นายกฯ เศรษฐา เตรียมสร้างพันธมิตรการค้าโลกนอกรอบ WEF

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เตรียมหารือประเด็นสำคัญกับผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทระหว่างประเทศชั้นนำ ขณะที่เขาเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ที่สวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์นี้ โดยจุดสนใจหลักของการพูดคุยนอกรอบจะเกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน ซึ่งส่งเสริมความร่วมมือกับผู้เล่นหลักในภูมิทัศน์ธุรกิจระดับโลก ทีมโฆษกรัฐบาลระบุ นกยากฯ เศรษฐา เตรียมหารือเกี่ยวกับโอกาสทางการค้าและการลงทุนกับผู้บริหารจากบริษัทต่างประเทศชั้นนำหลายแห่ง ได้แก่ DiethelmKellerSiberHegner (DKSH) Dubai Port World (DP World) Standard Chartered เทเลนอร์ Coca-Cola Nestlé Grab และ Robert Bosch โดยการประชุมที่เมืองดาวอสคาดว่าจะมีส่วนสำคัญต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความร่วมมือของไทยในเวทีระหว่างประเทศ

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/economy/40034707

AIDC ผนึกกลุ่ม ปตท. ร่วมพัฒนาสวนกาแฟวนเกษตร

Asia Investment, Development and Construction Sole Co., Ltd. (AIDC) และกลุ่ม ปตท. ได้แก่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ บริษัท ปตท. (ลาว) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ความเข้าใจ (MOU) ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ในการสนับสนุนสวนกาแฟวนเกษตรในประเทศลาว เป้าหมายของความร่วมมือคือเพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟมีสถานที่ปลูกพืชที่มีประสิทธิผลและยั่งยืนมากขึ้น ข้อตกลงดังกล่าวลงนามระหว่างประธาน AIDC นายเพชรสภา ภูมิมาศักดิ์ และตัวแทน OR ปตท. และ ปตท. (ลาว) ซึ่งมี CEO ของ OR นายดิสทัต ปันยารชุน และบุคคลอื่น ๆ เป็นสักขีพยาน

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_08_AIDC_y24.php

กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางฮาลาลของอาเซียน

กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังดำเนินการตามแผนเพื่อจัดตั้งประเทศให้เป็นศูนย์กลางฮาลาลที่สำคัญในอาเซียน โดยนางพิมพ์พัตรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมหารือเกี่ยวกับความคิดริเริ่มนี้กับเจ้าหน้าที่ในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดฮาลาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก นางพิมพ์พัตรา มีกำหนดพบปะกับหน่วยงานมาตรฐาน มาตรวิทยา และคุณภาพแห่งซาอุดีอาระเบีย (SASO) โดยเน้นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดมาตรฐาน แผนของรัฐบาลยังรวมถึงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลข้ามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และบางส่วนของสงขลา ทางเดินนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับวิถีชีวิตในท้องถิ่นและขยายผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลที่หลากหลาย ครอบคลุมอาหาร แฟชั่น และการท่องเที่ยว กระทรวงคาดว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับฮาลาลจะมีส่วนทำให้ GDP ภาคอุตสาหกรรมของประเทศเพิ่มขึ้น 1.2% ภายใน 3 ปี มูลค่าตลาดโลกสำหรับธุรกิจฮาลาลคาดว่าจะสูงถึง 2.32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 โดยในปี 2565 การส่งออกอาหารฮาลาลของไทยมีมูลค่า 213 พันล้านบาท คิดเป็น 2.7% ของตลาดโลก

ที่มา: https://thainews.prd.go.th/en/news/detail/TCATG240108115722827

ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ช่วยขับเคลื่อนตลาดแรงงานข้ามพรมแดนของลาว

เมื่อประชากรไทยมีอายุมากขึ้น แรงงานต่างด้าวก็มีโอกาสงานใหม่ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการแรงงานข้ามชาติจากบริษัทต่างๆ ในไทยที่เพิ่มขึ้น ประเทศไทยได้ดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลไทยได้ขยายเวลาการอยู่ต่อให้กับแรงงานข้ามชาติจากเมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม จนถึงวันที่ 20 มกราคม 2567 ในระหว่างที่แรงงานเหล่านี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาตทำงาน สถานการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญ เมื่อลาวต้องต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อัตราเงินเฟ้อที่สูง และค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลง ภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายทำให้โอกาสในการทำงานในประเทศไทยเป็นที่สนใจมากขึ้นสำหรับแรงงานข้ามชาติชาวลาว

ที่มา: https://laotiantimes.com/2024/01/04/thailands-aging-population-drives-lao-labor-market-across-the-border/

นายกฯ เศรษฐา เผยแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อระหว่างไทย, เวียดนาม, ลาว และกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เปิดเผยแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อระหว่างไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชาหลังจากพบปะผู้นำทั้งสามเมื่อวันอาทิตย์ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นนอกรอบการประชุมสุดยอดในกรุงโตเกียว เพื่อรำลึกถึงความร่วมมือ 50 ปีของญี่ปุ่นกับประเทศในกลุ่มอาเซียน นายกเศรษฐา กล่าวในการหารือกับประธานาธิบดีเวียดนาม หวอ วัน ทุ่ม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะฟื้นฟูการประชุมคณะรัฐมนตรีระหว่างทั้งสองประเทศ เวียดนามได้เสนอให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมปีหน้า นากยกฯ เศรษฐา กล่าวว่าวาระการประชุมจะรวมถึงราคาข้าวเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยประธานโว เสนอว่า ไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ต้องดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างราบรื่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางระหว่างประเทศต่างๆ ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแยกกัน นายกฯ เศรษฐา กล่าวชมเชยแนวคิดนี้ว่าสร้างสรรค์และกล่าวว่าเขาจะสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล หารือเกี่ยวกับปัญหานี้และทำงานเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทั่วทั้งสี่ประเทศ ในการหารือกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา เศรษฐากล่าวถึงประเด็นต่างๆ รวมถึงการจัดตั้งสถานกงสุลไทยในเมืองเสียมเรียบเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมนครวัดอันโด่งดัง นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังขอบคุณเศรษฐาสำหรับการดูแลคนงานชาวกัมพูชาในประเทศไทย ในการเจรจากับประธานาธิบดี Joko Widodo ของอินโดนีเซีย Srettha ยืนยันว่าอินโดนีเซียจะซื้อข้าวไทยจำนวน 2 ล้านตัน การส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นไปยังอินโดนีเซียมีความโดดเด่นเนื่องจากภัยแล้งรุนแรงและฤดูฝนที่ล่าช้าซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ Joko Widodo ยังให้คำมั่นที่จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าพบนายธรรมนัส พร้อมเภา รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในต้นปีหน้า “สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มราคาและความต้องการข้าวไทย” ทั้งนี้ ประธานาธิบดียังแสดงความสนใจโครงการ Land Bridge มูลค่า 1 ล้านล้านบาทของประเทศไทย และจะมีการหารือเพิ่มเติมเร็วๆ นี้

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/economy/40033917

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในปี 2567 จากการท่องเที่ยวและการส่งออก

เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโต 2.4% ในปีนี้ และขยายตัว 3.2% ในปี 2567 อย่างไรก็ตาม หากคานึงถึงผลกระทบของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล อัตราการเติบโตในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.8% ลดลงจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 4.4% โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการส่งออกที่ฟื้นตัว การบริโภคภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้จ่ายภาคบริการ ประกอบกับการจ้างงานและรายได้ที่ดีขึ้น ปัจจัยสาคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไม่ต่ากว่า 30 ล้านคน สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มการเติบโตในภาคการบริการ การขนส่ง และการค้าปลีก ภาคการส่งออกคาดว่าจะเติบโต 3.8% ในปี 2024โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวปานกลางในเศรษฐกิจโลกการฟื้นตัวของการส่งออกจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษในภาคอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ และการบริโภคในประเทศคาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสาคัญในการเติบโตในปี 2024 การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะเติบโต 3.5% โดยได้แรงหนุนจากค่าจ้างและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การบริโภคของรัฐบาลก็คาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตในเชิงบวกเนื่องจากรัฐบาลยังคงลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่อไปแนวโน้มเงินเฟ้อ โดยรวมคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวปานกลางในปี 2567 แนวโน้มยังเป็นบวก แต่มีความเสี่ยงบางประการที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวได้

ที่มา : https://www.nationthailand.com/more/commentary/40033896

ผู้ประกอบการไทย-จีน MOU ซื้อขายมัน,กาแฟกว่า 5,430 ล้านบาท

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการไทย-จีน ที่โรงแรม Wanda Vista Kunming นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งการลงนามในครั้งนี้ เกิดขึ้นตามนโยบาย Quick Win ของรัฐบาล ในการผลักดันการส่งออก โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าทางออนไลน์ล่วงหน้าให้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าแป้งมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์กาแฟ กับผู้นำเข้าสินค้าไทยในจีน (Thai-Yunnan Quick Win Business Matching and Networking) ซึ่งสามารถตกลงซื้อขายกันได้ และนำมาซึ่งการลงนามในครั้งนี้ ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้นำเข้าจีน โดยเป็นการตกลงสั่งซื้อสินค้าแป้งมันสำปะหลังและสตาร์ชที่ผลิตได้จากหัวมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์กาแฟ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,430 ล้านบาท

ที่มา : https://www.innnews.co.th/news/politics/news_654821/#google_vignette

‘รถไฟความเร็วสูงเชื่อมหนองคาย-เวียงจันทน์’ คาดว่าจสร้างแล้วเสร็จในปี 2571

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงสายหนองคาย-เวียงจันทน์ (HSR) เชื่อมโยงการค้าไทย-จีน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2571 ภายใต้มูลค่าลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท มีระยะทาง 7.3 กิโลเมตร ซึ่งจะเริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และออกแบบโครงการขั้นสุดท้ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2567 ตามด้วยการประมูลก่อสร้างที่มีกำหนดการเริ่มเปิดประมูลในปี 2568 ทั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดของโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จะมีระยะทางครอบคลุม 606 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ถึงหนองคาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการระยะแรก ซึ่งตั้งเป้าที่จะวางเส้นทาง 253 กิโลเมตรระหว่างกรุงเทพฯ ถึงนครราชสีมา มูลค่าลงทุนกว่า 1.79 แสนล้านบาท ปัจจุบันเสร็จสมบูรณ์ 28.6% ซึ่งความล่าช้าที่เกิดจากปัญหาการเวนคืนที่ดินได้ขัดขวางความคืบหน้าในการก่อสร้าง กระทบต่อลำดับเวลาของโครงการ ซึ่งตามหลักการแล้วควรจะอยู่ที่ 50% อย่างไรก็ตาม การศึกษาความเป็นไปได้สำหรับส่วนเชื่อมต่อนครราชสีมาถึงหนองคายได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว กระทรวงฯ รอการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจาก รฟท. เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนต่างๆ เหล่านี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างประเทศไทยและจีน

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/15/high-speed-rail-linking-nong-khai-vientiane-expected-to-complete-in-2028/

‘กรมศุลกากร’ เผย 11 เดือน เวียดนามนำเข้ารถยนต์จากไทยมากที่สุด

จากรายงานทางสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าไทยขายรถยนต์ให้กับเวียดนาม จำนวนทั้งสิ้น 50,144 คัน มูลค่ามากกว่า 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 18% และ 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รองลงมาอินโดนีเซียและจีนที่เป็นซัพพลายเออร์รถยนต์รายใหญ่อันดับที่ 2 และ 3 โดยมียอดขายรถยนต์ 40,474 คัน และ 9,843 คัน ลดลง 36.7% และ 39% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามลำดับ

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในเดือนพฤศจิกายน 2566 พบว่าเพียงเดือนเดียว เวียดนามนำเข้ารถยนต์ 7,508 คัน มูลค่า 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นปริมาณลดลง 21.9% และมูลค่าลดลง 24.3%

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-imports-most-cars-from-thailand-over-11-months-2227668.html

“ทุเรียนเวียดนาม” มาแรง จีนนำเข้าพุ่ง 5.4 หมื่นล้าน คู่แข่งสำคัญ”ทุเรียนไทย”

ข้อมูลจากศุลกากรหนานหนิงระบุว่า มูลค่าสินค้านำเข้าจากเวียดนามผ่านด่านโหยวอี้กวน ช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคมของปีนี้ รวมอยู่ที่ 9.14 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.47 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 271.8% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าผลไม้เวียดนาม 1.17 หมื่นล้านหยวน (ราว 5.73 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 637.9% โดยมูลค่าการนำเข้าทุเรียนรวมอยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านหยวน (ราว 5.43 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นกว่า 3,084% ทั้งนี้ ทุเรียนเวียดนามมีฤดูเก็บเกี่ยวยาวนานกว่า และราคาถูกกว่าได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตลาดจีนภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในปี 2022 โดยปัจจุบันจีนกลายเป็นตลาดส่งออกทุเรียนแห่งหลักของเวียดนาม

ที่มา : https://www.prachachat.net/world-news/news-1459289