วิกฤติขาดแคลนข้าวสาลี เหตุจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ดันส่งออกข้าวเวียดนามดีขึ้น

ปัญหาการหยุดชะงักของอุปทานข้าวสาลีทั่วไปที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ผู้นำเข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแสวงหาวัตถุดิบหรือธัญพืชอื่นมาแทน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อข้าวเวียดนาม โดยข้าวเวียดนามปรับราคาสูงขึ้นอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและสูงกว่าข้าวไทยอีกด้วย ข้าวคุณภาพสูงของเวียดนามในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 10-15 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการส่งออกข้าว อยู่ที่ 2.77 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าหลักที่มีความต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดแอฟริกา ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ความต้องการข้าวเวียดนามที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่เพียงแต่สามารถสังเกตได้ในตลาดดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังสามารถสังเกตได้ในตลาดระดับบนหรือตลาดไฮเอนด์ เช่น เยอรมนี สวีเดนและโปแลนด์ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะยินดีกับทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากผู้นำเข้าหลายรายเริ่มมองหาซัพพลาย เพื่อหาราคาข้าวที่ถูกกว่าท่ามกลางราคาข้าวเวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1266243/wheat-shortages-bode-well-for-vietnamese-rice.html

“เวียดนาม” ยกระดับการส่งออกข้าวคุณภาพสูง

สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) เปิดเผยว่าราคาข้าวขาวหัก 5% ของเวียดนามสูงกว่าราคาข้าวไทย อินเดียและปากีสถาน โดยเฉพาะราคาข้าวเวียดนาม 418 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงกว่าราคาข้าวไทย 8 ดอลลาร์สหรัฐและสูงกว่าราคาข้าวปากีสถาน ($30) และอินเดีย ($75) ตามลำดับ ในขณะที่ราคาส่งออกข้าวขาวหัก 25% ของเวียดนามในปัจจุบัน อยู่ที่ 403 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เท่ากับข้าวไทย แต่ยังสูงกว่าราคาข้าวปากีสถานและอินเดีย นอกจากนี้ ข้าวคุณภาพสูงของเวียดนามจะส่งออกไปยังญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป โดยเร็วๆนี้ทางบริษัท Tan Long Group JSC กับธนาคารญี่ปุ่น “Kiraboshi” ได้ร่วมจัดพิธีในกรุงโตเกียว มีวัตถุประสงค์เพื่อโปรโมทข้าว “ST25” ซึ่งเป็นข้าวหอมที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2562 สู่ตลาดญี่ปุ่น

 

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-boosts-export-of-highquality-rice/232263.vnp

เดือน เม.ย.-มิ.ย.65 เมียนมาส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 550,000 ตัน

รายงานของสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) พบว่า  สามเดือนที่ผ่านมาของปี 2565 (เม.ย.-มิ.ย.) เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักมากกว่า 550,547 ตัน จากบริษัทผู้ส่งออกข้าวประมาณ 38 บริษัทผ่านการค้าทางทะเล ในขณะที่ 33,593 ตันถูกส่งออกผ่านด่านชายแดน ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเนื่องจากความเข้มงวดของจีน ส่วนใหญ่แล้วเมียนมาสงออกข้าวไปยังฟิลิปปินส์ (65,990 ตัน) และจีน (54,635 ตัน) ปัจจุบันราคาข้าวขาวคุณภาพต่ำอยู่ที่ประมาณ 320-360 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาส่งออกค่อนข้างต่ำกว่าราคาขาวของไทยและเวียดนาม แต่ยังสูงกว่าราคาของอินเดียและปากีสถาน ทั้งนี้ราคาข้าวส่งออก (คุณภาพต่ำ) อยู่ในช่วง 29,000 และ 30,000 จัตต่อถุง (น้ำหนัก 108 ปอนด์) ราคาขึ้นอยู่กับพันธุ์ข้าวที่ในประเทศ ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2564 ถึงวันที่ 31 มี.ค.2565 ของปีงบประมาณย่อย (2564-2565)  เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักมากกว่า 1.4 ล้านตัน ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2563-2564  เมียนมาการส่งออกข้าว 2 ล้านตัน สร้างรายได้กว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-over-550000-mt-of-rice-in-april-june/#article-title

กองทุน LMC มอบเงินสนับสนุน สปป.ลาว ดำเนินการ 68 โครงการ

สปป.ลาว ได้รับเงินทุนสนับสนุนมากกว่า 18 ล้านดอลลาร์ จากกองทุนพิเศษความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง (LMC) เพื่อดำเนินการ 68 โครงการ ตามการรายงานของกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว ภายในการประชุมแม่น้ำโขง-ล้านช้าง (MLC) ครั้งที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองพุกาม ประเทศเมียนมา เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีผู้เข้าร่วมระดับรัฐมนตรีจาก สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา ไทย และเวียดนาม โดยกองทุนพิเศษ LMC ริเริ่มโดยรัฐบาลจีนในระหว่างการประชุมผู้นำ LMC ครั้งแรกในมณฑลไห่หนานของจีนเมื่อเดือนมีนาคม 2016 ซึ่งกองทุนพิเศษ LMC มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนโครงการความร่วมมือที่เสนอโดย 6 ประเทศในกลุ่ม LMC ซึ่งในปัจจุบันการค้าทวิภาคีระหว่างจีนและกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงในปี 2021 เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 4 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2020

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten128_68project.php

สหภาพแรงงานกัมพูชาเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำปรับเป็น 204-214 ดอลลาร์

ก่อนการเจรจากับทางกระทรวงแรงงานกัมพูชา สหภาพแรงงานกำหนดหัวข้อในการเจรจาขอปรับค่าแรงขั้นต่ำให้อยู่ในช่วง 204-214 ดอลลาร์ สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า กระเป๋า และสินค้าการเดินทาง ภายในปี 2023 หลังจากค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ระดับ 194 ดอลลาร์ ในปัจจุบัน โดยกระทรวงฯ ได้มอบหมายให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมพิจารณาเกี่ยวกับข้อมูลและการวิจัยทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับเกณฑ์ต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ ผลิตภาพ ความสามารถในการแข่งขัน สถานการณ์ตลาดแรงงาน และผลกำไรของภาคส่วนต่างๆ เพื่อหาความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501107632/labour-unions-in-cambodia-want-minimum-wage-of-204-214-ahead-of-talks/

ไทย-กัมพูชา ลงนาม MoU ปราบแก๊ง Call Center

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงไปรษณีย์ และโทรคมนาคมของกัมพูชา ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เกี่ยวกับความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิค รวมถึงวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทั้งสองประเทศได้แต่งตั้งผู้ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานระหว่างกัน ไปจนถึงการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในประเทศไทยและกัมพูชา เพื่อให้สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้อย่างทันท่วงที ประสานงานและอำนวยความสะดวกในกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งกฎหมายและกฎระเบียบภายในประเทศของผู้เข้าร่วมทั้ง 2 ฝ่าย ไปจนถึงมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของทั้งไทยและกัมพูชา และ ความร่วมมือทางด้านอื่นๆ ตามที่ผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501107583/thai-cambodian-mou-on-suppression-of-cyber-scams-approved/

สงครามยูเครน-เงินเฟ้อพุ่ง กับดักการเติบโตทางเศรษฐกิจอาเซียน+3

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+3 (AMRO) องค์กรระหว่างประเทศที่ติดตามเศรษฐกิจของ 10 ประเทศสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ปรับลดคาดการณ์การเติบโตประจำปีของภูมิภาคลงเหลือ 4.3% จาก 4.7% ในเดือนเมษายน โดยการปรับลดล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปีในประเทศจีนและฮ่องกง สำหรับจีนซึ่งกำหนดมาตรการล็อกดาวน์จากโควิด-19 เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัส AMRO ลดการคาดการณ์การเติบโตเป็น 4.8% จาก 5.2% ขณะที่แนวโน้มของฮ่องกงลดลงเหลือ 1.1% จาก 2.8% ด้าน AMRO ยังเพิ่มการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับภูมิภาคเป็น 5.2% เพิ่มขึ้น 1.7 จุดจากเดือนเมษายน สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อความขัดแย้งในยูเครนทำให้การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกแย่ลง และราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นบีบผู้บริโภคทั่วเอเชีย สำหรับประเทศในกลุ่มอาเซียนเพียงอย่างเดียว AMRO ยังคงคาดการณ์การเติบโตโดยรวมไว้ที่ 5.1% ในปีนี้ โดยเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว อย่างในประเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม คาดว่าจะทำงานได้ดีขึ้นในปีนี้ ในขณะที่มองไปในอนาคต AMRO คาดว่าการเติบโตของกลุ่มอาเซียน+3 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.9% ในปี 2566 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.8%

ที่มา : https://moneyandbanking.co.th/article/news/ukraine-war-inflation-economic-asean3-060765

พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อมิ.ย.พุ่ง 7.66% เหตุน้ำมันแพง ส่วนทั้งปีคาด 4-5%

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาอยู่ที่ 7.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงขึ้น 0.9% จากเดือนก่อนหน้า ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 2.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 2.28%

ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 3/65 ยังมีแนวโน้มขยายตัวในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อปีนี้ ยังคงกรอบเดิมที่ 4-5% โดยมีค่ากลางที่ 4.5%

ที่มา : http://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=enNGZ3FBSW1BTlU9

“เวียดนาม-เม็กซิโก” ส่งเสริมความร่วมมือเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน

นายโด๋ถางไห่ (Do Thang Hai) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม นำคณะผู้แทนผู้ประกอบการชาวเวียดนาม 23 ราย เข้าร่วมการประชุมฟอรั่มธุรกิจไทย-เวียดนาม เมื่อวันที่ 4 ก.ค. วัตถุประสงค์เพื่อดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี นาง Luz Maria de la Mora ปลัดกระทรวงเศรษฐกิจเม็กซิโก กล่าวว่าในมุมมองของเม็กซิโกถือว่าตลาดเวียดนามเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและหวังว่าทั้งสองประเทศจะประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ตลอดจนใช้ประโยชน์จากการเข้าร่วมข้อตกลง CPTPP ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ตามตัวเลขสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม ชี้ว่าในปี 2564 การค้าของทั้งสองประเทศ อยู่ที่ 5.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเวียดนามสนใจที่จะลงทุนในเม็กซิโก อาทิ อุตสาหกรรมพลังงาน โทรคมนาคม การเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้สูง เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-mexico-promote-economic-trade-investment-cooperation/232181.vnp

ราคาน้ำมันปาล์มในเมียนมาปรับตัวสูงขึ้น

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2565 ราคาน้ำมันปาล์มนอกเขตเมืองย่างกุ้ง ลดฮวบเหลือ 6,300 จัตต่อ viss จากราคาเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565 ที่ 8,000 จัตต่อ viss เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศมีความผันผวนอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 9 ถึง 30 มิ.ย ราคาน้ำมันลดลงประมาณ 1,000 จัตต่อ viss เนืองจากความต้องการของจีนที่มีแนวโน้มลดลง และผลผลิตน้ำมันปาล์มของมาเลเซียที่ออกมาล้นตลาด ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ความต้องการในประเทศมีแนวโน้มมากขึ้น เนื่องจากเรือบรรทุกน้ำมันจะเข้ามาในไม่ช้า และส่งผลให้ราคาในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ราคาน้ำมันปาล์มจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/palm-oil-prices-on-the-rise/