“สตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซ” ได้รับความนิยมในเวียดนาม

สตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และถือว่าค่อนข้างปลอดภัยในแวดวงสตาร์ทอัพเชิงนวัตกรรมในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยไม่ได้หมายถึงความสำเร็จ เพราะการจะประสบความสำเร็จได้ในตลาดที่กำลังพัฒนานั้น ต้องใช้ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก โดยเวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางด้านอีคอมเมิร์ซ มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 72.1 ล้านคน คิดเป็น 73.2% ของประชากรทั้งประเทศ และอยู่ในอันดับที่ 12 ในแง่ของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกในเดือนกันยายน ปี 2565 นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รายงานว่าในปีที่แล้ว ขนาดของตลาดอีคอมเมิร์ซค้าปลีกของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 16.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 7.5% ของรายได้ของประเทศจากการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/innovative-start-ups-in-the-e-commerce-sector-2103908.html

“ผู้ประกอบการ SMEs เวียดนาม” ก้าวเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

แม้ว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมส่วนใหญ่กว่า 90% ในเวียดนาม ยังเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แต่ผู้ประกอบการมองเห็นโอกาสที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัล (Digital Transformation) และมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ บริษัท CNS AMURA Precision Company ได้ดำเนินธุรกิจสู่การเปลี่ยนแปลงไปเป็นระบบดิจิทัลและบริษัทมีคำสั่งซื้อใหม่กับพันธมิตรทางธุรกิจต่างประเทศ นับว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งใหม่ หลังจากที่บริษัทกลายเป็นซัพพลายเออร์เทียร์ 1 ของซัมซุง นอกจากนี้ Mr. Tran Ba Linh ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตของบริษัท Dien Quang Lamp Joint Stock Company กล่าวว่านวัตกรรมสายการผลิตโดยการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินงานเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร

ที่มา : https://www.sggpnews.org.vn/vietnamese-small-medium-sized-firms-carrying-out-digital-transformation-post99855.html

นักท่องเที่ยวจีนไฟล์ทแรก เดินทางเข้าจ.คั้นห์หว่า ประเทศเวียดนามในช่วงปีใหม่

เที่ยวบิน VJ5317 ของสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ (Vietjet Air) เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติเฉิงตู ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติคัมรัน จังหวัดคั้นห์หว่า (Khanh Hoa) เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่สองของเทศกาลตรุษจีน และนับเป็นเที่ยวบินแรกที่นำนักท่องเที่ยวชาวจีนไปยังจังหวัดคั้ญหว่า หลังจากหายไปนานถึง 3 ปี อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ หน่วยงานจังหวัด เปิดเผยข้อมูลสถิติว่าในปีที่แล้ว จังหวัดทำรายได้จากนักท่องเที่ยวกว่า 13.8 ล้านล้านดอง (600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามากกว่า 2.5 ล้านคน อีกทั้ง ภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดได้ตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวราว 4 ล้านคนในปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้จ่ายอยู่ที่ 21 ล้านล้านดอง

ที่มา : https://en.nhandan.vn/first-flight-carries-chinese-tourists-to-khanh-hoa-in-new-year-post122030.html

“เวียดนาม” ประกาศลดภาษี VAT เหตุช่วยฟื้นตัวเศรษฐกิจ

กรมจัดเก็บภาษีอากร (GDT) เปิดเผยว่าทางหน่วยงานประสบความสำเร็จในการจัดเก็บงบประมาณรายได้ของรัฐบาล อยู่ที่ 1.692 ล้านล้านดอง หรือคิดประมาณ 20% ของงบประมาณรายได้รวม ซึ่งการจัดเก็บงบประมาณดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หน่วยงานสามารถจัดเก็บรายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากกว่า 85% แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐฯ อยู่ในระดับสูง ประมาณ 18% ของ GDP ส่งผลให้ธุรกิจ ประชาชนและเศรษฐกิจ เผชิญกับความยากลำบากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเวียดนามจึงดำเนินนโยบายการคลัง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค ตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภค ด้วยการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 2% หรือประมาณ 51.4 ล้านล้านดอง

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vat-reduction-helps-economic-recovery-2101467.html

“ตลาดธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกของเวียดนาม” แนวโน้มเติบโตในปี 2566

ตลาดพื้นที่ค้าปลีก (Retail space) ของเวียดนามมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมค้าปลีก โดยเฉพาะการลงทุนระลอกใหม่ของแบรนด์ดังจากต่างประเทศ ในส่วนของมุมมองของผู้เชี่ยวชาญอย่าง คุณ Nick Bradstreet หัวหน้าฝ่ายตลาดค้าปลีกของ Savills’ Asia-Pacific กล่าวว่าแบรนด์ค้าปลีกชื่อดังหลายแห่งได้พิจารณาขยายการดำเนินธุรกิจในเวียดนาม เนื่องจากเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งและเล็งเห็นถึงศักยภาพของเวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น บริษัทลอตเต้ (Lotte) เดินหน้าทำโปรเจกต์ใหม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายแก่เวียดนามในปัจจุบัน คือ ศูนย์การค้ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ค้าปลีกต่างชาติ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-retail-real-estate-market-expects-growth-in-2023-2103611.html

ประเมินเศรษฐกิจเวียดนาม 2 ฉากทัศน์ ปี 2566

จากข้อมูลของ Central Institute for Economic Management (CIEM) เปิดเผยว่าได้ทำการประเมินเศรษฐกิจเวียดนาม 2 ฉากทัศน์ (Scenario) ในปี 2566 หลังจากเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 8% ในปีที่แล้ว โดยเป็นการวิเคราะห์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้ ได้พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ มากกว่าปีที่แล้ว ได้แก่ ความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค การดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด การแข่งขันทางภูมิศาสตร์และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน เป็นต้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทางสถาบันฯ จึงประเมินเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้ ออกเป็น 2 ฉากทัศน์ (1) ฉากทัศน์แรก เศรษฐกิจของเวียดนามจะขยายตัว 6.47% และ (2) ฉากทัศน์ที่สอง เศรษฐกิจของเวียดนามจะขยายตัว 6.83%

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/two-scenarios-for-vietnamese-economy-in-2023-post997878.vov

“AMRO” ปรับเพิ่ม GDP เวียดนาม ปี 66 โตสูงขึ้น แม้ว่าศก.ภูมิภาคชะลอตัว

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) รายงานประจำเดือน ม.ค. เปิดเผยว่าได้ปรับตัวเลขเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2566 ขยายตัว 6.8% จากเดิมที่ปรับประมาณการเศรษฐกิจว่าจะขยายตัว 6.5% แต่หากเทียบกับเศรษฐกิจในประเทศภูมิภาค อาทิเช่น อาเซียน+3 ในปี 2566 ว่าจะขยายตัวประมาณ 4.3% จากในครั้งก่อนที่ประมาณการไว้ที่ 4.6% และในปี 2565 ชะลอตัว 3.7% สาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศอาเซียน +3 ที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีอัตราการขยายตัวที่อ่อนแอลงอย่างมาก นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อของเวียดนาม คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3% ในปีนี้ และเงินเฟ้อของภูมิภาคอาเซียน+3 ปรับตัวลดลงจาก 6.3% ในปี 2565 มาอยู่ที่ 4.5% ในปีนี้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1452456/amro-revises-viet-nam-s-2023-gdp-upward-despite-regional-slowdown.html

“บ่าเหรี่ยะ หวุงเต่า” ตั้งเป้ารายได้ต่อหัว 8,200 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566

คุณ Dang Minh Thong รองประธานคณะกรรมการจังหวัดบ่าเหรี่ยะ หวุงเต่า (Ba Ria – Vung Tau) กล่าวว่าในปี 2566 เงินลงทุนเพื่อการพัฒนาในจังหวัดจะสูงถึง 59 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 6.54% โดยรายได้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 89 ล้านล้านดอง ดังนั้น ทางหน่วยงานจังหวัดจึงจัดทำแผนการปฏิบัติงาน (Action Plan) อาทิเช่น โครงสร้างพื้นฐานระหว่างภูมิภาค โครงการสำคัญต่างๆ รวมถึงโครงการของรัฐฯ ระยะกลางในปี 2564-2569 และยังพัฒนาจังหวัดบ่าเหรี่ยะ หวุงเต่าให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของชาติ นอกจากนี้ จังหวัดดังกล่าวได้รับเงินลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นประมาณ 2.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/ba-ria-vung-tau-aims-for-per-capita-grdp-of-8200-usd-in-2023/247275.vnp

ทุนสำรองเงินฯ ของเวียดนาม มูลค่าเติบโตสูงขึ้นในปี 2566

ตามรายงานของบริษัทหลักทรัพย์ VNDirect Securities Corporation ระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้และปรับเพิ่มทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเวียดนาม ซึ่งจะช่วยลดค่าเงินดองของเวียดนาม ทั้งนี้ บริษัท VNDirect ยังคาดว่าบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลการค้า 0.4% ของ GDP ในปีนี้ จากที่คาดการณ์ว่าจะขาดดุล 1.3% ของ GDP ในปีที่แล้ว ด้วยเหตุนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเวียดนามจะฟื้นตัวสู่ระดับการนำเข้าได้มากกว่า 3 เดือน และแตะระดับ 102 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1451472/viet-nam-s-foreign-exchange-reserves-to-grow-this-year.html

สื่ออินเดีย ชี้เวียดนามก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของเอเชีย

บทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ “THE STAT READE TIMES” เปิดเผยว่าเวียดนามจะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชั้นนำของเอเชีย โดยเฉพาะเทคโนโลยีและเครื่องแต่งกาย โดยบทความข้างต้นระบุว่าบางประเทศในเอเชียยังอยู่ในช่วงค่อยๆ ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัส แต่เวียดนามยังคงมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และ GDP ของประเทศ เร่งขยายตัว 8.02% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 นับเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้ง เวียดนามมีแรงงานที่สามารถแข่งขันได้และต้นทุนการผลิตต่ำ ประกอบกับประชากรวัยหนุ่มสาว จำนวน 97 ล้านคน โดยสัดส่วนประชากร 70% อยู่ในช่วงอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งเป็นกำลังแรงงานจำนวนมากสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต

ที่มา : https://en.nhandan.vn/indian-newspaper-vietnam-could-be-asias-next-industrial-hotspot-post121907.html