องเที่ยว เป็นต้น ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ ภาคบริการขยายตัวในทิศทางเป็นบวกที่ 3.34% เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ค่อยๆลดลง

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-government-eyes-services-sector-to-make-up-60-of-gdp-by-2030-316932.html

ราคาถั่วลิมาในตลาดปะโคะกูลดลง ผลจากอุปทานล้นตลาด

ราคาถั่วลิมากำลังลดลงเนื่องจากมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดถึง  40,000 visses ( 1 Viss เท่ากับ 1.65 กิโลกรัม) จากเเมืองเยซาเกียวตลาดปะโคะกู (Pakokku) ในเขตมะกเว ในทุกๆ วัน โดยราคาถั่วลิมาที่ตลาดปะโคะกู อยู่ที่ราคา 14,000 ต่จัตอตะกร้า แต่ราคาลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว พบว่ามีการบริโภคน้อยภายในประเทศและส่วนใหญ่ส่งออกไปยังอินเดีย จีน และประเทศในยุโรป ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 15,000 จัตต่อตะกร้า ถั่วลิมา 1 ตะกร้ามี 19 visses จากข้อมูลพบว่าราคามาลดลง 1,000 จัตต่อตะกร้าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/lima-bean-price-drops-due-to-immense-supply-into-pakokku-market/#article-title