เผยตัวเลขการผลิตเพิ่มขึ้น 3 เดือนติด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน ก.ค.อยู่ที่ระดับ 85.47 ขยายตัวจากเดือน มิ.ย. 3.12% เป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แต่หดตัว 14.69% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว รวมถึงประเทศไทย ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 56.01% จากเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 55.07% ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และกำลังทยอยฟื้นตัวขึ้น สู่ระดับปกติในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ภายใต้เงื่อนไขว่าจะไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 กรณีดังกล่าว ได้ส่งผลให้เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นในบางอุตสาหกรรมที่สามารถตอบสนองต่อผู้บริโภคได้ เช่น อุตสาหกรรมอาหารและยารักษาโรค ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคู่ค้าที่สำคัญ และสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน รวมถึงปัญหาน้ำท่วมจีน ได้ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกต้องชะงักลง และอุตสาหกรรมบางประเภทต้องขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิต เกิดปัญหาด้านการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบจากฐานการผลิตในต่างประเทศ ได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายราย ต้องย้ายฐานการผลิตออกเพื่อกระจายความเสี่ยง นับเป็นโอกาสของประเทศไทย กรณีดังกล่าว จึงสอดรับกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ให้สามารถรองรับอุตสาหกรรมที่จะย้ายเข้ามาใหม่ได้ รวมถึงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่มีการเตรียมความพร้อมในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติได้ทันที.

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1918876

กัมพูชาวางมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวร่วมกับไทย

คณะทำงานด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชา – ไทย ได้หารือเกี่ยวกับการหาแนวทางแก้ไขและดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ โดยคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชานำโดยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการท่องเที่ยวและความร่วมมือระหว่างประเทศของกระทรวงการท่องเที่ยว ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พบปะกันผ่านการประชุมทางไกล โดยแบ่งปันประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งกัมพูชาและไทยได้วางกลยุทธ์ในกิจกรรมช่วยเหลือและแผนในอนาคตซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ “mitigation phase”, “early recovery” และ “post-COVID-19 crises recovery plan” โดยทำการกำหนดจังหวัดนำร่องโครงการเพื่อจัดเตรียมแพ็คเกจทัวร์ และเตรียมการต้อนรับ การจัดการที่ดี ภายใต้ความเหมาะสมและปลอดภัย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50756873/measures-to-restore-regional-tourism/

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชากับไทยในช่วง 7 เดือนแรก

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4,555 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 10.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคมกัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังประเทศไทยมูลค่า 839 ล้านดอลลาร์ ลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปีที่ร้อยละ 21.13 ตามประกาศตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ของไทย ซึ่งกัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทยทั้งสิ้น 3,716 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 7.27 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเมื่อปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชากับไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.28 สู่ 9,418 ล้านดอลลาร์  ซึ่งคิดเป็นกัมพูชาส่งออก 2,272 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 195

ที่มา : https://en.khmerpostasia.com/2020/08/25/cambodia-thailand-bilateral-trade-reaches-us4-5-billion-in-first-seven-months/

‘ไทย-เวียดนาม’ เปิดตัวศูนย์แสดงสินค้าเวียดนามที่ประเทศไทย

สมาคมนักธุรกิจไทย-เวียดนาม (BAOTV) เปิดศูนย์การแสดงสินค้าเวียดนามที่ห้างสรรพสินค้า “VT แหนมเมือง” จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 23 สิ.ค. โดยมีคุณ Ho Van Lam ประธานสมาคม BAOTV กล่าวเปิดศูนย์การแสดงสินค้าเวียดนามและเล่าถึงการส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเวียดนามในประเทศไทย เพื่อให้เป็นที่นิยมในประเทศมากยิ่งขึ้น ขณะที่ นายนายเหงียน ง๊อก เซิน กงสุลใหญ่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่าการเปิดศูนย์การแสดงสินค้าในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้บริโภคในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสามารถเข้าถึงสินค้าเวียดนามที่มีคุณภาพสูงได้ง่ายขึ้นแล้ว แต่ยังช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งสองประเทศสามารถเข้าถึงการค้าและเจาะหาโอกาสทางธุรกิจอีกด้วย นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีชาวไทยเชื้อสายเวียดนามมากกว่า 70,000 คน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnamese-goods-exhibition-centre-inaugurated-in-thailand/181755.vnp

ส่งออกไทย เดือน ก.ค. ติดลบ 11.37% ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

พาณิชย์เผยตัวเลขการส่งออก ก.ค. 63 หดตัว 11.37% เริ่มฟื้นตัวหลังจากอยู่จุดต่ำสุด การส่งออกทั้งปี ติดลบ 8-9% นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2563 มีมูลค่า 18,819 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 11.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 15,476.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 26.38% ส่งผลให้ประเทศไทยมีการค้าเกินดุล 3,343.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ การส่งออก 7 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 133,162.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 7.72% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 119,118.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 14.69% ส่งผลให้ประเทศไทยมีการค้าเกินดุล 14,044.2 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี การส่งออกทั้งปี 2563 ประเมินว่าการส่งออกไทยจะหดตัวอยู่ที่ ติดลบ 8% หรือมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 226,567 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้จะต้องอยู่ที่ 18,681 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึง ส่งออก ติดลบ 9% มีมูลค่าอยู่ที่ 224,105 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้จะต้องอยู่ที่ 18,188 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับปัจจัยที่กระทบต่อการส่งออกเดือนกรกฎาคม 2563 มองว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา โดยการส่งออกหลายสินค้าปรับตัวดีขึ้น ส่งออกเริ่มขยายตัว เช่น การส่งออกสินค้าอาหาร อาทิ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม ทูน่ากระป่อง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง สินค้าเครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เตาอบ ไม่โครเวฟ ส่วนการส่งออกรายตลาดทุกตลาดหดตัวในอัตราที่น้อยลง สะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากประเทศคู่ค้าหลายประเทศสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระรบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนผลักดันการค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน สู่ตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน เกาหลีใต้ อินเดีย กัมพูชา สหรัฐ และจัดตั้งร้านค้าท็อปไทย บนแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำของต่างประเทศ พร้อมต่อยอกบนแพลตฟอร์มไทยเทรดดอทคอมด้วย อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ปัญหาการกีดกันทางการค้าในรูปแบบใหม่ แนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ยังเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกในระยะต่อไป ส่วนปัญหาสงครามการค้า ยังเชื่อว่ายังไม่น่าจะมีมาตรการใหม่ออกมาในขณะนี้ สินค้าไทยที่ส่งออกทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐยังขยายตัวไปได้ดี พร้อมจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ย. 2563 นี้ ซึ่งจะมีมาตรการอะไรบ้างที่จะกระทบต่อการส่งออก นำเข้า ด้วย ส่วนการส่งออกไปจีนขณะนี้ กลับมาหดตัวเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาด รวมทั้งปัญหาน้ำท่วมในเมืองอู่ฮั่น เป็นต้น

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-510243

‘นิสสัน’ปักธงไทยฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน

นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังหารือกับนายราเมช นาราสิมัน ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า ทางบริษัท นิสสันฯ ได้แจ้งให้ทราบถึงการปิดโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อรวมฐานการผลิตรถยนต์สำหรับการส่งออกไว้ที่ประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)แล้ว แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทิศทางและนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัว Nissan Kicks รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%  โดยไม่ต้องชาร์จ ซึ่งนำเทคโนโลยีใหม่ e-Powers มาใช้ในรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก (นอกเหนือจาก การผลิตในบริษัทแม่ ณ ประเทศญี่ปุ่น) โดยรถยนต์รุ่นนี้มีการผลิตในไทยและส่งออกไปจำหน่ายยังญี่ปุ่นอีกด้วย สำหรับมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้น ในด้านตลาดการจัดซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่งของผู้บริหารในหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกับสำนักงบประมาณแล้ว เพื่อกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเข้าไป โดยเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐสามารถจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานได้  ส่วนมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าด้านอื่นๆ เช่น สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับประชาชนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าไปใช้ เป็นต้น จะได้มีการหารือและดำเนินการผลักดันภายใต้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายของการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำคัญของโลกต่อไป

ที่มา: https://www.posttoday.com/economy/news/631283

การค้าข้ามพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

การค้าข้ามพรมแดนของไทยลดลงร้อยละ 9.18 เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงครึ่งปีแรกเนื่องจากมาตรการล็อคดาวน์ และสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว มีเพียงกัมพูชาซึ่งเป็น 1 ใน 4 ประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย โดยเป็นชาติเดียวที่มีการเติบโตทางด้านการค้า แต่เติบโตแบบชะลอตัวลงอยู่ที่ร้อยละ 2.27 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศรายงานภาพรวมการค้าข้ามพรมแดนรวมมีมูลค่า 627 พันล้านบาท ในเดือนมกราคมถึงมิถุนายน โดยมาเลเซียเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดคิดจากมูลค่าการค้า จากตัวเลขทั้งหมดการส่งออกอยู่ที่ 365 พันล้านบาทลดลงร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การนำเข้าหดตัวร้อยละ 9.98 สู่ 262 พันล้านทำให้เกินดุลการค้าอยู่ 103 พันล้านบาท ซึ่งผู้อำนวยการใหญ่กรมการค้าต่างประเทศกล่าวว่ามาตรการ ป้องกันการระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าและการท่องเที่ยว รวมถึงเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50755682/cross-border-trade-between-cambodia-and-thailand-shows-marginal-increase/

EXIM BANK จัดงานสัมมนาออนไลน์ส่งเสริมนักธุรกิจ CLMV ลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ไทย

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา (ที่ 4 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ต้อนรับนายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ (ที่ 4 จากขวา) อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ผศ.ดร.สมชาย รัตนซื่อสกุล (ที่ 3 จากซ้าย) คณบดี คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) และนายทินกฤต สินทัตตโสภณ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท คามุ คามุ จำกัด วิทยากรในงานสัมมนาออนไลน์ Thai Franchise “Your Opportunity” จัดโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของ EXIM BANK (EXIM Excellence Academy : EXAC) ดำเนินรายการโดย ดร.นิ่มนวล ผิวทองงาม (ที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มธบ. เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักลงทุนจาก CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และอาเซียน ในการเลือกลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ไทยและโอกาสของธุรกิจใน CLMV ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่

ที่มา : https://thaipublica.org/2020/08/exim-bank-thai-brand-franchise-businesses-in-clmv/

โควิดฉุดยอดค้าชายแดน-ผ่านแดน ครึ่งปี หด 9.18% พาณิชย์ เร่งสปีดเปิดด่านเพิ่ม

กรมการค้าต่างประเทศ เผยสถิติการค้าชายแดน-ผ่านแดน 6 เดือนของปี 2563 มูลค่ารวมทั้งสิ้น 627,480 ล้านบาท ลดลง 9.18% จากปัญหาโควิด-19 พร้อมจากนี้ กรมฯดันเปิดด่านค้าชายแดนให้เพิ่มจากปัจจุบัน 40 จุด มาเลเซียยังครองแชมป์ค้าชายแดนสูงสุด สำหรับมูลค่าการค้าชายแดนกับเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ (มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา) ในช่วง ม.ค.-มิ.ย. 63 พบว่า มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้ารวม 109,401 ล้านบาท (ลดลง 26.81%) รองลงมาคือ สปป.ลาว มูลค่า 92,285 ล้านบาท (ลดลง 7.09%) เมียนมา มูลค่า 86,744 ล้านบาท (ลดลง 13.65%) และกัมพูชา มูลค่า 82,023 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.27%) เรียงตามลำดับ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปมาเลเซีย ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ และแผงวงจรไฟฟ้า สปป.ลาว ได้แก่ น้ำมันดีเซล สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ และสินค้าแร่และเชื้อเพลิงอื่นๆ เมียนมา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำมันดีเซล และปูนซีเมนต์ และกัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์ และรถยนต์นั่ง ขณะที่มูลค่าการค้าผ่านแดนประเทศเพื่อนบ้านไปยัง จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่น ๆ ในช่วง ม.ค.- มิ.ย. 63 พบว่า จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งมีมูลค่าการค้ารวม 109,896 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 16.00%) รองลงมา คือ สิงคโปร์ มูลค่า 41,694 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 13.70%) เวียดนาม มูลค่า 29,900 ล้านบาท (ลดลง 23.89%) และประเทศอื่นๆ มูลค่า 75,537 ล้านบาท (ลดลง 16.78%) สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปจีน ได้แก่ ผลไม้สดฯ เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ และยางพารา สิงคโปร์ ได้แก่ เครื่องยนต์สันดาปฯ เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ และแผงวงจรไฟฟ้า และเวียดนาม ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็นฯ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำฯ ปัจจุบันไทยได้เปิดจุดผ่านแดน (จุดผ่านแดนถาวร/จุดผ่านแดนชั่วคราว/จุดผ่อนปรนการค้าและการท่องเที่ยว/จุดผ่อนปรนพิเศษ) 40 แห่ง จากทั้งหมด 97 แห่งทั่วประเทศ โดยเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 จังหวัดสระแก้วได้มีประกาศเปิดจุดผ่านแดนเพื่อการขนส่งสินค้าเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และบ้านหนองปรือ รวมทั้งได้มีมาตรการผ่อนคลายจุดผ่านแดนที่เปิดอยู่แล้วอีก 2 แห่ง คือ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ และจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา จุดผ่อนปรนการค้าบ้านยักษ์คุ จังหวัดอำนาจเจริญ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ได้นำคณะเดินทางลงพื้นที่ ณ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ในการร่วมกันผลักดันให้มีการกลับมาเปิดทำการจุดผ่อนปรนการค้ากิ่วผาวอก อ.เชียงดาว และบ้านหลักแต่ง อ.เวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ ปัจจุบันจุดผ่อนปรนการค้าทั้ง 2 แห่งดังกล่าวปิดทำการเนื่องจากฝ่ายเมียนมาไม่อนุญาตให้มีการเดินทางเข้า-ออกด้วยเหตุผลความมั่นคงภายใน

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-506891

เวียดนามเผยการส่งออกผักและผลไม้ไปยังไทยพุ่งสูงขึ้น แม้โควิดระบาด

กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท รายงานว่าในเดือน ม.ค.-ก.ค. ยอดส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสินค้าที่มีมูลค่าลดลงมากที่สุด คือ แก้วมังกรที่มีสัดส่วนร้อยละ 34 ของยอดส่งออกรวม ลดลงร้อยละ 6 ตามมาด้วยกล้วย (9.5%), ทุเรียน (71%) และแตงโม (38.5%) โดยจีนยังคงเป็นผู้นำเข้าผักผลไม้รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 59 ของยอดส่งออกรวม แต่ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ยอดส่งออกไปยังจีนลดลงร้อยละ 29 อย่างไรก็ตาม การส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามไปยังไทย อยู่ที่ 79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 234 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ คุณ Dang Phuc Nguyen เลขาธิการสมาคมผักและผลไม้ของเวียดนาม กล่าวว่าซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือกลุ่มเซ็นทรัลของไทยในเวียดนาม ช่วยให้ผักและผลไม้เวียดนามกระจายไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตในไทย ขณะเดียวกัน มาตรฐานในการนำเข้าผักผลไม้ของไทย ไม่เข็มงวดเท่ากับสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสมสำหรับพืชของเวียดนาม (Good Agricultural Practices of Vietnam: VietGAP)

ที่มา : http://dtinews.vn/en/news/018/69437/fruit-and-vegetable-exports-to-thailand-surges-despite-pandemic.html