การชำระภาษีอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทในย่างกุ้งเปิดตัวตุลาคมนี้

บริษัททั้งหมดในย่างกุ้งจะต้องใช้ระบบการชำระภาษีอิเล็กทรอนิกส์ใหม่เโดยการจ่ายภาษีเงินได้ ภาษีการค้า หรือภาษีสินค้าพิเศษจะต้องจ่ายผ่านระบบบนมือถือริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 63 ตามข้อมูลของกรมสรรพากร (IRD) แม้ว่าบริษัทบางแห่งจะมีการจ่ายภาษีด้วยวิธีนี้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้บริษัทในย่างกุ้งทั้งหมดจะต้องถูกบังคับให้ใช้ซึ่งนี่เป็นการเตือนให้เตรียมการล่วงหน้า รัฐบาลได้จัดให้มีการชำระเงินผ่านระบบ M-Banking, e-Banking, i-Banking และ Mobile Payment ตลอดจนแพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์ที่เชื่อมโยงโดยบัตรเดบิตของสมาคมระบบการชำระเงินเมียนมา(Myanmar Payment Union หรือ MPU) และได้ทำข้อตกลงกับ cb bank และ KBZ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาและจะสามารถชำระเงินผ่านธนาคารทั้งหมดห้าแห่งในขณะนี้ ซึ่งจะมีรายรับจากภาษีราว 50,000 ล้านจัตผ่านระบบการชำระเงินออนไลน์ ผู้ที่กำลังเสียภาษีเงินได้ ณ สำนักงานภาษีจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เสียภาษีเหล่านี้จะต้องชำระผ่านธนาคารแทนที่การใช้สมุดบัญชีเงินฝาก โดยไม่จำเป็นต้องพกเงินสดหรือเช็คอีกต่อไปวิธีการใหม่นี้จะช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/company-e-tax-payments-introduced-october.html

ส่งออกไทย เดือน ก.ค. ติดลบ 11.37% ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

พาณิชย์เผยตัวเลขการส่งออก ก.ค. 63 หดตัว 11.37% เริ่มฟื้นตัวหลังจากอยู่จุดต่ำสุด การส่งออกทั้งปี ติดลบ 8-9% นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2563 มีมูลค่า 18,819 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 11.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 15,476.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 26.38% ส่งผลให้ประเทศไทยมีการค้าเกินดุล 3,343.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ การส่งออก 7 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 133,162.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 7.72% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 119,118.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 14.69% ส่งผลให้ประเทศไทยมีการค้าเกินดุล 14,044.2 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี การส่งออกทั้งปี 2563 ประเมินว่าการส่งออกไทยจะหดตัวอยู่ที่ ติดลบ 8% หรือมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 226,567 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้จะต้องอยู่ที่ 18,681 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึง ส่งออก ติดลบ 9% มีมูลค่าอยู่ที่ 224,105 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้จะต้องอยู่ที่ 18,188 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับปัจจัยที่กระทบต่อการส่งออกเดือนกรกฎาคม 2563 มองว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา โดยการส่งออกหลายสินค้าปรับตัวดีขึ้น ส่งออกเริ่มขยายตัว เช่น การส่งออกสินค้าอาหาร อาทิ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม ทูน่ากระป่อง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง สินค้าเครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เตาอบ ไม่โครเวฟ ส่วนการส่งออกรายตลาดทุกตลาดหดตัวในอัตราที่น้อยลง สะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากประเทศคู่ค้าหลายประเทศสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระรบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนผลักดันการค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน สู่ตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน เกาหลีใต้ อินเดีย กัมพูชา สหรัฐ และจัดตั้งร้านค้าท็อปไทย บนแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำของต่างประเทศ พร้อมต่อยอกบนแพลตฟอร์มไทยเทรดดอทคอมด้วย อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ปัญหาการกีดกันทางการค้าในรูปแบบใหม่ แนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ยังเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกในระยะต่อไป ส่วนปัญหาสงครามการค้า ยังเชื่อว่ายังไม่น่าจะมีมาตรการใหม่ออกมาในขณะนี้ สินค้าไทยที่ส่งออกทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐยังขยายตัวไปได้ดี พร้อมจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ย. 2563 นี้ ซึ่งจะมีมาตรการอะไรบ้างที่จะกระทบต่อการส่งออก นำเข้า ด้วย ส่วนการส่งออกไปจีนขณะนี้ กลับมาหดตัวเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาด รวมทั้งปัญหาน้ำท่วมในเมืองอู่ฮั่น เป็นต้น

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-510243

INFOGRAPHIC : สถานที่ท่องเที่ยวเวียดนามติดอันดับ 25 อันดับเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของโลก

จากข้อมูลของเว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก “TripAdvisor” เปิดเผยเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในเวียดนามที่จัดอันดับโดย Travelers’s Choice ประจำปี 2020 ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งของเวียดนามถูกจัดให้อยู่ใน 25 อันดับแรกของโลกในประเภทบริการ ได้แก่

  • Trading Destinations: ดานัง (7) รองลงานครโฮจิมินห์ (12)
  • Popular Destinations: ฮอยอัน (17) รองลงมาฮานอย (15)
  • Emerging Destination: ฟู้ก๊วก (7)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-tourism-spots-in-worlds-top-25/169653.vnp

รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นเยือนสปป.ลาว

รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้เดินทางเยือนสปป.ลาวเพื่อฉลองครบรอบ 65 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสปป.ลาวและญี่ปุ่น เสริมสร้างมิตรภาพอันยาวนานและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ ได้มีการหารือกันถึงความเป็นไปได้ของการอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยในประเทศ นักลงทุนและนักธุรกิจสามารถเดินทางระหว่างสองประเทศได้ในขณะที่ยังคงข้อกำหนดของการกักกันเป็นเวลา 14 วันที่บ้านหรือในพื้นที่อื่นที่กำหนดไว้ ผู้เดินทางจะได้รับการตรวจสอบตลอดการเข้าพัก แต่จะช่วยให้การค้าดำเนินต่อไปได้โดยฝ่ายสปป.ลาวมีความกระตือรือร้นที่จะเห็นธุรกิจของญี่ปุ่นย้ายการดำเนินงานไปยังสปป.ลาวมากขึ้น และยังหารือถึงความร่วมมือในด้านภัยพิบัติและการป้องกันโรค ความมั่นคงสาธารณะเสถียรภาพทางการเงินและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของทางด่วนเวียงจันทน์ – ฮานอยเพื่อเสริมสร้างการเชื่อมต่อ และมีการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคซึ่งรวมถึงปัญหาทะเลจีนใต้และสถานการณ์ของเกาหลีเหนือตลอดจนความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ หลังจากการประชุมได้มีการจัดพิธีลงนามเพื่อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับความช่วยเหลือแบบให้เปล่า 2 โครงการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ที่โรงเรียนฝึกหัดครู โรงเรียนในเครือ 8 แห่งในสปป.ลาว และการจัดหารถโดยสารสาธารณะใหม่ที่จะให้บริการในเมืองเวียงจันทน์ นอกจากนี้ยังมีพิธีมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะนำไปสู่การรับมือกับโรคโควิด -19 ในสปป.ลาว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2020/08/24/japanese-foreign-minister-motegi-visits-laos/

ครม. แนะภาคการเงินและธุรกิจปรับปรุงนโยบายที่เอื้อต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

การประชุมประจำเดือนสิงหาคมของคณะรัฐมนตรีมีการหารือในหลายประเด็นรวมถึงรับรองกฎหมายเพิ่มเติมต่างๆ ประเด็นที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้ครอบคลุมในเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยคณะรัฐมนตรีสั่งการเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงนโยบายเพื่อส่งเสริม SMEs รวมถึงการแก้ไขอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และการปรับปรุงขั้นตอนเข้าถึงกองทุนส่งเสริม SME ได้ง่ายและรวดเร็ว ในส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและอัตราเงินเฟ้อควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม นอกจากนี้รัฐบาลยังผลักดันการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ การจะทำตามแผนดังกล่าวได้สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือภาครัฐต้องคำนึงถึงประสิทธิด้านการเก็บภาษีเพื่อให้ได้ตรงตามเป้าหมายประจำปี ในที่ประชุมยังได้เห็นชอบในหลักการร่างกฎหมาย 3 ฉบับซึ่งจะถูกส่งเข้าสู่การประชุมสมัชชาแห่งชาติสมัยสามัญที่กำลังจะมีขึ้น และเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างภาคการค้า รัฐบาลพยายามสนับสนุนการผลิตในประเทศเพื่อลดการนำเข้าและส่งเสริมการส่งออกรวมถึงส่งเสริมการแคมเปญการท่องเที่ยวหลังโควิด -19 เพื่อทำให้เศรษฐกิจสปป.ลาวกลับมาเติบโตอีกครั้ง

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Cabinet_163.php

กัมพูชาและเวียดนามร่วมพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการค้าชายแดน

นายกรัฐมนตรีประจำประเทศเวียดนามได้ออกแผนการดำเนินการบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาและการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านการค้าชายแดนระหว่างเวียดนามและกัมพูชา โดยการดำเนินการเริ่มต้นในวันที่ 19 สิงหาคม และจะมีผลจนถึงเดือนตุลาคม 2022 ซึ่งกระทรวงที่เกี่ยวข้องถูกกำหนดให้จัดกิจกรรมรณรงค์ด้านการสื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักในเนื้อหาของบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการค้าชายแดนเวียดนาม – กัมพูชา เพื่อส่งเสริมการค้ากับกัมพูชา และแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน รวมถึงจัดหลักสูตรการฝึกอบรม ซึ่งในปี 2021 และ 2022 ทั้งสองประเทศจะทำการสำรวจการสร้างตลาดชายแดน ดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้นักธุรกิจเวียดนามและกัมพูชาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการค้าชายแดน เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่เกี่ยวข้อง และ บริษัท สนับสนุนในการแนะนำและกระจายสินค้าที่ตลาดชายแดน ศูนย์การค้า และงานแสดงสินค้า โดยเวียดนามและกัมพูชามีพรมแดนทางบกยาวเกือบ 1,137 กม. ผ่าน 10 จังหวัดของเวียดนาม และ 9 จังหวัดของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50755887/cambodia-and-vietnam-to-develop-infrastructure-to-facilitate-border-trade/

การท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงวันขึ้นปีใหม่กัมพูชา

การท่องเที่ยวภายในประเทศดึงดูดผู้เดินทางมากกว่า 1.4 ล้านคน ทั้งคนในท้องถิ่นและชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ภายในประเทศในช่วงสัปดาห์ก่อนของวันขึ้นปีใหม่ประจำปีของกัมพูชา โดยประธานสมาคมตัวแทนการท่องเที่ยวแห่งกัมพูชา (CATA) กล่าวว่าในช่วงวันหยุดที่ผ่านมามีส่วนช่วยภาคการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากหลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดในปัจจุบัน แต่ด้วยความร่วมมือที่ดีระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รัฐบาล และภาคเอกชน ทำให้ในช่วงวันหยุดประชาชนรู้สึกปลอดภัย ในขณะที่ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยของรัฐบาลส่งผลให้ผู้คนภายในประเทศกล้าที่จะเดินทางไปเที่ยวยังจุดท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศ แต่ถึงอย่างไรผู้สังเกตการณ์ด้านการท่องเที่ยวคาดการณ์ว่ากัมพูชาจะสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวราว 3 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 ปีในการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50756096/internal-travellers-breathe-fresh-air-into-tourism/

AGD Bank ร่วมลงนาม Pact Global Microfinance ปล่อยเงินกู้ให้เกษตรกร

Asia Green Development Bank (AGD Bank) หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมาได้ลงนามในข้อตกลงการจัดหาเงินทุนมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (35 พันล้านจัต) กับ Pact Global Microfinance Fund (PGMF) ซึ่งจะแจกจ่ายให้กับเกษตรกรและธุรกิจการเกษตรในชนบท โดยจะมีการเบิกจ่ายเงินกู้ในสกุลเงินท้องถิ่นเป็นครั้งแรกของเมียนมา เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ชนบทห่างไกลของเมียนมาและช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร ข้อตกลงดังกล่าวได้ลงนามในช่วงเวลาที่ COVID-19 กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเกษตรและภาคการส่งออก ด้วยเหตุนี้การจัดการกับอัตราแลกเปลี่ยนจึงกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก จากข้อตกลงดังกล่าวสามารถโอนเงินในรูปสกุลเงินท้องถิ่นไปยังผู้ประกอบการ 68,000 ครัวเรือน Pact Global Microfinance Fund เป็นสถาบันการเงินรายย่อยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมียนมาและให้เงินกู้รายย่อยแก่ชุมชนในพื้นที่ชนบท นาย U Pyi Soe Htin ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของ AGD Bank กล่าวว่าธนาคารมีเป้าหมายที่จะให้ทุนและสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ชนบทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตร

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/agd-bank-pact-global-microfinance-bring-foreign-funds-local-farmers.html

เมียนมา-ญี่ปุ่นหารือแผนแม่บทโลจิสติกส์แห่งชาติ

จากข้อมูลของกระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร เมียนมาร์และญี่ปุ่นหารือเกี่ยวกับการดำเนินการขั้นสุดท้ายของแผนแม่บทโลจิสติกส์แห่งชาติซึ่งได้รับความช่วยเหลือจาก Japan International Cooperation Agency (JICA) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาภาคโลจิสติกส์ของเมียนมาเมื่อวันที่ วันที่ 17 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา แผนแม่บทโลจิสติกส์แห่งชาติร่างขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2559 โดยความช่วยเหลือของ  JICA นำโดยกระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร ตามแผนแม่บทภาคโลจิสติกส์จะเพิ่มขึ้นสามเท่าของปัจจุบันภายในปี 2573 จากรายงานของ Myanma Port Authority (MPA) มีการสร้างท่าเทียบเรือใหม่ 8 แห่งในย่างกุ้งภายในระยะเวลาสามปีและกำลังดำเนินการขนถ่ายสินค้าด้วยท่าเทียบเรือ 41 แห่ง ชายฝั่งเมียนมาร์มีความยาว 1,385 ไมล์และมีการสร้างท่าเรือ 9 แห่งตามแนวชายฝั่ง ท่าเรือย่างกุ้งเป็นท่าเรือสำคัญและรองรับการค้าทางทะเลระหว่างประเทศมากกว่าร้อยละ 90 ท่าเรือใหม่ที่สร้างขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ ท่าเทียบเรือ Green Asia ที่มีความยาว 200 เมตร ท่าเทียบเรือ Elite Petrochemical ท่าเรือ Wilmar International และ International Bulk Terminal Thilawa

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-japan-discuss-implementation-of-national-logistics-master-plan

เวียดนามเผยการส่งออกอาหารทะเลพุ่งขึ้น หลังจาก EVFTA มีผลบังคับใช้

สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) ระบุว่าการส่งออกอาหารทะเลไปยังยุโรป แสดงให้เห็นถึงสัญญาเชิงบวกมากมายตั้งแต่ข้อตกลง EVFTA มีผลบังคับใช้เมื่อต้นเดือนนี้ ซึ่งจำนวนยอดคำสั่งซื้อต้นเดือนนี้ ในตลาดยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมการบริษัท Thuan Phuoc Seafood and Trading Corporation กล่าวว่าบริษัทมีการส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากกุ้ง 3,000 ตัน ไปยังยุโรป ด้วยมูลค่าประมาณ 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ ขณะที่ คุณ Nguyen Thi Anh ผู้อำนวยการบริษัท Ngoc Xuan Seafood Corporation กล่าวว่าลูกค้าในยุโรปได้หันมาเจรจาด้านคำสั่งซื้อกับทางบริษัทอีกครั้งเมื่อเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ มองว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และยอดส่งออกอาหารทะเลคาดว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ว่าเห็นสัญญาในทิศทางที่เป็นบวกแก่ธุรกิจที่กลับมาฟื้นตัว หลังจากยอดคำสั่งซื้อล่าช้าและถูกยกเลิกออเดอร์

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnamese-seafood-exports-increase-after-evfta-comes-into-force-23620.html