ตู้คอนเทนเนอร์อาหารทะเล 20 ตู้จอดเกยตื้นที่ท่าเรือซาอุฯ

ตู้คอนเทนเนอร์อาหารทะเลของเมียนมาราว 20 ตู้พยังคงติดค้างอยู่ที่ท่าเรือเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่สำนักงานอาหารและยาของซาอุดีอาระเบีย (SFDA) จัดทำข้อตกลงเพื่ออนุมัติรายชื่อโรงงานประมงของเมียนมาร์ที่นำผลิตภัณฑ์ไปแปรรูป สินค้าดังกล่าวมาถึงท่าเรือตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมเมื่อซาอุดิอาระเบียยึดตู้คอนเทนเนอร์ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนราว 30 ตู้มูลค่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 10 ตู้ได้ผ่านพิธีการศุลกากรหลังจากที่ SFDA อนุมัติโรงงาน 3 แห่งจาก 19 แห่งที่ยื่นขอในซาอุดิอาระเบีย ยังเหลือตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 20 ตู้ที่ท่าเรือเจดดาห์ซึ่งยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับรองโดย SFDA ในปีนี้มีเพียง Ywar Thar Gyi Cold Store ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานห้องเย็น 19 แห่งจากเมียนมาที่ได้รับการอนุมัติจากทางการซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 63 ที่ผ่านมา SFDA ได้อนุมัติโรงงานห้องเย็นได้แก่ Twin Brothers Seafood Cold Storage, Mega Marine Frozen Seafood และ Delta Queen International Co.

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/20-containers-seafood-stranded-saudi-port.html

ธนาคารโลกจัดหาเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในสปป.ลาว

ธนาคารโลกได้อนุมัติเงินสำรองฉุกเฉินจำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในสปป.ลาวเพื่อช่วยให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของ Covid-19 การระดมทุนจะดำเนินการผ่านโครงการ ‘Micro, Small, and Medium Enterprise Access to Finance Emergency Support and Recovery Project’ ของธนาคารโลกซึ่งจะทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าและสถาบันการเงินในท้องถิ่น เพื่อให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งมีโอกาสได้รับเงินกู้เงินทุนหมุนเวียนที่สามารถรักษาธุรกิจของตน เพื่อการลงทุนสำหรับอุปกรณ์ใหม่หรือการขยายโรงงาน ทั้งนี้บริษัทเผชิญกับการลดลงอย่างรวดเร็วของอุปสงค์ รายได้ ซัพพลายเชน และการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก ส่งผลผลให้บริษัทหลายแห่งจะเลิกจ้างพนักงานและจะต้องปิดถาวร โครงการใหม่นี้จะช่วยให้ MSME ปกป้องการดำรงชีวิตของพนักงานและลดปัญหาการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ธนาคารโลกจะให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของธนาคารแห่งสปป. ลาวในการกำกับดูแลระบบค้ำประกันสินเชื่อจะช่วยลดความเสี่ยงด้านเครดิตที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้ภายใต้โครงการ นอกจากนี้จะให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของธนาคารพาณิชย์ บริษัทขนาดเล็ก กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าและสถาบันอื่น ๆ ที่เข้าร่วม โดยธุรกิจต้องจดทะเบียนบริษัทขนาดย่อย ขนาดเล็ก หรือองค์กรเอกชนขนาด จึงจะมีสิทธิ์ได้รับเงินกู้ภายใต้โครงการ การตัดสินใจในการให้สินเชื่อและการกำหนดราคาของเงินให้สินเชื่อจะให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมเป็นผู้พิจารณาจากการประเมินเครดิตของตนเอง

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Worldl_209.php

โครงการความร่วมมือจีน – ลาวทำให้ชาวสปป.ลาวมีชีวิตที่ดีขึ้น

ทางตะวันออกเฉียงใต้สปป.ลาวเป็นสถานที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่สำคัญหนึ่งในนั้นคือโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเทิน 1 ซึ่งเป็นการลงทุนโดยฝ่ายสปป.ลาวและฝ่ายไทย ภายใต้สัญญาของ PowerChina Sinohydro Bureau 3 Co. , LTD (Sinohydro 3) ซึ่งเป็น บริษัท วิศวกรรมของจีน โครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาในประเทศสปป.ลาว ไม่เพียงแค่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแต่ยังมีการก่อสร้างอุตสาหกรรมมากมายที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่เพียงแค่การเติบโตของเศรษฐกิจแต่ยังรวมไปถึงการดำเนินชีวิตของชาวสปป.ลาวที่ดีขึ้น ตลอด 10 ปีที่ผ่านมารายได้ต่อหัวของสปป.ลาว เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาของโครงการต่างๆจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ของสปป.ลาวดีขึ้น

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2020-10/26/c_139467833.htm

สหรัฐฯ เสาะหาโอกาสการลงทุนในเวียดนาม

นาย Adam Boehler ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหน่วยงานความร่วมมือทางการเงินเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (DFC) กำลังเดินทางไปอินโดนีเซีย เวียดนามและเมียนมา เพื่อแสวงหาโอกาสทางการลงทุน ตั้งแต่วันที่ 23-27 ต.ค. ซึ่งกำหนดการมาพบปะกับเจ้าหน้าที่รัฐฯและผู้บริหารธุรกิจเวียดนาม เพื่อศึกษาโอกาสทางการลงทุนและยกระดับความร่วมมือ รวมถึงกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามอีกด้วย ทั้งนี้ นาย Boehler ได้ไปเยือนเวียดนามเมื่อเดือนม.ค.ของปีนี้ และกล่าวกับนายกรัฐมนตรีเหงียน ซวน ฟุก ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการประสานความร่วมมือกับเวียดนามอย่างมาก ทั้งนี้ เขายังแสดงความมุ่งมั่นที่จะลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะด้านพลังงาน สุขภาพและโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่ เวียดนามเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2563 และทางหน่วยงาน DFC ต้องการร่วมมือกับกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อ 5 ประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

  ที่มา : https://vov.vn/en/economy/us-mission-explores-investment-opportunities-in-vietnam-812825.vov

เวียดนามเผยเดือนม.ค.-ต.ค. FDI ไหลเข้าลดลง 2.5%YoY ด้วยมูลค่า 15.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงการวางและการลงทุน (MPI) เผยว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามได้รับเม็ดเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) 15.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ FDI ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนาม โดยธุรกิจส่วนใหญ่ร้อยละ 70 มาจากการลงทุนของบริษัทต่างชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ การเบิกจ่ายเงินทุน FDI ในอนาคต ลดลงร้อยละ 19.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 2,348 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่วนใหญ่จะลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว รองลงมาเกาหลีใต้และจีน

ที่มา : https://vietreader.com/business/20673-vietnam-jan-oct-fdi-inflows-drop-25-y-y-to-158-bln-govt.html

รัฐบาลกัมพูชาร่างงบประมาณปี 2021 ลดลงถึง 5 ร้อยล้านดอลลาร์

รัฐบาลกัมพูชาผ่านคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติร่างงบประมาณประจำปีประมาณ 7.62 พันล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2021 โดยร่างงบประมาณประจำปี 2021 ต่อจากงบประมาณประจำปี 2020 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 8.2 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยงบประมาณประกอบด้วยรายจ่ายประจำ 4.36 พันล้านดอลลาร์ และ สำหรับรายจ่ายด้านการลงทุนอีก 3.26 พันล้านดอลลาร์ แต่งบประมาณที่เสนอยังคงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายนมากเมื่อมีรายงานว่ารัฐบาลจะดำเนินการลดงบประมาณแผ่นดินลงเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอันเป็นผลมาจาก COVID-19 ซึ่งงบประมาณปี 2021 เป็นงบประมาณในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคมและการดำรงชีวิตของประชาชน ตลอดจนทรัพยากรที่มุ่งเน้นเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงหลังวิกฤต COVID-19 โดยรัฐบาลคาดการณ์ว่าจีดีพีของประเทศจะหดตัวมาอยู่ที่ระดับลบร้อยละ 1.9 ในปีนี้และคาดการณ์ว่าการเติบโตในเชิงบวกจะกลับมาในปี 2021 โดยมีการประมาณการณ์การเติบโตไว้ที่ประมาณร้อยละ 3.5 เปอร์เซ็นต์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50776654/2021-draft-budget-sees-a-half-billion-reduction/

ธนาคาร ACLEDA ประจำประเทศกัมพูชาจัดสัมนาด้านการลงทุน

ACLEDA Bank ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชาและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (SECC) จัดงานสัมมนาที่มุ่งเน้นไปที่โอกาสการลงทุนที่สร้างผลกำไรในภาคหลักทรัพย์สำหรับนักลงทุนและประชาชนโดยทั่วไป โดยงานสัมมนานี้จัดขึ้นเพื่อให้นักลงทุนและประชาชนที่สนใจได้รับข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ กลยุทธ์ที่จำเป็นสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ พื้นฐานสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์ การปรับปรุงกฎระเบียบและโครงสร้างพื้นฐานของตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนการพัฒนาของ ACLEDA Bank ซึ่งทางผู้จัดงานสัมนาหวังว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดและสร้างความไว้วางใจให้กับสาธารณชนต่อตลาดตราสารทุนในประเทศ รวมถึงหวังว่าจะมีการดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในตลาดด้วยความมั่นใจมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50776885/acleda-hosts-profitable-investment-seminar/

ย่างกุ้งได้รับ 16 ข้อเสนอสำหรับการพัฒนาเมืองใหม่

จากข้อมูลของกระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ รัฐบาลเมียนมาได้รับข้อเสนอการลงทุนทั้งหมด 16 ข้อสำหรับการพัฒนาระยะที่ 1 ของโครงการพัฒนาเมืองใหม่ย่างกุ้ง ภายใต้ Swiss Challenge against China Communications Construction Company (CCCC) คณะกรรมการการประกวดราคาท้าทายของสวิส แสดงความสนใจ (EOI) จาก 9 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อิตาลี สเปน และฝรั่งเศสรวมถึงสองกลุ่มประกอบไปด้วยเมียนมาและพันธมิตรจากต่างประเทศ รายชื่อที่ได้รับการคัดเลือกเหล่านี้จะได้รับคำร้องในการขอข้อเสนอ (RfP) ไม่เกินเจ็ดวันทำการหลังจากกำหนดส่ง EOI ในวันที่ 22 ตุลาคม 63 คณะกรรมการประกวดราคาโดยความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาระหว่างประเทศจะคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมที่สุดเพื่อดำเนินงานด้านการพัฒนา นาย U Theim Wai ซีอีโอของ New Yangon Development Company Limited (NYDC) กล่าว

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/yangon-receives-16-proposals-new-city-development.html

หนีโควิด พาณิชย์ลุยจัดงานแสดงอัญมณีฯ ผ่านออนไลน์แทน

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หนีโควิด เปลี่ยนแนวจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับออนไลน์แทน 2-4 พ.ย.นี้ ตั้งเป้าผู้ชม 50,000 ราย จับคู่ธุรกิจไม่น้อยกว่า 1,000 คู่  นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เตรียมจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับออนไลน์ บีจีเจเอฟ สเปเชียล เอดิชัน-ออน กราวด์ ทู ออนไลน์ เอ็กฮิบิชัน ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.63 ผ่านทางเว็บไซต์ www.bkkgems-vts.com โดยถือเป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับออนไลน์เต็มรูปแบบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ตั้งเป้าหมายมีผู้เข้าชมแพลตฟอร์มไม่น้อยกว่า 50,000 ราย มีการจับคู่ธุรกิจทางออนไลน์ไม่น้อยกว่า 1,000 คู่ เกิดการซื้อขายออนไลน์ในช่วงการจัดงานไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้การจัดงานครั้งนี้ มีผู้ประกอบการไทยและต่างชาติร่วมแสดงสินค้ามากกว่า 600 บริษัท เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อและผู้นำเข้าชมสินค้าผ่านทางออนไลน์ รวมถึงจัดให้มีการเจรจาธุรกิจเสมือนจริง ผ่านไลฟ์แชต หรือวิดีโอคอล ในระบบที่มีความปลอดภัยสูง และสามารถนัดหมายเจรจาการค้าล่วงหน้าได้   นอกจากนี้ ยังเปิดตัวโครงการในรูปแบบออนไลน์ทาง www.bkkgems-vts.com ในวันที่ 2 พ.ย.63 การสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้แนวโน้มตลาด รับฟังความคิดเห็นและประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญระดับโลก พร้อมสร้างเครือข่ายธุรกิจ “กรมฯมั่นใจว่า การจัดงานครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของไทยในฐานะเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก รวมทั้งช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีช่องทางจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น แม้จะอยู่ในช่วงโควิดระบาด ส่วนงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ บางกอก เจมส์ ครั้งที่ 66 กรมยังเดินหน้าจัดเช่นเดิม แต่เลื่อนไปจัดวันที่ 23-27 ก.พ.64 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี”

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/803308

เวียดนามเผยส่งออกซีเมนต์และปูนเม็ดพุ่ง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

จากรายงานอุตสาหกรรมซีเมนต์ในประเทศที่เผยแพร่โดยบริษัท FPT Securities Joint ระบุว่าปริมาณการส่งออกซีเมนต์และปูนเม็ดของเวียดนาม เพิ่มขึ้น 30 เท่าในปี 2553-2562 มีสัดส่วนร้อยละ 32 ของการบริโภครวม และการส่งออกสินค้าดังกล่าวมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าการส่งออกจะอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากธุรกิจในประเทศส่วนใหญ่ส่งออกปูนเม็ดและวัตถุดิบที่ทำมาจากซีเมนต์ ทั้งนี้ ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 38.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาส่งออกต่ำกว่าในประเทศร้อยละ 10 เป็นผลมาจากธุรกิจต้องลดราคา เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งตลาดต่างประเทศได้ นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าเวียดนามส่งออกซีเมนต์กว่า 28 ล้านตันในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ในแง่ของปริมาณ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 และในแง่ของมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

  ที่มา : https://vov.vn/en/economy/cement-and-clinker-exports-skyrocket-over-past-decade-812483.vov