สถานีรับ-ส่งสินค้ารถไฟจีน-ลาว เปิดให้บริการส่งสินค้าเข้าไทย

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา  การขนส่งสินค้าของการรถไฟจีน-ลาว ถูกเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการปลายทางไปยังท่าเรือแหลมฉบังของไทย ซึ่งการขนส่งสินค้าของสถานีเวียงจันทน์ใต้ของรถไฟจีน-ลาว คาดว่าเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการขนส่งสินค้าระหว่างจีนและประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยสปป.ลาวให้ความสำคัญกับโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) เสมอ เพราะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ในการเปลี่ยนจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลให้เป็นศูนย์กลางทางบกของภูมิภาค ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมต่างๆ เติบโต เช่น การค้าและการลงทุน โดย Laos-China Railway Co., Ltd. (LCRC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในเวียงจันทน์ ได้ให้ข้อมูลว่า รถไฟจีน-ลาว สามารถไปทางเหนือไปถึงเฉิงตู ฉงชิ่ง หวู่ฮั่น ซีอาน และศูนย์กระจายสินค้าอื่นๆ ของจีน พร้อมทั้งเชื่อมต่อกับทางรถไฟจีน-ยุโรป เครือข่ายทางด่วนและทางใต้เข้าถึงเมืองท่าต่างๆ เช่น ท่าเรือแหลมฉบังของไทยและสิงคโปร์ ทั้งนี้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2565 การรถไฟจีน-ลาว มีผู้โดยสารใช้บริการแล้ว 3.36 ล้านคน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารชาวสปป.ลาว ประมาณ 480,000 คน, การขนส่งสินค้า 4.69 ล้านตัน และสินค้าข้ามชายแดนจีน-ลาว 0.77 ล้านตัน

ที่มา: https://english.news.cn/20220702/ead3dc1c0b664fdfa2fa2bde9beadc52/c.html

สปป.ลาว หนุน โลจิสติกส์เชื่อมทางรถไฟ จีน-สปป.ลาว

เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคปฏิวัติประชาชนลาว และประธานาธิบดีทองลุน สีสุลิด แห่งสปป.ลาว ได้เสนอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำงานร่วมกับ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าใน สปป. ลาว (Vientiane Logistics Park :VLP) เพื่อให้ประเทศเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค อีกทั้งยังขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินงานและกำหนดกฎหมายที่จำเป็นเพื่อหนุนอุตสาหกรรมให้เติบโดได้ดียิ่งขึ้น โดยการเปิดให้บริการของรถไฟลาว-จีนตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2564 มีรายงานว่า การขนส่งสินค้าเพื่อกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกสบายและรวดเร็วขึ้น ซึ่งมีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่การเปิดดำเนินการของ VLP มีการขนส่งสินค้าระหว่างไทยและจีนเพิ่มขึ้น คาดว่าจนถึงปี 2573 จะมีการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 5 ล้านตู้ ครอบคลุมทั่วประเทศและจะมีการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ 2 ล้านตู้ต่อปีผ่าน VLP และทางรถไฟ ทั้งนี้มีการประเมินว่า VLP จะสร้างรายได้ให้กับรัฐประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://english.news.cn/asiapacific/20220630/a006b98c589f4af28f9a3e7c8bee9323/c.html

หลวงน้ำทาเซ็นสัญญาสายส่งไฟฟ้า

จังหวัดหลวงน้ำทาได้ลงนามในสัญญากับ บริษัท พีที คอนสตรัคชั่น แอนด์ ทราเวล จำกัด สำหรับการก่อสร้างโครงข่ายไฟฟ้า 22kW และสายส่งไฟฟ้าขนาด 0.4kW การสำรวจและออกแบบกริดเกิดขึ้นในปี 2563 และ 2565 โดยกระทรวงการวางแผนและการลงทุนได้อนุมัติโครงการภายใต้แผนการลงทุนภาครัฐ โครงการจะดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2569 โดยมีการชำระเงินตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2568 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างต้องปราศจากข้อบกพร่องและต้องมีใบรับรองตามสัญญา วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างจะต้องขนส่งไปยังสถานที่ก่อสร้างและมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 97.75 พันล้านกีบ ค่าก่อสร้าง 97.23 พันล้านกีบ ในขณะที่มูลค่าการจัดการโครงการอยู่ที่ 514 ล้านกีบ ตามรายงานของ Electricite du Laos (EDL) ลาวมีแผนที่จะกระชับการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้าน และเปลี่ยนแหล่งน้ำให้เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนความพยายามของประเทศในการเป็น “แบตเตอรี่พลังงานสะอาด” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากลาวยังคงปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านโครงข่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายไฟฟ้าให้กับประเทศอาเซียนอื่นๆ ตั้งแต่ปี 2564-2568 รัฐบาลมีแผนจะผลิตไฟฟ้า 1,807 เมกะวัตต์ โดยไฟฟ้าพลังน้ำคิดเป็นร้อยละ 57 ของทั้งหมด ไฟฟ้าจากถ่านหินร้อยละ 19 และพลังงานแสงอาทิตย์ร้อยละ 24

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Luang124.php

เยอรมนีสนับสนุนเงินมูลค่า 13 ล้านยูโรสำหรับสองโครงการในสปป.ลาว

เยอรมนีจะมอบเงิน 13 ล้านยูโรสำหรับระยะที่สามของโครงการพัฒนาชนบท (RDP) และโครงการจัดการที่ดินสำหรับลาว (LMPL) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลในการเชื่อมต่อถนนและเร่งการจำแนกที่ดินทั่วประเทศผ่านระบบที่เป็นหนึ่งเดียวภายในปี 2568 KfW ในนามของรัฐบาลเยอรมัน กำลังสนับสนุนลาวในการส่งเสริมการพัฒนาชนบท โดยมุ่งเน้นที่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในชนบทและการปกป้องสิ่งแวดล้อม โครงการจะดำเนินการโดยกรมทางหลวงในสังกัดกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง (MPWT) มุ่งเป้าไปที่การซ่อมแซมและปรับปรุงถนนในชนบท สะพานที่เกี่ยวข้อง และโครงสร้างพื้นฐานในชนบทอื่นๆ ในหัวพัน โครงการ LMPL ใหม่จะดำเนินการในสี่จังหวัด ได้แก่ เชียงขวาง หัวพัน อุดมไซ และไซยะบุรี ในปี 2565 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งจะมีการดำเนินหลายโครงการ ได้แก่ การสร้างขีดความสามารถการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดหาอุปกรณ์สำหรับที่ทำการราชการในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ นอกจากนี้รัฐบาลจะพยายามสนับสนุนการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เพื่อช่วยรับประกันความมั่นคงในการครอบครองที่ดิน และอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรในการลงทุนในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มผลิตภาพทางการเกษตรและส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่น ปัจจุบันลาวกำลังขยายโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะเครือข่ายถนน เพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อจากหมู่บ้านในชนบทและห่างไกลไปยังเมืองต่างๆ และเพื่อสร้างการเข้าถึงบริการสาธารณะและโอกาสทางการค้าที่ดีขึ้นสำหรับการสร้างรายได้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten122_Germany_y22.php

เลขาฯ UN วอนรวมอาหาร ปุ๋ยจากยูเครน รัสเซีย เข้าสู่ตลาดโลก

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการผลิตภัณฑ์อาหารและปุ๋ยจากยูเครนและรัสเซียเข้าสู่ตลาดโลก ต้นทุนหลักสำหรับเกษตรกรคือปุ๋ยและพลังงาน ราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งในปีที่ผ่านมา และราคาพลังงานมากกว่าสองในสาม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายพันล้านคนทั่วเอเชีย แอฟริกา และอเมริกา ปัญหาการเข้าถึงอาหารในปีนี้อาจกลายเป็นปัญหาการขาดแคลนอาหารทั่วโลกในปีหน้า ไม่มีประเทศใดจะรอดพ้นจากผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจจากภัยพิบัติดังกล่าว วิกฤตการณ์ในปัจจุบันเป็นมากกว่าอาหาร และต้องใช้แนวทางพหุภาคีที่ประสานกันด้วยการแก้ปัญหาหลายมิติ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten121_UN_y22.php

รัฐบาลจะให้สินเชื่อซื้อน้ามันเพื่อเชื่อเหลือผู้ประกอบการน้ำมัน

รัฐบาลจะจัดหา Letter of Credit ให้แก่ผู้นาเข้าน้ามันเชื้อเพลิงมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อน้ามันที่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ จานวนนี้สามารถซื้อเชื้อเพลิงได้ 200 ล้านลิตรซึ่งจะครอบคลุมความต้องการในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ 100 ล้านลิตรต่อเดือน รัฐบาลจะยังคงให้สกุลเงินต่างประเทศแก่ผู้นาเข้าต่อไปในช่วงที่เหลือของปีเพื่อจัดหาเชื้อเพลิงให้เพียงพอ รัฐบาลได้ให้สินเชื่อแม้ว่าจะมีทุนสารองเงินตราต่างประเทศจากัด มูลค่าที่ลดลงของ kip ได้เพิ่มภาระให้กับผู้นาเข้าที่พยายามหาแหล่งเงินตราต่างประเทศที่เพียงพอเพื่อซื้อเชื้อเพลิงที่จาเป็นมาก ซึ่งต้องนาเข้าทั้งหมด ในระยะยาวรัฐบาลจะพิจารณาวิธีส่งเสริมการลงทุนในโรงกลั่นน้ามันในประเทศลาว ซึ่งสามารถกลั่นน้ามันดิบได้เพื่อให้มั่นใจถึงความมั่นคงของเชื้อเพลิง ปัจจุบันไม่มีโรงงานดังกล่าวเปิดดาเนินการในประเทศ

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/ FreeConten2022_Govtto120.php

รัฐบาลพยายามรักษาพื้นที่การเกษตร 4.5 ล้านเฮกตาร์เพื่อผลผลิตในอนาคต

กระทรวงเกษตรกำลังร่างพระราชกฤษฎีกาที่มุ่งห้ามการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและชลประทานในการก่อสร้างเชิงพาณิชย์ เพื่อรักษาพื้นที่ 4.5 ล้านเฮกตาร์สำหรับการผลิตทางการเกษตรในช่วง 30 ปีข้างหน้า ดร.เพชร พรมพิภัค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ กล่าวกับสมาชิก NA ในสัปดาห์นี้ว่าการเกษตรอยู่ภายใต้การคุกคามจากโครงการพัฒนา และมีการใช้ที่ดินเพื่อการก่อสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ กระทรวงจึงกำลังร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อสงวนพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกพืช เพื่อปกป้องยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านอาหารของรัฐบาล และช่วยให้มีการผลิตทางการเกษตรที่ยั่งยืน กระทรวงหวังที่จะจัดสรรพื้นที่ปลูกข้าว 2 ล้านเฮกตาร์ โดยมีพื้นที่ว่างในปัจจุบันอยู่ที่ 700,000 เฮกตาร์ และอีก 1 ล้านเฮกตาร์สำหรับการเพาะปลูกพืชอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีการปลูกข้าว 700,000 เฮกตาร์ นอกจากนี้ กระทรวงยังต้องการให้มีที่ดิน 700,000 เฮกตาร์สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ โดยปัจจุบันใช้พื้นที่เพียง 100,000 เฮกตาร์ อีกเป้าหมายหนึ่งคือให้ปลูกผลไม้บนพื้นที่ 800,000 เฮกตาร์ โดยปัจจุบันมีไม้ผลที่ปลูกบนพื้นที่ 600,000 เฮกตาร์ ทั้งนี้กระทรวงจะเน้นการผลิตอาหารที่เพิ่มขึ้น เพื่อลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็น และช่วยควบคุมราคาอาหารที่สูงขึ้น

 

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Govt119.php

รมว.คลัง กล่าวสปป.ลาวหนี้เพิ่มแต่ยังไม่มีการผิดนัดชำระหนี้

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเปิดเผยว่า จำนวนการชำระหนี้ประจำปีเพิ่มขึ้นจาก 1.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561 เป็น 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บุญชม อุบลปะสุทธิ์ ชี้แจงสาเหตุหลักของหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นของประเทศ และแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นไปได้ รัฐมนตรีให้ความมั่นใจกับ NA ว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้ประเทศล้มเหลวในการผิดนัด “หนี้จำนวนมหาศาลสะสมจากการกู้ยืมจำนวนมากเพื่อการพัฒนาประเทศระหว่างปี 2010 และ 2016” รัฐมนตรีกล่าวในการประชุมสามัญครั้งที่ 3 ของสภานิติบัญญัติครั้งที่ 9 ของ NA ตลอด 47 ปีที่ผ่านมา สปป.ลาวได้กู้ยืมเงินประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลงทุนในการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อการส่งออก เงินกู้เหล่านี้มีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศของเราในช่วงอกีทั้งรัฐบาลได้ให้คำมั่นว่าจะใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออุดช่องโหว่ที่อาจเกิดการรั่วไหลทางการเงิน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten118_Debts.php

“เวียดนาม” จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ กระตุ้นการส่งออกไปยังตลาดสปป.ลาว ไทยและกัมพูชา

สำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม (Vietrade) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผู้เข้าอบรมประกอบด้วยผู้ส่งออกที่สนใจทำตลาดในสปป.ลาวและไทย สำหรับการประชุมดังกล่าวใช้รูปแบบไฮบริคที่จัดขึ้นแบบเสมือนจริงผ่านทาง Zoom ในขณะที่มีอีกงานที่คล้ายคลึงกันที่จะจัดขึ้นในวันถัดไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเวียดนามที่ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังกัมพูชา ทั้งนี้ ตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามและสปป.ลาว มีมูลค่าการค้ารวมกันทั้งหมด 708.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของเวียดนามไปยังตลาดสปป.ลาว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า, ยานยนต์และชิ้นส่วน, เครื่องจักร, ปุ๋ย, พลาสติกและผัก

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังอยู่ใน 10 ประเทศคู่ค้าสำคัญของเวียดนามมานับหลายปี โดยข้อมูลจากศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ชี้ให้เห็นว่ามูลค่ารวมของประเทศไทยกับเวียดนาม เพิ่มขึ้น 7 เท่าจากในปี 2547 อยู่ที่ 2.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 16.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ด้วยการเติบโตเฉลี่ยราว 11% ต่อปี

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/consultation-workshops-aim-to-boost-exports-to-laos-thailand-cambodia/231367.vnp

สมาคมเชื้อเพลิงและก๊าซ ชี้ สถานการณ์ขาดแคลนเชื้อเพลิงใน สปป.ลาว จะเริ่มคลี่คลาย

กระทรวงการคลังของสปป.ลาว ยืนยันว่าในวันจันทร์นี้ (27 มิ.ย.65) น้ำมันเชื้อเพลิงจะเพียงพอสำหรับประชาชนในประเทศ แต่สถานีบริการน้ำมันส่วนใหญ่ยังคงปิดให้บริการ ขณะที่สมาคมเชื้อเพลิงและก๊าซแห่งสปป.ลาว ชี้ว่ารถบรรทุกส่งขนส่งน้ำมันมาถึงล่าช้า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลหวังว่าวิกฤตด้านเชื้อเพลิงจะคลี่คลายภายในสัปดาห์นี้ และมีปริมาณเพียงพอสำหรับในประเทศ อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำการส่งมอบน้ำมันล่าช้าเกิดจากความคลาดเคลื่อนของการประสานงานระหว่างภาครัฐกับบริษัทน้ำมันที่ขายน้ำมัน  รัฐบาลได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทที่จัดหาเชื้อเพลิงในวันพฤหัสบดีนี้ (23 มิ.ย.65) และได้ออกหนังสือรับรองน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 200 ล้านลิตรให้กับบริษัทเชื้อเพลิงของรัฐ

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten117_Wait_y22.php