คาดภาคอุตสาหกรรมกัมพูชาโตร้อยละ 9.2 ในปี 2023

ภาคอุตสาหกรรมกัมพูชาคาดโตร้อยละ 9.2 ในปี 2023 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายนอกที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นภาคการผลิตภายในประเทศโดยเฉพาะฝั่งการผลิตเครื่องนุ่งห่ม ที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 8.1 ในปี จากความต้องการในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะเมียนมาร์ ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 6.6 ในปี 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 5.4 ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มอุปสงค์ทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น และความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นของนักลงทุนท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่ผ่อนคลาย ในขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงเหลือร้อยละ 2.5 ในปีนี้ จากที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 5 จากที่ปีนี้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมากในตลาดต่างประเทศอันเนื่องมาจากสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,065 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501100710/cambodias-industry-is-expected-to-grow-by-9-2-percent-in-2023/

“เวียดนาม” โอกาสก้าวแทนที่จีน ขึ้นแท่นโรงงานของโลกในอนาคตอันใกล้

ตามรายงานของ Global Times ระบุว่าการกลับมาแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในพื้นที่มณฑลกวางตุ้งและเซี่ยงไฮ้ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และยังเปิดโอกาสแก่เวียดนามที่จะได้รับผลประโยชน์จากการย้ายการลงทุน สาเหตุสำคัญมาจากค่าจ้างแรงงาน ค่าที่ดิน ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของโรงงานและคลังสินค้าที่มีราคาและต้นทุนที่ถูก ตลอดจนตัวเลขเศรษฐกิจของเวียดนามในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ขยายตัว 5.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แซงหน้าประเทศจีนที่ขยายตัวเพียง 4.8% นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะทยอยเงินทุนไปยังตลาดเวียดนามมากขึ้น

ที่มา : https://www.aninews.in/news/world/asia/vietnam-may-replace-china-as-factory-of-the-world-in-near-future20220625133010/

ปีงบฯ 65-66 เมียนมานำเข้าสินค้าเพื่อการลงทุนลดฮวบ! 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ณ วันที่ 17 มิ.ย.2565 ของปีงบประมาณ 2565-2566- การนำเข้าสินค้าเพื่อการลงทุนลดลงมากกว่า 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ถึงวันที่ 17 มิ.ย.2565 มีการนำเข้าสินค้ากว่า 701.135 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 1,006.802 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในเดือนแรกของปี 2564-2565 (งบประมาณย่อย) เมียนมามีรายได้จากการค้าระหว่างประเทศมากกว่า 3,072 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเกือบ 389 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ 1,533.690 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำเข้า 1,538.717 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีมูลค่าการค้ารวม 3,072.407 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้สาระสำคัญของยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ พ.ศ. 2563-2568  ของเมียนมา คือการผลิตอาหารจากการเกษตร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ การประมง ผลิตภัณฑ์จากป่า สินค้าดิจิตอลและการบริการดิจิทัล โลจิสติกส์ และการให้บริการข้อมูลทางการค้า

ที่มา: https://news-eleven.com/article/233019

สัญญาณเที่ยวไทยเริ่มฟื้น รับข่าวจีนผ่อนคลายเดินทาง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดี หลังจีน เปิดให้สายการบินไทย สามารถทำการบินระหว่างประเทศไทยและจีน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งขณะนี้จีนได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศแล้ว จึงถือเป็นสัญญาณดีในการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมา กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นกลุ่มหลักที่สร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมความพร้อมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศช่วงครึ่งปีหลัง ตามที่คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากหลังจากที่ไทยได้ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ โดยยกเลิกระบบ Thailand Pass สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะในเริ่มวันที่1 ก.ค. 2565 เป็นต้นไป จึงต้องเน้นย้ำเพื่อสร้างความรับรู้สำหรับชาวต่างชาติ พร้อมกับมีมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเดินทางมากขึ้น

ที่มา: https://www.naewna.com/business/662886

“UOB” ประมาณการเศรษฐกิจเวียดนามปี 65 ขยายตัว 6.5%

ธนาคารยูโอบี (UOB) มองภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2565 ประมาณการ GDP ขยายตัว 6.5% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.7% ตามรายงานบ่งชี้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 2/2565 ยังอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก และคาดว่า GDP ในไตรมาสที่ 3/2565 จะขยายตัว 7.6% อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากเหตุปัจจัยภายนอก อาทิ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน เป็นต้น ในขณะที่เงินเฟ้อของเวียดนามจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.86% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งยังต่ำกว่าระดับที่ธนาคารกลางตั้งเป้าหมายที่ 4% โดยเฉพาะค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นเป็นสองหลักในช่วง 14 เดือนที่ผ่านมา

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/item/11615402-oub-maintains-vietnam%E2%80%99s-gdp-growth-forecast-at-6-5-percent.html

“เฟด” ขึ้นดอกเบี้ย แบงก์ชาติเวียดนามส่งสัญญาอัตราแลกเปลี่ยน

เมื่อตั้งแต่ต้นปี 2565 ตลาดการเงินระหว่างประเทศเผชิญกับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลกระทบเชิงลบต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก ตลอดจนราคาเชื้อเพลิง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก ในขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลมาจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ คุณ Pham Chi Quang รองผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารกลางเวียดนาม กล่าวว่าธนาคารกลางจะปฏิบัติตามนโยบายที่ยืดหยุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดโลกและลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนและดูแลเสียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้ง เมื่อต้นปี 2565 ธนาคารกลางได้ขายสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อแทรกแซงตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเพิ่มอุปทาน ในขณะเดียวกันก็รักษาสภาพคล่องของเงินดองเวียดนาม ซึ่งจะช่วยให้สกุลเงินดองมีเสถียรภาพ

 

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/us-fed-raises-interest-rates-sbv-gives-message-about-exchange-rate-2032548.html

เดือนพ.ค. 65 เมียนมาส่งออกข้าวโพด 254,930 ตัน สร้างรายได้กว่า 79.58 ล้านดอลลาร์ฯ เข้าประเทศ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย เดือนพ.ค.2565 เมียนมาส่งออกข้าวโพดมากกว่า 254,930 ตัน ผ่านทางทะเลและชายแดน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 79.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปฟิลิปปินส์ ไทย และบังคลาเทศ โดยส่งออกไปไทยจำนวน 215,974 ตัน และจีน 695 ตัน ผ่านการค้าชายแดน เพิ่มขึ้น 191,180 ตัน (มูลค่า 59.632 ล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. 2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ปีการผลิต 2564-2565 (ต.ค.2564-ก.ย.2565) สมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดของเมียนมา ตั้งเป้าส่งออกข้าวโพดประมาณ 2 ล้านตัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-79-58-mln-worth-of-254930-tonne-corn-to-foreign-markets-in-may/#article-title

 

EA ลุยผลิตรถบรรทุก EV โรงงานแบตเตอรี่เพิ่มกาลังผลิต 4 Gwh/ปี

บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จากัด (มหาชน) ความพยายามทาให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรือ (ฮับอีวี) ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งภาครัฐตื่นตัวค่อนข้างมากและต่อเนื่องและภาคเอกชนเริ่มเข้ามาในธุรกิจอีวี ซึ่งกระแสโลกผลักดันให้ธุรกิจต้องปรับตัวเร็วขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ซึ่งเป็นตัวแปรและตัวเร่งทาให้ทุกคนมุ่งสู่ Zero Emission ในส่วน EA ธุรกิจเป็นสินค้าสีเขียว Green Product ทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องไปกับเทรนด์ของโลก ไล่ตั้งแต่โรงผลิตไบโอดีเซล โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม และดาเนินการระบบนิเวศน์ (EV Ecosystem) ปลายปีที่แล้ว สาหรับโปรดักต์ของ EA ได้แก่ รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า ส่วนรถบรรทุกไฟฟ้า EV กาลังจะออกสู่ ตลาด ตอนนี้อยู่ระหว่างพูดคุยพาร์ทเนอร์ และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สาหรับโรงงานประกอบรถบัสไฟฟ้า EV เฟสแรกนั้นรองรับกาลังผลิต 8,000 คันต่อปี โดยเมื่อปีที่แล้วได้ส่งมอบรถบัสไฟฟ้า 120 คัน และเป้าหมายปีนี้จะส่งมอบอีกประมาณ 1,200-1,500 คัน โดยมีพันธมิตรที่ให้บริการรถเมล์ในกรุงเทพ ตามแผนภายในสิ้นปีหน้า คาดว่ากรุงเทพฯจะมีรถเมล์หรือรถโดยสารสาธารณะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV เกือบทั้งหมด หากเป็นไปตามแผน สามารถพิสูจน์ให้คนเชื่อในศักยภาพซัพพลายเชนในไทย ที่แข็งแรงสามารถจับมือกันออกไปทาตลาดต่างประเทศ อาเซียน โดยอาศัยสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) นาเทคโนโลยีต่อยอดธุรกิจเพื่อดึงเงินเข้าประเทศบ้างจากที่เคยเป็นผู้ซื้อมา 30-40 ปี

ที่มา: https://www.thansettakij.com/motor/530060

รัฐบาลจะให้สินเชื่อซื้อน้ามันเพื่อเชื่อเหลือผู้ประกอบการน้ำมัน

รัฐบาลจะจัดหา Letter of Credit ให้แก่ผู้นาเข้าน้ามันเชื้อเพลิงมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อน้ามันที่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ จานวนนี้สามารถซื้อเชื้อเพลิงได้ 200 ล้านลิตรซึ่งจะครอบคลุมความต้องการในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ 100 ล้านลิตรต่อเดือน รัฐบาลจะยังคงให้สกุลเงินต่างประเทศแก่ผู้นาเข้าต่อไปในช่วงที่เหลือของปีเพื่อจัดหาเชื้อเพลิงให้เพียงพอ รัฐบาลได้ให้สินเชื่อแม้ว่าจะมีทุนสารองเงินตราต่างประเทศจากัด มูลค่าที่ลดลงของ kip ได้เพิ่มภาระให้กับผู้นาเข้าที่พยายามหาแหล่งเงินตราต่างประเทศที่เพียงพอเพื่อซื้อเชื้อเพลิงที่จาเป็นมาก ซึ่งต้องนาเข้าทั้งหมด ในระยะยาวรัฐบาลจะพิจารณาวิธีส่งเสริมการลงทุนในโรงกลั่นน้ามันในประเทศลาว ซึ่งสามารถกลั่นน้ามันดิบได้เพื่อให้มั่นใจถึงความมั่นคงของเชื้อเพลิง ปัจจุบันไม่มีโรงงานดังกล่าวเปิดดาเนินการในประเทศ

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/ FreeConten2022_Govtto120.php

บริษัทขนส่งเร่งเจรจาขอจีนขยายเส้นทางเดินรถไฟเชื่อมมายังกัมพูชา

บริษัทขนส่งในกัมพูชากว่า 30 แห่ง ร่วมกับสมาชิกของสมาคมโลจิสติกส์กัมพูชา เร่งเจรจาค้นหาความเป็นไปได้สำหรับการให้บริการด้านการขนส่งทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและกัมพูชา ที่เชื่อมต่อไปยัง สปป.ลาว และไทย โดยมีคณะผู้แทนจากเวียดนาม ไทย และ สปป.ลาว เข้าร่วมประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงในประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงระหว่างจีน เวียดนาม สปป.ลาว ไทย และกัมพูชา ในหัวข้อใน ASEAN Trans-Rail Link ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญสำหรับภาคการขนส่ง เพราะหากโครงการเกิดขึ้นจริงจะช่วยเสริมการอำนวยความสะดวกในการขนส่ง โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าจากกัมพูชาไปยังจีน ในขณะที่ปัจจุบันการขนส่งทางน้ำระหว่างกัมพูชาและจีน ใช้เวลาระหว่าง 10 ถึง 15 วัน ในขณะที่รถไฟปัจจุบันของกัมพูชาวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดจำกัดอยู่ที่เพียง 30 กม. ต่อชั่วโมง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501099313/logistics-firms-seek-china-cambodia-train-connection/