รถบรรทุกผลไม้กว่า 700 คันไปจีน ต้องพบกับความเสียหายที่ด่านชายแดนมูเซ

รถบรรทุกผลไม้กว่า 700 คัน ติดอยู่ที่ประตูพรมแดน Kyinsankyawt และ Pangsaing (Kyugok) ในด่านมูเซ ทางตอนเหนือของรัฐฉานพบว่าเกิดความเสียหายในการส่งออกไปจีนเนื่องจากพบปัญหาความล่าเพราะรถมีจำนวนมาก มีรถบรรทุกสินค้าเพียง 80 คันเท่านั้นที่สามารถเข้าและออกจากประเทศจีนได้หลังจากที่คนขับถูกพบว่าติด Covid-19 และปัญหาจากสถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมา ซึ่งตอนนี้ตลาดเมลอนอยู่ในเกณฑ์ราคาดี แต่มีรถบรรทุกจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถเข้าจีนได้หลังจากคนขับติดเชื้อไวรัส อีกทั้งรถบรรทุกประมาณ 600 คันติดอยู่ด้านนอก แต่มีเพียง 80 เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ และยังพบว่าธนาคารเกิดปัญหาปิดทำการ เหตุดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งชาวจีนเน้นการใช้รถตัวเองในการบรรทุก ปัจจุบันค่าขนส่งผลไม้อยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านจัตต่อการบรรทุกจากพะโคหรือย่างกุ้งและ 1.4 ล้านจัตจากมัณฑะเลย์หรือเขตสะกาย

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/over-700-fruit-trucks-bound-for-china-stranded-face-damage-at-border-gates-in-muse

สมาคม Fintech กำหนดเป้าหมายภายในประเทศกัมพูชา

สมาคมการเงินและเทคโนโลยีแห่งกัมพูชา (CAFT) นำเสนอวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมในการประชุมสามัญประจำปีครั้งแรก โดยงานนี้มีวิทยากรจาก ธนาคารกลางของประเทศกัมพูชา (NBC) และ องค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ ได้รวบรวมผู้นำจากภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงสถาบันบริการการชำระเงิน (PSI), การประกันภัย, การธนาคาร, การเงินขนาดเล็กและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งประธาน CAFT มองว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรวมกลุ่มธุรกิจให้กว้างขวางขึ้น เพราะจะช่วยสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นวงกว้าง ผ่านการทำงานร่วมกันภายใต้นวัตกรรมใหม่ ซึ่งในขณะนี้ CAFT กำลังดำเนินการจัดทำเอกสารแนวคิดที่จะส่งไปยัง NBC เพื่อขออนุมัติดำเนินโครงการการรวมกลุ่ม โดยปัจจุบันการใช้งานหลักสำหรับโซลูชันฟินเทคคือการโอนเงินแบบดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50816982/fintech-association-outlines-goals-at-its-first-annual-meeting/

กัมพูชาลดภาษีพาหนะลง กระตุ้นยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ

รัฐบาลกัมพูชาวางแผนกำหนดภาษีนำเข้าพิเศษสำหรับรถครอบครัว โดยจะลดลงอัตราภาษีร้อยละ 10 ถึง 25 ตามขนาดของเครื่องยนต์ ดังประกาศจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตทั่วไปกัมพูชา ซึ่งอัตราการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวและรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะลดลงจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 10 และอัตราสำหรับรถบรรทุกกึ่งพ่วงจะลดลงจากร้อยละ 40 สู่ร้อยละ 25 โดยรถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมเกิน 5 ตัน จะมีอัตราภาษีลดลงจากร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 30 รวมถึงรถดั้ม รถเครน รถขุดเจาะ จะลดอัตราภาษีลงจากปัจจุบันที่ร้อยละ 40 เหลือร้อยละ 30 ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ RMA (Cambodia) Plc. กล่าวว่าต้นทุนภาษีที่ลดลงจะช่วยกระตุ้นขายรถได้มากขึ้น โดยลดราคาลงในช่วง 1,000 ถึง 10,000 เหรียญ ขึ้นอยู่กับประเภทของรถเมื่อเทียบกับอัตราภาษีเดิม ซึ่งประธาน RMA ได้กล่าวเพิ่มว่ายอดขายในอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลงกว่าร้อยละ 30 ในปี 2020 โดยยอดขายของ RMA ลดลงราวร้อยละ 5 ในปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50816772/special-tariffs-cut-to-boost-auto-sales/

เวียดนามคาดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 3.5% ปี 64

บริษัทหลักทรัพย์ Viet Dragon Securities (VDSC) เปิดเผยว่าราคากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในเวียดนาม ปี 2564 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าที่สมัชชาแห่งชาติได้ตั้งเป้าไว้ที่ 4% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเวียดนามดำเนินมาตรการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของเงินเฟ้อ รวมถึงดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข็มงวด ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทางด้านอุปทาน พบว่าสถานการณ์การผลิตของกลุ่ม OPEC และพันธมิตรอยู่ในระดับไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่หินดินดานของสหรัฐฯ อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลไบเดน ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งอุปสงค์ ความต้องการนำเข้ายังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด แต่มีสัญญาว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตและคาดว่าจะสูงกว่าทางฝั่งอุปทาน นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เวียดนาม ปี 2563 เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวมาจากราคาของกลุ่มอาหารที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีนี้

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-inflation-expected-to-rise-to-35-in-2021-316245.html

ปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนาม 7% ในปี 64

ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2564 ไว้ที่ 7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ 7.6% สาเหตุสำคัญมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ไม่เพียงแค่กระทบในเวียดนาม แต่ยังส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ทำให้ธนาคารปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจอาเซียนมาอยู่ในระดับ 5% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เวียดนามมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วที่สุดในอาเซียน รองลงมามาเลเซีย ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ เป็นต้น ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ 6.5% ซึ่งสูงกว่าที่สภาแห่งชาติตั้งเป้าไว้

ที่มา : http://hanoitimes.vn/hsbc-revises-down-vietnam-gdp-growth-projection-to-7-in-2021-316368.html

พนักงานของรัฐ 17 คนถูกพักงาน หลังเข้าร่วมประท้วงในเมียนมา

เจ้าหน้าที่สิบเจ็ดคนจากฝ่ายบริหารทั่วไปของรัฐมอญถูกสั่งพักงานเนื่องจากเข้าร่วมใน CDM (ขบวนการอารยะขัดขืน)ซึ่งกับคำสั่งของกรม ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 64 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการส่งหนังสือแจ้งไปยังหน่วยข้าราชการจากหน่วยงานอื่น ๆ ที่เข้าร่วมใน CDM อีกด้วย ในเมืองเมาะลำเลิงของรัฐมอญการประท้วงต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพยังคงดำเนินต่อไปในวันที่ 15 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 64 การเดินขบวนมีข้าราชการ การรถไฟเมียนมา ไปรษณีย์พม่าและหน่วยงานอื่น ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของ บริษัท เจ้าของร้านสหภาพนักศึกษาและผู้ประชาชนในท้องถิ่นเข้าร่วมขบวนด้วย

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/17-staff-from-mon-state-administration-dept-suspended-for-joining-strike

สรรพสามิต เร่งรื้อภาษีรถยนต์ ฟื้นกองทุนแบตฯ

สรรพสามิต เตรียมฟื้นกองทุนแบตฯ พร้องเร่งทบทวนโครงสร้างภาษีรถยนต์ทั้งระบบ หวังดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ดันไทยเป็นศูนย์กลางฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เผย เตรียมรื้อการจัดตั้งกองทุนแบตเตอรี่ ขึ้นมาใหม่ แนวคิดในการจัดตั้งกองทุนเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว โดยจะมีการทบทวนแนวทางให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ในปัจจุบันที่พัฒนาก้าวหน้าไปมาก ล่าสุดได้มีการหารือกับผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าชั้นนำของประเทศ พบกว่า การผลิตแบตเตอรี่มีความก้าวหน้าไปจากเดิมมากๆ เพราะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพียงปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์บางชนิด ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นแบตเตอรี่ในบ้านได้ หรือเปลี่ยนแค่แผงเซลไฟฟ้าบางชิ้น ก็สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม แนวทางในการจัดตั้งกองทุนแบตเตอรี่ต้องสอดคล้องกับแนวทางส่งเสริมการลงทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีใหม่  เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาใช้ประเทศไทย เพื่อดันไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค

ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/money_market/469660

กัมพูชาเร่งศึกษาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอินเดีย

หลังจากการลงนามในข้อตกลงการค้าความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคระหว่างกัมพูชาและจีน รวมถึงได้ข้อสรุปในการเจรจา FTA กับเกาหลีใต้แล้ว กัมพูชายังคงมองหาคู่ค้าที่มีศักยภาพในการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีต่อไป โดยเฉพาะกับอินเดีย ซึ่งโฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่ากระทรวงกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันวิจัยอิสระในภูมิภาคเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับต้นทุนและผลประโยชน์ของ FTA ระหว่างประเทศคู่ค้าต่อไป โดยการศึกษายังอยู่ในระหว่างดำเนินการและเกี่ยวข้องกับการปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับเตรียมการสำหรับการเจรจาระหว่างอินเดียในระยะถัดไป ซึ่งอินเดียถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีกำลังซื้อ ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นถึงตลาดที่มีศักยภาพที่ดีสำหรับผลิตภัณฑ์ของกัมพูชาและเป็นเป้าหมายเชิงตรรกะต่อไปในการที่จะเป็นพันธมิตรทางการค้าที่หวังไว้สำหรับกัมพูชาในอนาคต ข้อมูลจากสถานทูตอินเดียในกัมพูชากล่าวว่าปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2018 อยู่ที่ 227 ล้าน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50816522/looking-to-india-for-next-major-fta-agreement/

คาดการณ์จำนวนเที่ยวบินของกัมพูชาลดลงในปี 2021

ในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์มีเที่ยวบินตามกำหนดเวลาทั้งขาเข้าและขาออกเพียงประมาณ 223 เที่ยวบิน ระหว่างสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ของกัมพูชา ตามรายงานของผู้บริหารระดับสูงของท่าอากาศยานกัมพูชา โดยผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์ของท่าอากาศยานกัมพูชากล่าวว่าการจราจรทางอากาศในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2020 ซึ่งลดลงรวมกว่าร้อยละ 94 ซึ่งมีเที่ยวบินเข้าและออกโดยเฉลี่ย 13 เที่ยวบินต่อวัน ณ สนามบินนานาชาติ 3 แห่ง โดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพนมเปญ โดยสนามบินนานาชาติสามแห่งของกัมพูชาให้การต้อนรับผู้โดยสาร 2.13 ล้านคน (ระหว่างประเทศ ภายในประเทศและการต่อเครื่อง) ในปี 2020 ลดลงกว่าร้อยละ 79 เมื่อเทียบกับตัวเลขปี 2019 ตามข้อมูลของสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) รวมถึงข้อมูลจาก SSCA แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาจัดการขนส่งสินค้า 49,983 ตัน ณ สนามบินนานาชาติสามแห่งของประเทศ ลดลงร้อยละ 31 จากตัวเลขของปี 2019

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50816334/number-of-flights-down-by-far-in-early-2021/

Lao National Single Window ลดการซับซ้อนการนำเข้า-ส่งออกพรมแดนระหว่างประเทศ

Lao National Single Window มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 23 ก.พ.เป็นต้นไป โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศการใช้งานระบบอย่างเป็นทางการ  เพื่อลดความซับซ้อนของการนำเข้าส่งออกและขนส่งสินค้าและการขนส่งสินค้าทั้งหมดที่พรมแดนระหว่างประเทศและสนามบินทุกแห่งในสปป.ลาว การใช้ LNSW จะช่วยเพิ่มแหล่งรายได้ให้กับสปป.ลาวอย่างมีนัยสำคัญและยังรับประกันความโปร่งใสในการค้าและอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากรทำให้ผู้นำเข้าสามารถติดต่อกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน หน้าที่หลักของระบบคือ เพื่ออำนวยความสะดวกในการร้องขอและออกใบอนุญาตนำเข้า การติดตามการเคลื่อนไหวของสินค้าโดยใช้ ID อ้างอิงรายการ และการเก็บภาษีและค่าธรรมเนียม ณ จุดเดียวกัน ทั้งนี้ LNSW ครอบคลุม ใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ รายการอิเล็กทรอนิกส์ การออกใบแจ้งหนี้และการเรียกเก็บเงิน ณ จุดเดียว และสถิติและการรายงาน กระทรวงการคลังได้ประกาศให้ผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจและตัวแทนเดินเรือทั้งหมดในสปป.ลาวที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกหรือขนส่งสินค้าควรไปที่สำนักงาน LNSW เพื่อรับการฝึกอบรม ผู้ค้าที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนควรดำเนินการทันทีและควรออกบัญชีผู้ใช้โดยด่วน ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสินค้าทั้งหมดจะต้องชำระภาษีศุลกากรและภาษีอื่น ๆ รวมทั้งค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ จุดเดียว โดย BCEL,LDB ,BCEL i- Banking, BCEL One, LDB Corporate Banking เงินสด การโอนเงินและเช็คขึ้นอยู่กับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ระบบนี้ในอัตรา 120,000 กีบต่อรายการ ซึ่งไม่รวมภาษีศุลกากรและอากรอื่น ๆ ภาษีค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่หน่วยงานต่างๆ เรียกเก็บ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao_national_37.php