สปป.ลาว-ฟิลิปปินส์ พร้อมหนุนอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน การค้า และการเกษตร

Mr. Enrique Manalo รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์กล่าวถึงโอกาสในการร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน การค้า และภาคการเกษตร ร่วมกับกัมพูชา หลังร่วมหารือกับคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคี สปป.ลาว-ฟิลิปปินส์ (JCBC) นำโดย Mr. Saleumxay Kommasith นอกจากการสนับสนุนในเรื่องข้างต้นทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการกำหนดเที่ยวบินตรงเชื่อมระหว่างสองประเทศเพื่อหวังกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวระหว่างกันในอนาคต ขณะที่ ACEN Renewables บริษัทสัญชาติฟิลิปปินส์ ได้เข้าถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งเป็นโครงการพลังงานลมโครงการแรกใน สปป.ลาว และโครงการพลังงานหมุนเวียนข้ามพรมแดนโครงการแรกในเอเชีย โดยเชื่อว่าเป็นการสนับสนุนยุทธศาสตร์การเติบโตด้านพลังานสีเขียวของ สปป.ลาว ซึ่งปัจจุบันทั้งสองประเทศได้สานความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันมาแล้วกว่า 70 ปี โดยได้จัดทำข้อตกลงร่วมกันทั้งหมด 22 ฉบับ ภายใต้การวางกรอบความสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นไปที่ความมีมนุษยธรรมมากขึ้น มั่งคั่งขึ้น และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_151_Foreign_y23.php

SME Bank ปล่อยกู้ 54 ล้านดอลลาร์ แก่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวกัมพูชา

ธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งกัมพูชา (SME Bank) ปล่อยเงินกู้รวม 54 ล้านดอลลาร์ ณ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ให้แก่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชา ผ่านโครงการความร่วมมือทางการเงินเพื่อการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว โดยจำนวนเงินกู้ที่เบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 36 ของเป้าหมายในการปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจที่กำหนดไว้ที่ 150 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวคิดเป็นการสนับสนุนจากรัฐบาลมูลค่ารวม 75 ล้านดอลลาร์ ร่วมกับเงินสมทบของสถาบันการเงินอีก 75 ล้านดอลลาร์ โดยปัจจุบันมีบริษัท/องค์กรกว่า 349 แห่ง ที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการในการฟื้นฟูธุรกิจหลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวยังกัมพูชาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งภายใต้โครงการดังกล่าวให้สินเชื่อสูงสุด 400,000 ดอลลาร์ต่อราย ที่อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 6.5 ต่อปี และมีระยะเวลาเงินกู้สูงสุด 7 ปี สำหรับภาคการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักของเศรษฐกิจกัมพูชา โดยในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดกัมพูชาดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 6.6 ล้านคนในช่วงปี 2019 สร้างรายได้รวมกว่า 4.9 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 12 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501337906/sme-bank-disburses-54m-loans-to-tourism-related-biz/

มิ.ย. เบี้ยประกันภัยรับในกัมพูชาพุ่งแตะ 28.7 ล้านดอลลาร์

ภาคธุรกิจประกันภัยในกัมพูชารายงานสถานการณ์เบี้ยประกันภัยรับภายในประเทศมีมูลค่าแตะ 28.7 ล้านดอลลาร์ ณ เดือนมิถุนายนปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันมีบริษัทประกันทั่วไป 18 แห่ง, บริษัทประกันชีวิต 14 แห่ง, บริษัทประกันรายย่อย 7 แห่ง, บริษัทรับประกันภัยต่อ 1 แห่ง, นายหน้าประกันภัย 20 แห่ง และบริษัทตัวแทนนายหน้าประกัน 34 แห่ง รวมถึงภาคส่วนอื่นๆ ดำเนินการอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งเบี้ยประกันขั้นต้นของตลาดประกันทั่วไปในเดือนมิถุนายนปีนี้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24.2 คิดเป็นมูลค่ารวม 11 ล้านดอลลาร์ จาก 8.9 ล้านดอลลาร์ ในเดือนมิถุนายนปีก่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 17 ล้านดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.1 ขณะที่เบี้ยประกันรายย่อยที่ 562,487 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ด้านมูลค่าเงินค่าสินไหมทดแทนที่จ่ายโดยบริษัทประกันในช่วงเวลาดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันร้อยละ 88 หรือคิดเป็นมูลค่า 3.3 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่า 1.7 ล้านดอลลาร์ ในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501338092/insurance-sector-logs-28-7m-premium-in-june/

พาณิชย์ชี้ตลาดส่งออกยานยนต์ไปอินเดียสดใสด้วยแต้มต่อ FTA

นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก น.ส.กัญญาวัลย์ สืบสิงห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจนไน เกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดยานยนต์และอินเดียในช่วงที่ผ่านมาว่า มูลค่าจำหน่ายยานยนต์ของอินเดียในเดือน มิ.ย.66 ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นรถสามล้อ 75% รถแทรกเตอร์ 41% รถจักรยานยนต์ 7% รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 5% และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 0.5% เนื่องจากอินเดียไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ได้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ ทั้งนี้ ตลาดยานยนต์อินเดียเติบโตและไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่อินเดียนำเข้าชิ้นยานยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีภายใต้ FTA ไทย-อินเดีย และ FTA อาเซียน-อินเดีย ดังนั้นผู้ส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยควรสร้างจุดเด่นให้กับสินค้าและบริการของตน ตอบสนองความต้องการของตลาด โดยอาจหารือร่วมกับผู้นำเข้า เพื่อขยายส่วนแบ่งให้เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดอินเดียในอนาคต สร้างโอกาสในการทำเงินเข้าประเทศต่อไป

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2023/323808

‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เผชิญกับอุปสรรคมากมาย

นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวในที่ประชุมรัฐบาลว่าเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การส่งออกที่หดตัวลงและวิกฤติสินเชื่อ ถึงแม้จะได้รับสัญญาของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ว่าแนวโน้มของการเติบโตทางเศรษฐกิจก็จะถูกขัดขวางจากการบริโภคที่อ่อนแอและอุปสรรคทางการค้าโลก ทั้งนี้  อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้สร้างแรงกดดันต่อหนี้สาธารณะและความกังวลทางการเงินยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะขัดขวางการฟื้นตัวของหลายๆประเทศ หลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค นอกจากนี้ ความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ ได้แก่ ความไม่มั่นคงด้านอาหารโลก ผลผลิตน้ำมันที่ซบเซาและสภาพอากาศที่รุนแรง กำลังเพิ่มข้อจำกัดที่ส่งผลกระทบต่อตลาดโลก

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-faces-protracted-economic-headwinds/

ส่งออกเวียดนามยังไม่ฟื้น เหตุอุปสงค์ทั่วโลกอ่อนแอ

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รายงานว่าภาคการส่งออกของเวียดนามเผชิญกับภาวะถดถอยในปี 2566 ทั้งการส่งออกและการนำเข้าที่หดตัวลงในอัตราตัวเลขสองหลัก ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค. และจากข้อมูลการส่งออกของเวียดนามในเดือน ก.ค. พบว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 29.68 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ภาคเศรษฐกิจในประเทศ ลดลง 4.2% ในขณะที่ภาคการลงทุนจากต่างประเทศ ลดลง 3.2% อีกทั้ง การส่งออกรวมของเวียดนามในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าอยู่ที่ 194.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 10.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สาเหตุสำคัญมาจากอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอ โดยเฉพาะตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนาม อาทิเช่น สหรัฐ (-21.8%), ยุโรป (-9.9%), อาเซียน (-9.6%), เกาหลีใต้ (-8.8%) และญี่ปุ่น (-3.5%) เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-foreign-trade-sector-struggles-as-global-demand-weakens/

‘เมียนมา’ เผยส่งออกถั่วพัลส์ 4 เดือน พุ่ง 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่าเมียนมาส่งออกถั่วพัลส์ไปยังต่างประเทศมากกว่า 550,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าราว 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 4 เดือนของปีงบประมาณ 2566-2567 โดยการส่งออกของเมียนมาส่วนใหญ่ผ่านทางทะเล มูลค่า 362.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือปริมาณ 462,894 ตัน ในขณะที่ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านพรมแดน อยู่ที่ 77.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือปริมาณ 88,907 ตัน ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของเมียนมา ได้แก่ ถั่วเขียวผิวดำ ถั่วเขียวและถั่วแระ ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดอินเดีย จีนและยุโรป นอกจากนี้ จากข้อมูลทางสถิติของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าการส่งออกถั่วพัลส์ของเมียนมาทะลุเกินกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2565-2566

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-pulses-exports-surge-garnering-us430-mln-over-four-months/#article-title

นายกฯ สปป.ลาว ร่วม รมว.เทคโนโลยี หนุนดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม

รัฐบาล สปป.ลาว เร่งดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัล และรัฐบาลดิจิทัล ภายใต้กรอบการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ 20 ปี (2021-2040) ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ 10 ปี (2021-2030) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ 5 ปี (2021-2025) โดยกรอบนโยบายต่างๆ คาดว่าจะสนับสนุนการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจของ สปป.ลาว ในระยะสั้นและระยะยาว ขณะที่รัฐบาลดิจิทัลยังส่งผลให้มีการจัดการบริการภาครัฐที่โปร่งใสมากขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ที่กระทรวงกำลังเตรียมขยายการทดลองใช้ 5G ซึ่งได้พัฒนาใน สปป.ลาว ให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อและเกตเวย์ดิจิทัลภายในภูมิภาค และรับประกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง ด้านนายกรัฐมนตรี Sonexay Siphandone แนะนำให้กระทรวงและสถาบันการวิจัยในประเทศสร้างแผนในการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ และแผนการพัฒนาสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ ภายใต้กรอบงบประมาณประจำปี 2025

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PMtechnology150.php

ยอดขายตั๋วเช้าชมนครวัดอังกอร์ขยายตัวกว่า 500%

กัมพูชาทำรายได้เข้าประเทศมากกว่า 20 ล้านดอลลาร์ จากการให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 430,000 คน ซึ่งซื้อตั๋วเข้าชมนครวัดอังกอร์ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 500% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในการเติบดังกล่าวนับเป็นนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศกว่า 2.6 ล้านคน ที่เดินทางมาเยือนยังนครวัด ในเสียมราฐ คิดเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ 2,203,696 คน และชาวต่างชาติ 439,365 คน รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกของปี กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณกว่า 2.57 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน สปป.ลาว สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เป็นสำคัญ ขณะที่การคาดการณ์ล่าสุดในปีนี้ กัมพูชาคาดว่าจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณกว่า 5 ล้านคน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 120% เมื่อเทียบกับปี 2022

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501337271/over-500-increase-in-angkor-ticket-sales/

กัมพูชาหารือร่วมกับสหรัฐฯ หวังต่ออายุสิทธิพิเศษ GSP

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาและสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาหารือร่วมกัน นำโดย Pan Sorasak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือทางการค้าในแง่มุมต่างๆ รวมถึงข้อตกลงทางการค้าใหม่ๆ และการต่ออายุระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) โดยปัจจุบันด้วยยุทธศาสตร์ชาติของกัมพูชา ประกอบกับฐานการผลิตในประเทศที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างเข้ามาแสวงหาโอกาสสำหรับทั้งการค้าและการลงทุน ซึ่งการต่ออายุระบบสิทธิพิเศษดังกล่าว มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ จากความได้เปรียบทางภาษีศุลกากรสำหรับผู้ส่งออกกัมพูชา ที่มีส่วนในการสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจของกัมพูชาเป็นอย่างมาก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501337672/renewal-of-generalised-system-of-preferences-gsp-discussed-in-cambodia-u-s-trade-talks/