BOI ห่วงขาดแรงงาน อุตฯ ดิจิทัล-อิเล็กทรอนิกส์

บีโอไอห่วงอุตฯดิจิทัลขาดแคลนแรงงาน สวนทางคำขอลงทุนโตก้าวกระโดด รับผลนิว นอร์มอล-เวิร์คฟอร์มโฮม ขณะส.อ.ท.วอนกระทรวงการอุดมศึกษาทำหลักสูตรพัฒนา การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้ปัจจุบันมีนักลงทุนแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนไทยเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมดิจิทัล จำนวนมาก โดยคำขอส่งเสริมการลงทุนช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) พบว่า อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มาแรงเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 10,620 ล้านบาท ต่อเนื่องถึงเดือนเม.ย.-พ.ค.ก็ยังขยายตัว มูลค่าคำขอเพิ่มอีก 17,000 ล้านบาท รวม 5 เดือน(ม.ค.-พ.ค.) มูลค่าคำขอรวมประมาณ 27,000 ล้านบาท ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ฯยังขาดแคลนอย่างมาก ซึ่งปัญหาขาดแคลนแรงงานอุตสาหกรรมดิจิทัลนี้บีโอไอได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมตัวเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้ว เพราะบีโอไอไม่มีอำนาจในการจัดการด้านแรงงาน แรงงานในอุตสาหกรรมดิจิทัลต้องใช้ทักษะความสามารถ ขณะที่อุตสาหกรรมอาจสับเปลี่ยนการทำงานแทนกันได้ ดังนั้นขณะนี้จึงอยู่ระหว่างทำงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เพื่อทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในจัดทำหลักสูตรเพื่อผลิตบุคลากรในอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากนี้หลักสูตรที่มีประสิทธิภาพ การจูงใจให้นักศึกษาเข้าเรียนสาขาวิชาชีพนี้ก็เป็นเรื่องที่อว.ต้องประสานกับหน่วยงานด้านการศึกษาอื่นที่เกี่ยวข้อง​ รายงานข่าวแจ้งว่าความต้องการแรงงานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ในช่วง 5 ปี (2562-66) จะอยู่ที่ 46,500 – 49,500 คน

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886026?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic

สหภาพยุโรปจะยกเลิกภาษีปลาทูน่าจากเวียดนาม เมื่อข้อตกลงการค้ามีผลบังคับใช้

สหภาพยุโรปจะปรับลด/ยกเลิกภาษีผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าของเวียดนาม (สด,แช่เย็นแช่แข็ง) ประกอบไปด้วยปลาทูน่ากระป๋อง ปริมาณ 11,500 ตัน และลูกชิ้นปลาทูน่ากระป๋อง 500 ตัน ล้วนได้รับการยกเว้นทุกปี เมื่อข้อตกลงการค้าเสรีทั้งสองฝ่ายมีผลบังคับใช้ในเดือนสิ.ค. ซึ่งข้อตกลงดังกล่าว คาดว่าจะสร้างโอกาสอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมปลาทูน่าของเวียดนามเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาดใหม่ ได้รับการลดภาษีและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ อาทิ ไทยและจีน ในขณะที่ กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่มีส่วนแบ่งการตลาดขนาดใหญ่ในตลาดอียู แต่ว่ายังไม่ได้รับข้อตกลงการค้าเสรีใดๆเลย ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเล (VASEP) ระบุว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในตลาดส่งออกสำคัญ ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ ซึ่งคู่แข่งขันสำคัญ ได้แก่ เอกวาดอร์ ไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA ถือเป็นข้อตกลงทันสมัยที่สุด ครอบคลุมด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอียูกับประเทศกำลังพัฒนา

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/738477/eu-to-remove-tariffs-on-vietnamese-tuna-once-trade-deal-takes-effect.html

สหรัฐอเมริกาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในเวียดนาม

องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ร่วมมือกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) และกรมศุลกากรเวียดนาม (GDVC) ณ วันที่ 22 มิ.ย. เปิดตัวโครงการประเมินระดับความพึงพอใจในการดำเนินธุรกิจ ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งรายงานดังกล่าว พื้นฐานมาจากการสำรวจ “ความพึงพอใจทางธุรกิจและขั้นตอนการบริหารผ่านระบบ NSW” ตั้งแต่เดือนก.ย.62 – มี.ค.63 ทั้งนี้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โครงการอำนวยความสะดวกทางการค้าของ USAID ได้ทำงานร่วมมือกับองค์กรที่หลากหลาย เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการทำธุรกิจที่เวียดนาม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสถิติการค้าสหรัฐฯ-เวียดนาม ชี้ให้เห็นว่าเมื่อปีที่แล้ว มูลค่าการค้าทั้งสองฝ่ายเติบโตสูงถึง 77.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทาง USAID ยังคงสนัสนุนรัฐบาลเวียดนามและภาคเอกชน ในการปฏิรูปและยกระดับความพึงพอใจทางธุรกิจ ผ่านเครื่องอำนวยความสะดวกในการค้า “NSW”

ที่มา : https://vnexplorer.net/us-supports-vietnam-to-improve-business-satisfaction-a202054474.html

EDL จะลดค่าไฟฟ้าหลายพันครัวเรือน

Electricity du Laos (EDL) จะลดราคาค่าไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่ใช้น้อยกว่า 461kwh ต่อเดือนของเดือนเม.ย, พ.คและมิ.ย. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการชดเชยผลกระทบทางการเงินของ COVID-19 ในประเทศ แผนดังกล่าวถูกเปิดเผยในการแถลงข่าวร่วมโดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ และรักษาการผู้อำนวยการของ Electricite du Laos EDL เริ่มดำเนินการตามโครงสร้างราคาไฟฟ้าใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับลูกค้าที่ใช้ 0 ถึง 150 kWh ซัพพลายเออร์จะคิดค่าบริการ 355 kip ต่อหน่วย (kWh) และครัวเรือน 710 kip ต่อหน่วยสำหรับครัวเรือนที่ใช้มากกว่า 150 kWh ต่อเดือน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ได้ทำการศึกษาเพื่อสร้างโครงสร้างราคาไฟฟ้าในปี 61 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี 68 โครงสร้างใหม่ซึ่งได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลนั้นแบ่งออกเป็น 6 ช่วง (0-25 kWh, 26-150 kWh, 151-300 kWh, 301-400 kWh, 401- 500 kWh และสูงกว่า 500 kWh) และตอนนี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะจ่ายน้อยลง อย่างไรก็ตามโครงสร้างใหม่ส่งผลให้ผู้ใช้มากกว่า 150 kWh ถึง 461 kWh ต่อเดือนมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_EDL_118.php

กัมพูชาส่งออกสินค้าการเกษตร 2 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปี

กัมพูชามีการส่งออกสินค้าเกษตรจำนวน 1.9 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดที่ส่งออกข้าวสารมีสัดส่วนประมาณ 350,000 ตัน คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 โดยอธิบดีกรมวิชาการเกษตรกระทรวงเกษตรป่าไม้และประมงกล่าวว่าการส่งออกข้าวมีสัดส่วนมากที่สุดของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด ซึ่งจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกข้าวข้าวของกัมพูชา จากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนี้กัมพูชาคาดว่าจะส่งออกข้าวสารได้ถึง 8 แสนตัน หรือ 1 ล้านตัน ภายในสิ้นปีนี้ ไปจนถึงการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมดอาจจะสูงถึง 5 ล้านตันภายในสิ้นปี โดยกัมพูชามีพื้นที่เพาะปลูกรวม 4.8 ล้านเฮกเตอร์ และมีพืชที่มีศักยภาพเพื่อการส่งออก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มะม่วง ข้าวโพด กล้วย ลำไย พริกไทย และแก้วมังกรตามที่กระทรวงระบุ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตร 4.8 ล้านตัน ไปยังตลาดต่างประเทศรวมถึงอาเซียน สหภาพยุโรปและจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50736330/cambodia-exports-two-million-tonnes-of-agricultural-products-in-first-five-months/

กัมพูชาเร่งพัฒนาภาคเกษตรกรรม การท่องเที่ยวภายในประเทศ และ SMEs

กัมพูชาจำเป็นต้องเร่งส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวภายในประเทศ การเกษตรและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 หลังจากการประชุมเรื่อง “สิ่งที่ประเทศกัมพูชาควรเตรียมที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจหลัง COVID-19” ซึ่งเศรษฐกิจของกัมพูชาจะไม่สามารถฟื้นตัวได้เลยจนกว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ สนับสนุนการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรอินทรีย์ รวมถึงลดต้นทุนการผลิตในภาคการขนส่งและการพัฒนาของ SMEs โดย ณ ปัจจุบัน SMEs ภายในประเทศได้เริ่มจ้างงานประมาณร้อยละ 70 ของภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด แต่ยังคงขาดแคลนเทคโนโลยีและแรงงานที่มีทักษะสูง เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจของกัมพูชาอาจหดตัวมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ในปีนี้เนื่องจากการระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50736309/agriculture-domestic-tourism-and-smes-are-the-catalysts-to-restore-the-economy/

ออสเตรเลียมอบเงินช่วยเหลือ 4.8 ล้านดอลล่าร์ออสเตรเลียฟื้นฟูเศรษฐกิจหลัง COVID-19

รัฐบาลออสเตรเลียได้เพิ่มความช่วยเหลือด้านการพัฒนาทวิภาคีไปยังสปป.ลาว จำนวน 4.8 ล้าสนดอลล่าร์ออสเตรเลียเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมและสุขภาพจากการระบาดใหญ่ของโควิด -19ความช่วยเหลือนี้จะเสริมสร้างระบบสุขภาพเสริมสร้างรากฐานสำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว  เอกอัครราชทูตฌอง – เบอร์นาร์ดคาร์ราสโกกล่าวว่า “ ออสเตรเลียมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือสปป.ลาว ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามมีความท้าทายที่สำคัญในการเอาชนะรวมถึงการทำให้แน่ใจว่ากลุ่มผู้ด้อยโอกาสโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” นอกจากนี้ออสเตรเลียยังสนับสนุนเงินมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเพื่อขยายความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์เพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของสปป.ลาวในช่วงหลังCOVID -19

ที่มา  : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Australia_increases_118.php

เวียดนาม-นิวซีแลนด์ ตั้งเป้าการค้า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563

สำนักงานการค้าเวียดนามในนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่าในปัจจุบัน เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 16 ของนิวซีแลนด์และมูลค่าการค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองประเทศได้เข้าร่วมความตกลงพันธมิตรทางการค้า จากปี 2552 มูลค่า 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี 2561 มาอยู่ที่มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้น 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 เป็นผลมาจากทั้งสองประเทศส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและยังเป็นสมาชิก “CPTPP” ทั้งนี้ เศรษฐกิจของเวียดนามและนิวซีแลนด์มีการส่งเสริมซึ่งกันและกันในหลายๆด้าน นิวซีแลนด์เป็นตลาดส่งออกสำคัญและมีศักยภาพของเวียดนาม อาทิ สินค้าเกษตร อาหารทะเล กาแฟ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่มและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น นอกจากนี้ เดือนก.พ. 2563 นิวซีแลนด์มีโครงลงทุนโดยตรงในเวียดนามจำนวน 41 โครงการ คิดเป็นมูลค่าจดทะเบียนรวม 209.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน เวียดนามมีโครงการลงทุนโดยตรงในนิวซีแลนด์จำนวน 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่าจดทะเบียนรวม 32.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมุ่งเน้นไปยังภาคอุตสาหกรรมการแปรรูป การผลิต การค้าปลีกและบริการซ่อมแซมยานยนต์

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-and-new-zealand-target-usd-17-billion-of-trade-value-in-2020-21563.html

ศักยภาพการส่งออกกุ้งของเวียดนามในตลาดแคนาดา

จากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกกุ้งของเวียดนามไปยังแคนาดา อยู่ที่ 49.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งในเดือนเม.ย. ชี้ให้เห็นว่ายอดส่งออกกุ้งไปยังตลาดดังกล่าว พุ่งสูงขึ้นร้อยละ 51 คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ แคนาดานิยมบริโภคกุ้งก้าวกรามที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผลมาจากปริมาณกุ้งแช่เย็นลดลง อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจล่าสุด ชี้ให้เห็นว่าแคนาดามีสัดส่วนการนำเข้ากุ้งครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารทะเลทั้งหมดและมีแนวโน้มในการซื้อกุ้งเพื่อนำมาประกอบอาหารในครัวเรือนแคนาดา นอกจากนี้ เวียดนามเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่อันดับที่ 2 ของแคนาดา สำหรับด้านราคาส่งออก พบว่าราคาส่งออกกุ้งของเวียดนามสูงกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามมีความต้องการสูงสำหรับตลาดหลากหลายประเทศและลดการนำเข้าจากสหรัฐฯ

ที่มา : https://customsnews.vn/potential-of-exporting-shrimp-to-canada-14931.html

ธนาคารในเมียนมาผ่อนปรนนโยบายการชำระหนี้เพื่อช่วยลูกค้า

ธนาคารกลางของเมียนมา (CBM) อนุญาตให้ธนาคารในประเทศปรับโครงสร้างและกำหนดเวลาชำระคืนเงินกู้ที่มีอยู่เพื่อช่วยเหลือลูกค้าภายในประเทศ จากผลกระทบทางเศรษฐกิจของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่งCBM คาดว่าผลกระทบต่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จะรุนแรงที่สุด โดยธุรกิจที่มีประวัติการชำระหนี้ดีสามารถเลื่อนการชำระคืนเงินกู้ได้ KBZ Bank เป็นหนึ่งในธนาคารในประเทศที่เปิดตัวโครงการช่วยเหลือผู้กู้ ได้มีโครงการความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ COVID-19 สำหรับผู้ประกอบการ SMEs โดยลูกค้าสามารถยื่นขอขยายเวลาเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมซึ่งธนาคารจะชะลอการชำระทั้งต้นและดอกเบี้ยออกไป 6 เดือน ธนาคารอื่น ๆ รวมถึงธนาคาร Yoma, CB Bank และ uab Bank ได้เปิดตัวโครงการที่คล้ายกันคือเลื่อนการชำระคืนเงินกู้และการชำระดอกเบี้ย

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/banks-myanmar-ease-repayment-policy-help-clients.html