‘เวียดนาม’ เผย CPI พ.ย.66 เพิ่ม 3.45%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพฤศจิกายน ปรับตัวขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน (MoM) และ 3.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) สาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อเวียดนามปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ต้นทุนการให้บริการด้านสุขภาพและค่าเล่าเรียนที่สูงขึ้นในส่วนของท้องถิ่น รวมถึงราคาข้าวในประเทศที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวขึ้น 3.22% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 4.27% โดยสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อของเวียดนามตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาจากต้นทุนของสายการบินและความต้องการในการเดินทางที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ตามมาด้วยค่าเล่าเรียน อาหารและค่าไฟฟ้าของภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้น 7.35%, 6.67% และ 4.55% ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1637260/november-s-cpi-grows-3-45-per-cent.html

มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว-เกาหลี วางแผนจัดตั้งอุตสาหกรรมนมใน สปป.ลาว

มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว (NUOL) และมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (SNU) ประเทศเกาหลีใต้ กำลังหารือกันถึงแผนการจัดตั้งฟาร์มโคนมในประเทศลาว หลังจากเปิดตัวหลักสูตรโคนมครั้งแรกในภาควิชาปศุสัตว์ที่คณะเกษตรศาสตร์ NUOL คาดว่าโครงการนี้จะใช้เวลาดำเนินการ 7 ปี ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 4 ส่วน ภายใต้มูลค่ารวม 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขั้นแรกได้เปิดสอนหลักสูตรผลิตภัณฑ์นมที่กรมปศุสัตว์ ตามด้วยการเขียนตำราเรียนและสื่ออื่นๆ ให้นักศึกษาและคณาจารย์นำไปใช้ จากนั้นอาจารย์และนักวิจัยชาวลาวจะได้รับเชิญให้ไปเยือนเกาหลีเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการวิจัยของตนสุดท้ายจะมีการสร้างฟาร์มต้นแบบและโรงงานผลิตนมที่คณะเกษตรโดยร่วมมือกับบริษัทการเกษตรในประเทศลาว เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เรียนรู้ไปยังเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของ สปป.ลาว

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_234_Lao_Korean_y23.php

นายกฯ สปป.ลาว แนะชาวพงสาลีผลิตสินค้าเกษตรและหัตถกรรมเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น

นายกรัฐมนตรี สนชัย สีพันโดน แนะนำหน่วยงานในเมืองพงสาลีให้กระตุ้นการพัฒนาแต่ละท้องถิ่นตามศักยภาพในการปลูกพืช ผลิตสินค้าหัตถกรรม และเลี้ยงปลา เพื่อการส่งออก และยังได้แนะนำให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอนชาวบ้านถึงวิธีที่ดีที่สุดในการปลูกพืชและเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อเพิ่มผลผลิต ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการศึกษาและขยายเครือข่ายการดูแลสุขภาพให้กับทุกหมู่บ้าน นอกจากนี้ ได้เข้าเยี่ยมชมหมู่บ้านหนองกินลี ซึ่งชาวบ้านบางส่วนถูกย้ายออกจากหมู่บ้านกอมานใหม่ หลังถูกน้ำท่วมขณะสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำอู โดยเจ้าหน้าที่หมู่บ้านหนองกินลีสรุปปัญหาที่ชาวบ้านกำลังเผชิญอยู่รวมถึงการดำเนินกิจการเหมืองถ่านหินบริเวณรอบหมู่บ้าน ซึ่งทำให้สภาพความเป็นอยู่ของผู้คนแย่ลง นอกจากนี้ พวกเขาไม่มีที่ดินเพียงพอที่จะปลูกพืชผลและการเข้าถึงพื้นที่เพาะปลูกของพวกเขาก็ทำได้ยาก ปัญหาอีกประการหนึ่งคือไม่มีระบบชลประทานเพียงพอที่จะใช้เพาะปลูก ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาจัดสร้างระบบน้ำบาดาลให้มีน้ำเพียงพอกับความต้องการของชาวบ้าน

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_234_PM_y23.php

ภูมิภาคมะเกว ต้อนรับนักท่องเที่ยว 1.5 ล้านคนใน 10 เดือน

ระหว่างเดือนมกราคมถึงตุลาคม ที่ผ่านมา ภูมิภาคมะเกวได้รับนักท่องเที่ยวเกือบ 1.5 ล้านคน ซึ่งรวมทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ตามการระบุของ U Myint Sein ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการโรงแรมและการท่องเที่ยวประจำภูมิภาค ซึ่งในช่วงเทศกาล Thadingyut ในเดือนตุลาคมเดือนเดียวมะเกว ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวไปแล้วถึง 0.87 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในปีนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้แสวงบุญ ซึ่งถูกดึงดูดให้ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเจดีย์ Myathalun และเจดีย์ Mann Shwesetw อย่างไรก็ดี ภูมิภาคนี้มีมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และกำลังมีการพัฒนาโครงการการท่องเที่ยวเชิงกีฬาสำหรับนักปั่นจักรยานในหุบเขาทรายของพื้นที่ Gyatkya ใน Yenangyoung เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น

ที่มา : https://www.mdn.gov.mm/en/magway-region-welcomes-15-mln-visitors-10-months

เมียนมาร์ยกระดับการผลิตน้ำมันปรุงอาหารให้มีความพอเพียงสูง

ในปัจจุบันการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของเมียนมาร์ส่งผลให้มีการนำเข้าน้ำมันบริโภคหลายพันตันต่อปี ตามสถิติล่าสุด เมียนมาร์มีการนำเข้าน้ำมันปรุงอาหารมากกว่า 800,000 ตัน ทั้งนี้ เพื่อลดรายจ่ายจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งต้องสนับสนุนให้เกษตรกรในท้องถิ่นขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชน้ำมัน ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้นักธุรกิจผลิตน้ำมันปรุงอาหารคุณภาพสูง เนื่องจากความจำเป็นตอนนี้อยู่ที่การมุ่งมั่นที่จะบรรลุผลผลิตตามเป้าหมายสำหรับข้าวเปลือก ถั่ว ข้าวโพด และพืชน้ำมัน กุญแจสู่ความสำเร็จอยู่ที่เกษตรกรใช้สายพันธุ์พืชที่มีคุณภาพ ดินที่อุดมสมบูรณ์ น้ำประปาที่มีประสิทธิภาพ และเทคนิคการเกษตรขั้นสูงผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง ประชากรเมียนมาร์บริโภคพืชน้ำมัน เช่น ถั่วลิสงและงา นอกเหนือจากน้ำมันปรุงอาหาร การเก็บรักษาพืชผลเหล่านี้ไว้เพื่อผลิตน้ำมันในประเทศแทนการส่งออก มีศักยภาพที่จะยกระดับความเพียงพอของน้ำมันในท้องถิ่นได้มากถึงร้อยละ 249.5 ต่อปี การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลให้การนำเข้าน้ำมันปรุงอาหารลดลงอย่างมีนัยสำคัญประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่เกษตรกรทุกคนจะต้องเข้มข้นขึ้นในการเพาะปลูกพืชน้ำมันเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการบริโภคน้ำมันในท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม การขยายตัวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้ของผู้ปลูกในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็ลดการพึ่งพาน้ำมันปรุงอาหารจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ พืชน้ำมันซึ่งเป็นส่วนสำคัญของภาคเกษตรกรรม ยังช่วยเพิ่มผลผลิตต่อเอเคอร์ ซึ่งส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ GDP ของประเทศ

ที่มา : https://www.mdn.gov.mm/en/raise-cooking-oil-production-have-high-sufficiency

บริษัทผู้ผลิตเหล็กมาเลเซีย จัดทำข้อตกลงร่วมกับผู้ประกอบการกัมพูชาในการจัดหาทรัพยากร

บริษัท LEFORM Bhd ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เหล็ก ได้ทำสัญญาร่วมกับ บริษัท Nim Meng Group Co., Ltd. ประเทศกัมพูชา ผ่านบริษัทย่อยอย่าง บริษัท Leform Metal SdnBhd ในการจัดหาทรัพยากรเผื่อการผลิตราวกั้นทางหลวง สำหรับโครงการปรับปรุงถนนแห่งชาติหมายเลข 5 ด้วยมูลค่าสัญญารวมกว่า 1.95 ล้านดอลลาร์ โดยโครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งและประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ในกัมพูชา ซึ่งสัญญาดังกล่าวจะเริ่มต้นในช่วงเดือนสิงหาคม 2024 และสิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม 2024

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501398756/listed-malaysian-steel-products-manufacturer-leformbags-supply-deal-in-cambodia-worth-1-9-million/

ปริมาณนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลน้ำเสียมราฐขยายตัว ขณะที่ทางฝั่งนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเสียมราฐ รายงานถึงสถานการณ์ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วง 3 วัน ของเทศกาล Royal Water Festival (เทศกาลน้ำ) ว่ามีปริมาณนักท่องเที่ยวมาเยือนยังเสียมราฐถึง 304,261 คน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2019 แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือเพียง 14,261 คน หรือคิดเป็นการลดลงกว่าร้อยละ 46.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 ที่ปริมาณ 26,592 คน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 290,000 คน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันที่ประมาณ 250,000 คน โดยในพื้นที่จังหวัดอังกอร์ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวประมาณ 147,000 คน พนมกุเลนประมาณ 8,000 คน และตามแนวแม่น้ำเสียมราฐประมาณ 110,000 คน รวมถึงในเขตชุมชนการท่องเที่ยวประมาณ 25,000 คน เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501398982/in-pictures-numbers-up-but-foreign-tourists-down-by-almost-50-for-siem-reap-water-festival/

‘เวียดนาม’ เผยเดือน พ.ค. ส่งออกดิ่ง 6.4% ขณะที่ผลผลิตอุตฯ พุ่ง 5.8%

สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานข้อมูลของรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ว่าการส่งออกของเวียดนาม มีมูลค่าอยู่ที่ 306 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวลดลง 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) ระบุว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 3.45% จากปีก่อนหน้า

ที่มา : https://www.reuters.com/markets/asia/vietnams-year-to-date-exports-down-64-nov-industrial-output-up-58-2023-11-29/

‘เวียดนาม’ เผย ม.ค.-พ.ย. เม็ดเงินลงทุนใหม่จากต่างประเทศ พุ่ง 14.8%

กระทรวงการวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่ายอดเงินลงทุนใหม่จากต่างประเทศในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.66 อยู่ที่ 28.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งจากจำนวนเงินลงทุนข้างต้น พบว่าโครงการที่จดทะเบียนใหม่ ยอดปรับเพิ่มเงินทุนและการเข้าซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน การเบิกจ่ายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเวียดนาม ทำสถิติสูงสุดที่ 20.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากการสนับสนุนและความร่วมมือของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหากฎหมาย นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีมูลค่าลงทุนมากกว่า 4.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาฮ่องกงและเกาหลีใต้

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/new-foreign-investments-in-jan-nov-rise-14-8-y-o-y/

สะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 5 คืบหน้า 80% คาดเปิดใช้ปีหน้า

งานก่อสร้างสะพานมิตรภาพลาว-ไทย ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 คืบหน้าแล้วกว่า 80% และคาดว่าจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้งานได้ภายในปีหน้า โดยงานก่อสร้างที่เหลือบนสะพานซึ่งเชื่อมโยงจังหวัดบึงกาฬของไทยกับแขวงคำม่วนทางตอนกลางของ สปป.ลาว จะเสร็จสิ้นในปี 2567 บางกอกโพสต์อ้างคำพูดของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย มานะพร เจริญศรี สะพานแห่งใหม่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้า ผู้คน และบริการ และเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทย ลาว และเวียดนาม จากพันล้านบาทเป็นหมื่นล้านบาท สะพานนี้รวมถึงถนนทางเข้ามีระยะทาง 16.18 กิโลเมตร โดย 12.13 กม. เป็นของประเทศไทยและส่วนที่เหลือเป็นของประเทศลาว โดยสะพานนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคมนาคมใหม่ผ่านจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม และสกลนคร เมื่อสะพานเปิดใช้ ยานพาหนะจำนวนมากจะใช้เส้นทางนี้ ดังนั้น แนวทางถนนสายเดี่ยวที่มีอยู่จะต้องได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนเป็นทางคู่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_233_5th_y23.php