ธนาคารโลกชี้การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามชะลอตัว ตามอายุของประชากร

ตามรายงานภายใต้ชื่อ “เวียดนาม: การปรับตัวเข้าสู่สังคมสูงวัย” ร่วมจัดจัดทำโดยธนาคารโลก (WB) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) เวียดนามกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางประชากรของสังคมผู้สูงวัยไปก่อนหน้าของการยกระดับเศรษฐกิจและรายได้ต่อหัวที่อยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาอัตราการเกิดที่ลดลงและอายุเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุอาจมีสัดส่วนของประชากร 10-20% ของประชากรทั้งประเทศในปี 2578 ในขณะที่ด้านการใช้จ่ายของสังคมสูงวัย จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.4-4.6% ของ GDP นอกจากนี้ เวียดนามจำเป็นต้องหาแนวทางจัดการกับสังคมผู้สูงวัย โดยอิงจากบทเรียนของประเทศอื่นที่เคยประสบปัญหากับการเปลี่ยนแปลงของประชากร โดยเฉพาะญี่ปุ่น ตลอดจนปรับปรุงกำลังแรงงานและดำเนินตามนโยบาย 4 ด้านที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเติบโตของผู้สูงอายุ ได้แก่ ตลาดแรงงาน เงินบำนาญ สุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1052936/viet-nams-economy-to-slow-as-population-ages-wb-report.html

‘เวียดนาม’ เผยเดือน ก.ย. ยอดค้าปลีกสินค้าและบริการ พุ่ง

ตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่ายอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการในเดือน ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เนื่องจากกิจกรรมการผลิตและการค้ากลับมาดำเนินได้ในบางพื้นที่ หลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกและบริการในเดือนก่อนยังคงลดลง 28.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ กระทรวงฯ ชี้ว่าการระบาดของเชื้อไวรัส ระลอกที่ 4 นี้ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการผลิตและการค้า โดยเฉพาะภาคใต้ที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของประเทศ เช่น นครโฮจิมินห์, บิ่นห์เยือง, ด่งนายและลองอัน นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกสินค้าและบริการทั้งประเทศ เดือน ม.ค.-ก.ย. มีมูลค่าอยู่ที่ 3.37 พันล้านดอง ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/retail-sales-of-goods-services-inch-up-in-september/

กระทรวงเกษตรและป่าไม้ เตรียมส่งออกพืชผลไปจีน

กระทรวงเกษตรและป่าไม้หวังว่าจะใช้ประโยชน์จากการรถไฟลาว-จีน ซึ่งจะเปิดดำเนินการในเดือนธันวาคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่ากระทรวงกำลังแนะนำให้หน่วยงานด้านการเกษตรปรับปรุงคุณภาพและผลผลิตของพืชผล 9 ชนิดเพื่อให้สามารถขายให้กับจีนได้หลังจากที่รัฐบาลลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัทจีนในเดือนพฤษภาคมปีนี้ มีมูลค่ารวมกันกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อการรถไฟลาว-จีนเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคม จะเป็นเส้นทางเชื่อมหลักระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งคาดว่าจะปรับปรุงการเชื่อมโยงทางการค้าและสนับสนุนกลยุทธ์ของสปป.ลาว โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าระบุว่าตั้งแต่ปี 2558-2562 มูลค่าการส่งออกของลาวไปยังจีนเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีและเมื่อรถไฟเริ่มดำเนินการ ก็จะเพิ่มมูลค่าการค้าให้ทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นอีกระดับ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent /FreeConten_Ministry_195_21.php

ปีงบฯ 64-65 เมียนมา เร่งปลูกกาแฟบนพื้นที่กว่า 600 เอเคอร์ ในเขตซะไกง์

กรมวิชาการเกษตรเขตซะไกง์ เผย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565 เขตซะไกง์เริ่มปลูกกาแฟในเดือนมิ.ย. 2564 มีการปลูกกาแฟโดยใช้พื้นที่ประมาณ 622 เอเคอร์ และกำลังส่งเสริมการปลูกกาแฟในพื้นที่ของนาคาเพราะได้ผลผลิตกาแฟที่มีคุณภาพสูงแต่กำลังประสบปัญหาด้านการขนส่ง ในปีนี้ มีพื้นที่ปลูกกาแฟในเขตซะไกง์รวม 35 เอเคอร์ อำเภอมอไล 18 เอเคอร์ อำเภอตะมู่ 16 เอเคอร์ในอำเภอ กะเล่ 103 เอเคอร์ อำเภอคำตี 132 เอเคอร์ พื้นที่ปกครองตนเองนาคา 260 เอเคอร์ อำเภอกะตา และ 44 เอเคอร์ในอำเภอกอลี่น ปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตรได้สร้างองค์ความรู้ในเรื่องการรักษาดิน การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ วิธีการปลูก เพื่อให้สามารถเพิ่มพื้นที่ปลูก และเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/over-600-acres-of-coffee-cultivated-in-sagaing-region-this-year/#article-title

EU ลงทุนในภาคการเกษตรกัมพูชาเพิ่ม 17 ล้านดอลลาร์

ธนาคารเพื่อการลงทุนยุโรป (EIB) ได้รับเงินทุนสนับสนุนเพิ่มเติมจำนวน 17.4 ล้านดอลลาร์ จากสหภาพยุโรป (EU) เพื่อลงทุนในโครงการเกษตรกรรมที่ยั่งยืนในกัมพูชา โดย EIB จะลงทุนผ่านโครงการสินทรัพย์ที่ยั่งยืนสำหรับตลาดการเกษตร ธุรกิจและการค้า (SAAMBAT) ซึ่ง SAAMBAT ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของครอบครัวชาวกัมพูชาในชนบท จำนวน 200,000 ครอบครัว และถือเป็นส่วนช่วยภาคธุรกิจในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรอบด้านและเป็นการรับประกันการจัดหาวัตถุดิบด้านการเกษตรให้เป็นไปตามมาตรฐานเชื่อถือได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างงานใหม่ให้กับคนในท้องถิ่นอีกราว 4,500 ตำแหน่ง ซึ่งโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกองทุนระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาเกษตรกรรม (IFAD), EIB และรัฐบาลกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50947058/europe-invests-another-17-million-to-modernise-the-kingdoms-agriculture/

กัมพูชาเร่งฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนอายุ 12-17 ปี แล้วกว่าร้อยละ 89.68

นับตั้งแต่รัฐบาลกัมพูชาได้ทำการรณรงค์เร่งฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี ภายในกัมพูชา โดยโครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งปัจจุบันกัมพูชาทำการฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนไปแล้วกว่า 1,763,850 คน จากจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ประมาณ 1,966,931 คน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 89.68 ของเป้าหมายที่ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นเข็มแรก โดยถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชากรกลุ่มดังกล่าว ซึ่งในจำนวนนี้มีเยาวชนจำนวน 1,633,684 คน ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้ว โดยโครงการรณรงค์ดังกล่าวเป็นผลมาจาก ในช่วงเดือนพฤษภาคม European Medicines Agency (EMA) ได้อนุมัติการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเยาวชนอายุ 12-15 ปี ภายในประเทศ รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯและแคนาดาก็ได้ทำการอนุมัติการใช้วัคซีนไฟเซอร์ให้กับเยาวชนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ทำให้กัมพูชาเห็นถึงโอกาสในการกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มประชากรที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในช่วงก่อนหน้า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกลุ่มเยาวชน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50947051/total-of-89-68-percent-out-of-1966931-vaccinated-against-covid-19-in-cambodia/

สปป.ลาวส่งออกข้าว 50 ตันแรกไปยังสหภาพยุโรป

สปป.ลาวส่งออกข้าว 50 ตัน ไปยังสหภาพยุโรปมีมูลค่า 29,000 เหรียญสหรัฐ การจัดส่งข้าวพันธุ์ทาดอกคำ-8 (TDK8) ครั้งแรกถูกจำหน่ายให้กับเบลเยียมโดยบริษัท Champahom Trading Import-Export Sole Co., Ltd. การขายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวเพื่อการพาณิชย์ภายใต้กระทรวงเกษตรและป่าไม้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยได้รับเงินทุนจากธนาคารโลก ดร.บุญวง คำบุนเฮือง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ กล่าวกับเวียงจันทน์ไทมส์ “รัฐบาลสปป.ลาวมีเป้าหมายเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวเป็น 3,000 ตันต่อปี ทั้งนี้ผู้ซื้อชาวยุโรปจำนวนมากต้องการซื้อข้าวจากลาวเนื่องจากการทำเกษตรกรรมปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักสำหรับเกษตรกรในการผลิตข้าวคือมาตรฐานที่เข้มงวดตามที่ประเทศในสหภาพยุโรปกำหนด”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_exports_194.php

ท่าเรือเกาะทอนซายของกัมพูชา จะเริ่มก่อสร้างในเดือนนี้

ท่าเทียบเรือสำหรับการท่องเที่ยวบนเกาะทอนซาย มีกำหนดเริ่มก่อสร้างในช่วงกลางเดือน ต.ค. นี้ และคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างราว 15 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ โดยท่าเรือเกาะทอนซายถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว ระยะที่ 2 ภายใต้กรอบความร่วมมือ GMS หรืออนุภูมิลุ่มแม่น้ำโขง ที่สนับสนุนโดย ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ซึ่งโครงการมีมูลค่าราว 1.6 ล้านดอลลาร์ โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดแกบ กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นส่วนช่วยในการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวบนเกาะทอนซาย และคาดว่าท่าเรือนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวมายังเกาะ เพราะในปัจจุบันนักท่องเที่ยวและผู้คน ต้องกระโดดลงไปที่แนวชายฝั่ง เนื่องจากไม่มีท่าเทียบเรือ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50946664/adb-funded-koh-tonsay-port-starts-construction-this-month/

กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่ารวม 3 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรปริมาณรวม 5.9 ล้านตัน ตั้งแต่มกราคมถึงกันยายนปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 88 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 3,489 ล้านดอลลาร์ โดยการส่งออกข้าวสารมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 350 ล้านดอลลาร์ แม้ปริมาณการส่งออกจะลงถึงร้อยละ 15.9 ส่วนข้าวเปลือกมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 429 ล้านดอลลาร์ และผลิตภัณฑ์นอกภาคเกษตรอื่นๆ มูลค่ารวม 2,711 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตด้านการส่งออกของสินค้าภาคการเกษตรกัมพูชา แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน โดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง ระบุว่าสินค้าเกษตรหลักในการส่งออกของกัมพูชา ได้แก่ ข้าวสาร ข้าวเปลือก มะม่วง กล้วย มันสำปะหลัง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยางพารา ข้าวโพด และพริกไทย เป็นสำคัญ ซึ่งรัฐมนตรีกล่าวเสริมว่า ปริมาณการส่งออกข้าวสารส่วนใหญ่ที่ลดลง เป็นผลมาจากราคาค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50946665/cambodia-exports-3-bn-agricultural-products-in-first-nine-months/

‘บาทอ่อน’ทำสถิติใหม่ ‘กรุงศรี’ชี้สัปดาห์นี้แตะ 34.20

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-34.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.63 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 ปี ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์เป็นวงกว้างในตลาดโลก ขณะที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งยังประเมินว่าไตรมาส 3 เป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจซึ่งจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยยังคงประมาณการขยายตัวของจีดีพีปีนี้ที่ 0.7% และเพิ่มคาดการณ์ปี 2565 เป็นเติบโต 3.9% จากที่เคยคาดไว้ที่ 3.7% ขณะที่เห็นว่ามาตรการด้านการเงินจะมีประสิทธิผลมากกว่าการลดดอกเบี้ย

ที่มา: https://www.naewna.com/business/606601