กระทรวงปราบปรามการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในสปป.ลาว

ในปีนี้มีการป้องกันไม่ให้ประชาชนจำนวน 3,342 คนไม่ให้เข้าประเทศและอีก 1,409 คนจาก 17 เชื้อชาติถูกห้ามเข้าสปป.ลาวอย่างถาวร ในปีที่ผ่านมากระทรวงความมั่นคงของประเทศได้ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับการติดตามและลงทะเบียนของชาวต่างชาติเพื่อควบคุมการเข้าเมือง ในปีนี้มีคน 9,852,571 คนจาก 166 ชาติที่เข้ามาในสปป.ลาวโดยมีชาวจีนติดอันดับ 807,737 คน และอีกแหล่งข้อมูลหนึ่งพบว่ามี 10,149,008 คนจาก 103 เชื้อชาติเดินทางออกจากสปป.ลาว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพบ 24 คนที่ใช้หนังสือเดินทางปลอม ชาวสปป.ลาวที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศจำนวน 4,200 คนถูกส่งตัวกลับประเทศ รวมถึงเหยื่อการค้ามนุษย์ 1,400 คนถูกเนรเทศไปยังประเทศต้นกำเนิดหลังจากการดำเนินธุรกิจที่ผิดกฎหมายส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม การค้ามนุษย์ การละเมิดอื่น ๆ รวมถึงการแต่งงานที่ผิดกฎหมายระหว่างชาวลาวกับชาวต่างชาติ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry.php

ธนาคารโลกเตือนถึงความจำเป็นในการพัฒนาและเพิ่มทักษะแรงงานของกัมพูชา

ธนาคารโลกได้เปิดตัวรายงานใหม่ที่เน้นความสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจของกัมพูชา โดยให้คำแนะนำในการปฏิรูปนโยบายที่ครอบคลุมเพื่อรักษาอัตราการเติบโตของประเทศ ซึ่งมีตัวแทนจากกระทรวงพาณิชยกรรม กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพเข้าร่วม เช่นเดียวกับธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียและผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากโดยรายงานแสดงถึงอัตราการมีส่วนร่วมของกำลังแรงงานสูงถึง 80% ของชาวกัมพูชาวัยทำงานทั้งหมด แม้ว่าจะกว่า 94% ของแรงงานทั้งหมดเป็นอาชีพที่มีทักษะค่อนข้างต่ำ ซึ่งผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศกัมพูชากล่าวในการเปิดงานว่าระหว่างปี 2010 และ 2015 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 12% ต่อปีและหนึ่งในสามของภาคการจ้างงานมาจาก บริษัท ข้ามชาติโดยเน้นถึงความจำเป็นในการปฏิรูปภายในระบบการศึกษาเพื่อให้ตรงกับทักษะกับความต้องการของภาคเอกชน ทั้งระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมและระบบการฝึกอบรมวิชาชีพจำเป็นต้องได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ซึ่งภาครัฐฯจะเป็นผู้กำหนดนโยบายและทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชนเพื่อจัดการกับปัญหา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50661464/world-bank-report-warns-of-need-for-diversification-and-skills-development/

BRI ส่งเสริมความสัมพันธ์จีนและกัมพูชา

บริษัทจากมณฑลหูหนานของจีนพบกับบริษัทท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัมพูชาและจีน โดยตัวแทนของบริษัทจากมณฑลหูหนานหลายร้อยคนในตอนกลางของจีนได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าการส่งเสริมการลงทุนและเครื่องจักร นำโดยคณะผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนมณฑลหูหนาน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและคมนาคมกล่าวว่างานดังกล่าวเป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบในการเชื่อมโยงธุรกิจจากหูหนานกับกัมพูชาเพื่อแบ่งปันข้อมูลและแสวงหาโอกาสในด้านการลงทุน โดย ความสัมพันธ์มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยการเปิดตัวโครงการ Belt and Road ของจีนในปี 2556 โครงการดังกล่าวมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจกัมพูชาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อปีที่แล้วจีนให้เงินกู้ยืมมูลค่า 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐแก่กัมพูชาเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะถนนสะพานและท่าเรือ โดยการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและจีนเมื่อปีที่แล้วมีมูลค่ารวม 6.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50661446/bri-boosting-ties-with-china-hunan-rep-says/

“ไทยแลนด์พลัสวัน”จับคู่ญี่ปุ่นรุกตลาด CLMV

แนวโน้มเศรษฐกิจในกลุ่มภูมิภาค CLMV เติบโตอย่างรวดเร็ว ประกอบกับต้นทุนค่าจ้างแรงงานยังต่ำ และทรัพยากรประเทศยังคงอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติแห่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้กันมากขึ้น โดยจากคำแถลงการณ์ของ “รัฐพล รังสิตพล” อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ในด้านการค้าและการลงทุนอย่างยาวนาน ทั้งนี้ ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งโตเกียว ร่วมมือกระทรวงอุตสาหกรรมจัดงาน The 4th Business Connecting 2019 ในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์พลัสวัน สู่ความเป็นไปได้ทางความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น” ซึ่งเวทีนี้ กำหนดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทำธุรกิจในกลุ่มภูมิภาค CLMV ควบคู่ไปกับการขยายฐานการผลิตไปยังกลุ่มประเทศเหล่านี้ ได้เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการเรื่องแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตที่มีราคาถูก พื้นที่ที่ตั้งโรงงาน และทรัพยากรธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การแปรรูปอาหาร เป็นต้น

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (Th)

กัมพูชาได้รับการจัดอันดับด้าน “FinTech” เป็นครั้งแรก

กัมพูชาได้รับการยอมรับเป็นครั้งแรกในปี 2019 จากรายงาน Fintech100 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง H2 Ventures และ KPMG โดยทำการประเมินบริษัทฟินเทคทั่วโลกจากการริเริ่มสร้างผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และการบริการต่างๆ ซึ่งมีเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยในการพัฒนา โดยรายงานจาก Fintech100 มีทั้งรางวัล “Top 50” และ “Emerging 50” ซึ่งจุดประสงค์เพื่อจัดอันดับบริษัทจากทั่วโลกในอุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน โดยทาง Clik ที่เป็นผู้รวบรวมบริการชำระเงินแบบดิจิทัลตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญเป็นตัวแทนของประเทศกัมพูชาที่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Clik ได้รับการยอมรับในด้านนวัตกรรมการชำระเงินแบบดิจิทัล โดยเมื่อเดือนที่แล้วได้รับการขนานนามว่าเป็น “ Best AI และ Machine Learning Startup” ที่งาน Asean Rice Bowl Startup Awards. โดยตลาดฟินเทคในภูมิภาคเป็นตลาดที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 72 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 ตาม Fintech Outlook ประจำปีของ Frost & Sullivan

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50661022/local-startup-earns-spot-in-fintech-ranking/

รายรับคลังพุ่งเกินเป้าหมายปี 2019 สูงกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

รายได้จากการจัดเก็บภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปี 2019 ที่เป้าหมาย 700-800 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เกินจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งกว่าครึ่งมาจากการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ โดยนายกฮุนเซนกล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาครัฐถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพื่อที่จะนำรายได้ไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะภายในประเทศ ซึ่งล่าสุดรัฐบาลได้พัฒนาโครงการลงทุนสาธารณะในจังหวัดพระสีหนุและการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในจังหวัดกันดาล โดนในอดีตรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีสัดส่วนเพียง 33% ของรายได้ทั้งหมดจากจัดเก็บภาษี แต่ปีนี้ตัวเลขเพิ่มเป็น 52% จากปริมาณการซื้อรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในประเทศ ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน GDT มีรายรับ 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 492 ล้านเหรียญสหรัฐจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรายรับจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตเพิ่มขึ้นกว่า 35% สู่ 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50661039/fiscal-revenue-to-surpass-2019-target-by-1-billion-prime-minister/

งานแสดงสินค้าจัดขึ้นเพื่อช่วยให้เกษตรกร สปป.ลาวได้รับผลตอบแทน

กรมส่งเสริมการพาณิชย์ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์เป็นพันธมิตรกับเกษตรกรในเวียงจันทน์เพื่อเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่ปลูกในบ้านให้กับผู้บริโภคในท้องถิ่นผ่านงานแสดงสินค้า กรมกำลังจัดงานแสดงสินค้าพืชผลเวียงจันทน์ที่ Lao-ITECC เพื่อช่วยเกษตรกรขยายฐานลูกค้าและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากขึ้นในการซื้อผลิตผลการเกษตรในท้องถิ่น งานจะมีการผลิตผลที่ปลูกในเก้าเขตของเวียงจันทน์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความตระหนักในหมู่ชาวเวียงจันทน์เกี่ยวกับคุณภาพของผลผลิตที่ปลูกในบ้านและสนับสนุนให้มีการเพาะปลูกพืชผลเกษตรอินทรีย์ในเมืองหลวง กิจกรรมดังกล่าวจะเป็นเวทีในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนสปป.ลาวซื้อและบริโภคผลผลิตในท้องถิ่นเพื่อให้ประเทศสามารถลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ไม่จำเป็น งานจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายและผู้บริโภค ในการส่งเสริมตลาดค้าส่งโดยตรงและปรับปรุงเงื่อนไขในการเพาะปลูกผักและผลไม้ จะส่งผลให้อนาคตที่สดใสสำหรับเกษตรกรและส่งเสริมการขายผลผลิตในตลาดท้องถิ่น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Crop.php

สภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาวร่วมมือกับ AOTS และ TPA สำหรับการพัฒนาพนักงานมืออาชีพ

ผู้แทนจากภาคธุรกิจของแขวงอุดมไชยเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาคุณภาพวิชาชีพที่จำเป็น จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 22 พ.ย. โดยสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาวและสภาการค้าและอุตสาหกรรมแขวงอุดมไชย ร่วมมือกับ the Association for Overseas Technical Cooperation and Sustainable Partnerships (AOTS) ) ของญี่ปุ่น กำลังดำเนินการโดยสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย – ญี่ปุ่น) (TPA) ได้จัดการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรมืออาชีพ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมคือเพื่อพัฒนาศักยภาพของภาคธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาพนักงานเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบเพื่อตอบสนองความต้องการของการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและความสามารถของบุคลากรในการทำงานอย่างมืออาชีพรวมถึงพนักงาน บริษัท ผู้จัดการและผู้ดูแลระบบ จะช่วยให้พวกเขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับระบบงาน (5S organisation) และคุณภาพการทำงานและการตรวจสอบการผลิต (Kaizen productivity)

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-national-chamber-commerce-and-industry-collaborates-aots-and-tpa-professional-employee

สายการบินเข้าตลาดพุ่งสูงขึ้น สร้างภาวะ “คอขวดโครงสร้างพื้นฐาน”

จากข้อมูลของกรมการบินพลเรือนเวียดนาม (CAAV) เปิดเผยว่าสายการบินได้ตั้งเป้าในการขยายฝูงการบิน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง สายการบินเวียตเจ็ท (Vietjet Air) ที่ได้รับเครื่องบินใหม่ 100 ลำ ของแอร์บัส (Airbus) และโบอิ้ง (Boeing) ด้วยเหตุนี้ ถือว่าเป็นโอกาสดีต่อผู้โดยสารให้สามารถเลือกสายการบินได้หลากหลาย สำหรับเที่ยวบินราคาที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม การขยายตัวอย่างรวดเร็วในด้านการบิน ทำให้สร้างความกังวลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าโครงสร้างพื้นฐานในด้านการบินยังคงอยู่ในระดับต่ำ และด้วยจำนวนหลุมจอดเครื่องบินที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้หน่วยงานรัฐฯ ต้องหาวิธีในการจัดสรรอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ จากคำแถลงการณ์ของกระทรวงคมนาคม (MOT) ระบุว่าในไตรมาสที่ 3 ทางกระทรวงฯ จะเป็นผู้นำในการสนับสนุนก่อสร้างสายการบินใหม่ แต่ยอมรับว่าโครงสร้างพื้นฐานยังมีปัญหาอยู่ ประกอบกับอัตราการเติบโตของสายการบินที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/more-airlines-join-market-create-infrastructure-bottlenecks-406361.vov

เวียดนามส่งออกลำไยไปยังตลาดออสเตรเลีย

จากข้อมูลของผู้ก่อตั้งบริษัท Aus Asia Produce ประกอบธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายผลไม้ในรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ระบุว่าในงานเทศกาลลำไยเวียดนาม มีการขายลำไยกว่า 500 กิโลกรัม ภายในไม่กี่ชั่วโมง ประกอบกับข้อมูลของรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและทรัพยากรน้ำออสเตรเลีย เปิดเผยว่าภาคเกษตรกรรมเวียดนามมีศักยภาพที่จะสร้างมูลค่ากว่าพันล้านเหรียญสหรัฐฯจากการส่งออก และด้วยข้อตกลงการค้าระหว่างเวียดนามกับออสเตรเลีย จะเปิดโอกาสด้านการลงทุนและการค้าทั้ง 3 ประเทศอย่างมาก อย่างไรก็ตาม รายได้ในการส่งออกผลไม้ของเวียดนามไปยังออสเตรเลีย ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจากข้อมูลของสถิติกรมศุลกากรเวียดนาม แสดงให้เห็นว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศอยู่ที่ 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีเพียงน้ำมันดิบเท่านั้นที่มีมูลค่ามากกว่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ แนะนำให้หน่วยงานของทั้งสองประเทศร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อจัดการในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/548635/vietnamese-longan-to-go-to-australia.html#jB4xDBbQrr6CzmqB.97