กระทรวงสาธารณสุขร่วมหน่วยงานรัฐหาแนวทางปฏิรูประบบสุขภาพ

กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้จัดประชุมระดมสมองเรื่องร่างยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบสุขภาพระยะที่ 3 ขึ้นเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ โดยการจัดประชุมดังกล่าวเพื่อส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องแบ่งปันความคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์การปฏิรูปสุขภาพเพื่อให้ครอบคลุมทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องมากที่สุด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า “การปฏิรูประบบสุขภาพมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อความกังวลของรัฐบาลและสมัชชาแห่งชาติต่อสถานะสุขภาพของประชาชนสปป.ลาว ถึงการเข้าถึงบริการที่ดีด้วยต้นทุนและคุณภาพที่เหมาะสม” นอกจากการปฎิรูปบุคลากรร่วมถึงระบบการให้บริการที่ดี ยังมีเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพจะได้รับการกระจายไปทั่วประเทศอย่างเพียงพอต่อความต้องการ ในระยะยาวของการปฏิรูประบบสุขภาพคือการสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำหรับประชาชนทั้งหมดและสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry.php

รัฐบาลสปป.ลาวใช้ประโยชน์ด้านการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาความยากจน

เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้ประโยชน์จากการศึกษาวิจัย เพื่อช่วยในการกำหนดแผนและเร่งการบรรเทาความยากจน ผลการวิจัยจะถูกนำมารวมและนำมาพิจารณาเมื่อจัดทำแผนลดความยากจนและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและป่าไม้ได้ริเริ่มแนวคิดการวิจัยเกี่ยวกับการลดความยากจนในชุมชนโดยคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมทีมนักวิจัยในการแก้ความยากจนในประเทศ โดยมีการสนับสนุนการเงินจากประเทศจีนในการสนับสนุนงานวิจัย ปัจจุบันสปป.ลาวมีกลุ่มคนยากจนมากถึง 8 แสนคนใน 10 แขวงทั่วประเทศก่อนหน้านี้ได้มีการช่วยเหลือจากรัฐบาลผ่าน ”กองทุนลดความยากจน” มีการใช้จ่ายเงินจำนวน 187 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อดำเนินกิจกรรมของกองทุนในระยะเวลา 16 ปี ผลของการดำเนินงานเป็นไปอย่างช้าๆ ดังนั้นการทำการศึกษาวิจัยอย่างจริงจังครั้งนี้จะนำมาซึ่งวิธีและแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดเพื่อปัญหาความยากจนที่อยู่กับสปป.ลาวมายาวนานจะได้ลดลงและหวังว่าจะหมดไปในอนาคต

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt277.php

เวียดนามตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 20.5 ล้านคน ในปี 2563

จากการประชุมขององค์การบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) ณ กรุงฮานอย ในวันที่ 23 ธันวาคม เปิดเผยว่าภาคการท่องเที่ยวเวียดนามตั้งเป้าปี 2563 จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 20.5 ล้านคน และอีก 90 ล้านคนที่เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ โดยในปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังเวียดนามอยู่ที่ 18 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและสัดส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศอยู่ที่ 85 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวมีรายได้รวมมากกว่า 720 ล้านล้านดอง เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และในปีหน้า เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญ ได้แก่ รายการ Formula 1 Vietnam Grand Prix และงานการท่องเที่ยวระดับชาติแห่งปี 2563 (National Tourism Year 2020)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-aims-for-205-million-foreign-tourists-in-2020/166003.vnp

เวียดนามคาดว่าภาคเกษตรกรรมจะขยายตัว 3% ในปีหน้า : PM

จากการประชุมในกรุงฮานอย ณ วันที่ 23 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีเหงียนชวนฟุ๊ก ระบุว่าภาคเกษตรและพัฒนาชนบทจะเติบโตร้อยละ 3 ในปีหน้า รวมไปถึงการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมง จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าเกษตรมากกว่า 5 รายการที่มีมูลค่าการส่งออก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 ทำให้ยอดการส่งออกรวมปรับตัวสูงขึ้นราว 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและส่งผลให้เวียดนามเป็นผู้นำทางด้านการค้าในกลุ่มสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จของภาคการเกษตรเวียดนามในปีนี้ เป็นผลมาจากการขจัดอุปสรรคทางการค้าที่จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เป็นต้น รวมไปถึงการจัดการกับไข้หวัดหมูแอฟริกา (ASF) นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวว่าภาคการเกษตรจะดำเนินปรับโครงสร้างใหม่และสร้างมูลค่าสินค้าให้สูงขึ้น รวมไปถึงเพิ่มขีดความสามารถการผลิตสินค้าเกษตรและการแก้ไขปัญหาประมงอย่างเข็มงวด จากสหภาพยุโรปได้ให้ใบเหลือง (Yellow Card)

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/agriculture-sector-must-grow-by-3-pct-next-year-pm-407946.vov

สองเดือนเมียนมาส่งออกหยกมูลค่ากว่า 420 เหรียญสหรัฐ

420 ล้านเหรียญสหรัฐได้รับจากส่งออกหยกไปต่างประเทศในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาในปีงบประมาณนี้มากกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 419 เหรียญสหรัฐ ซึ่งปีที่แล้วมีมูลค่าเพียง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การจัดแสดงอัญมณีของเมียนมาเมื่อกลางปีที่ผ่านมาจัดขึ้นที่ หอหยกมณียาดานา ในเนปิดอว์ วันที่ 16-25 ก.ย.62 ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/420-m-earned-from-jade-export-in-two-months

IMF ชี้ แม้เมียนมาแม้จะเติบโตแต่ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง

เศรษฐกิจเมียนมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่สะดุดด้วยความไม่แน่นอนก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้าและความต้องการภาคเอกชนที่ลดลงตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) นักเศรษฐศาสตร์อ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากวิกฤติยะไข่และจุดอ่อนในภาคธนาคาร ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ความผันผวนของตลาดโลกราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น และการรั่วไหลจากการชะลอตัวของจีนยังคงมีความเสี่ยงจากต่างประเทศ IMF คาดจะเติบโต 6.5% ในปี 61-62 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 6.4% ในปี 60-61 จากการส่งออกอย่างต่อเนื่อง เช่น เสื้อผ้าก๊าซ ด้าน FDI น้อยกว่าปีที่ผ่านมาเพราะโครงการต่างๆ ล้วนเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนเงินเฟ้อจะลดลงสู่ระดับ 6-7% ในระยะปานกลางเนื่องจากราคาอาหาร ค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น สินเชื่อที่ชะลอตัว และการลงทุนที่ลดลง ไอเอ็มเอฟเรียกร้องให้การปรับโครงสร้างธนาคารควรปฏิบัติตามกฎระเบียบให้รอบคอบ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดในที่สุด และควรใช้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนหรือ PPP เพื่อปรับปรุงกรอบการเลือกโครงการและสร้างความมั่นใจในความคุ้มค่าผ่านการเสนอราคาที่แข่งขันได้ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบของโครงการธนาคารปี 61

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/imf-sees-stable-growth-risks-lie-ahead-myanmar.html

ผู้ส่งออกเรียกร้องให้เกษตรกรกัมปอตในกัมพูชาผลิตพริกไทยที่เน้นถึงคุณภาพ

ผู้ส่งออกขอให้เกษตรกรให้ความสำคัญกับการผลิตพริกไทยคุณภาพสูงโดยทำตามมาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อเพิ่มความต้องการของผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ โดยพริกไทยจากเมืองกัมปอตยังคงเป็นที่นิยมในระดับสากลโดยเฉพาะในกลุ่มยุโรป แต่อย่างไรก็ตามเกษตรกรจะต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพเพื่อรักษายอดขายให้แข็งแกร่ง ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่สนใจเรื่องราคาจนไม่สนใจคุณภาพ ซึ่งคุณภาพถือเป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกให้ความสำคัญ โดยพริกไทยกัมปอตได้รับสถานะบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในสหภาพยุโรปในปี 2015 ซึ่งสมาคมส่งเสริมพริกไทยกัมปอตระบุว่า 50% ของพริกไทยกำปอตส่งออกไปยังสหภาพยุโรปในขณะที่ 30% บริโภคภายใน ส่วนที่เหลือจะถูกส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ในส่วนของ Confirel โดยขายพริกไทยกัมปอตภายใต้แบรนด์ Kirum ส่งออกประมาณ 14 ตันของพริกกัมปอตในต่างประเทศใน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า 20% ถึง 25% ของเกษตรกรรายย่อย (เกษตรกรที่มีพื้นที่น้อยกว่า 3,000 ตารางเมตร) จะทำการยกเลิกการเพาะปลูกหลังจากจบฤดูเก็บเกี่ยวในปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50673130/exporter-urges-kampot-pepper-farmers-to-focus-on-quality

สมัชชาแห่งชาติกล่าวถึงสี่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชา

โครงการพลังงานแสงอาทิตย์สี่โครงการซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตรวม 140 เมกะวัตต์ ได้รับการอนุมัติในระหว่างการประชุมสมัชชาแห่งชาติ โดยรัฐสภาอนุมัติร่างกฎหมายเกี่ยวกับการค้ำประกันการชำระเงินในโครงการ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการปฏิบัติตามภาระผูกพันทั้งหมดของโครงการ ซึ่ง Green Sustainable Ventures Co Ltd. ลงทุน 17.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 20 เมกะวัตต์ ในเขตของจังหวัดสวายเรียงสามารถผลิตพลังงานได้ 34.67 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี โดย Ray Power Supply Co Ltd. จะลงทุนอีกกว่า 28.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 30 เมกะวัตต์ ในเขตของบันทายมีชัย โดยสามารถผลิตพลังงานได้ถึง 50 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ส่วน Risen Energy Co Lte. จะสร้างโซล่าฟาร์มขนาด 60 เมกะวัตต์ ในเขตจังหวัดพระตะบองด้วยการลงทุน 57.2 ล้านเหรียญสหรัฐ สามารถผลิตพลังงานได้ที่ 107 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี และโครงการสุดท้าย SchneiTec Infinite Co Ltd. กำลังวางแผนที่จะลงทุน 29 ล้านเหรียญสหรัฐขนาด 30 เมกะวัตต์ในเขต ของจังหวัดโพธิสัตว์สามารถผลิตพลังงานได้ที่ 48 ล้านกิโลวัตต์ต่อปี ซึ่งโรงไฟฟ้าเหล่านี้จะถูกขายให้กับการผลิตไฟฟ้าของกัมพูชา (EDC) ในอัตรา 0.076 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงตามรายงานจากกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50672968/national-assembly-says-yes-to-four-solar-projects

ญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือสปป.ลาวเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ

เมื่อวันจันทร์ที 23 ธค.62 ได้มีพิธีลงนามในการแลกเปลี่ยนบันทึกสำหรับโครงการให้ความช่วยเหลือ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นตกลงที่จะให้เงินสนับสนุนมากกว่า 8 พันล้านกีบ (9.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศลาวนาย Takewaka Keizo และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสปป.ลาวร่วมลงนาม โครงการดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลสปป.ลาวมีอุปกรณ์มูลค่า 9.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติจะเริ่มเปิดดำเนินการใช้งานเมื่ออุปกรณ์ครบและอุปกรณ์ดังกล่าวจะถูกส่งไปประจำการป้องกันภัยพิบัติทั่วประเทศ เพื่อความั่นคงและความปลอดภัยของชีวิตการเป็นอยู่ในประเทศและป้องกันความเสียหายให้ลดลงเมื่อเกิดภัยพิบัติในครั้งต่อ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan276.php

เกษตรกรจำปาสักปลูกข้าวที่ประสบอุทกภัย

เจ้าหน้าที่ระดับแขวงสนับสนุนเกษตรกรปลูกข้าวกว่า 5,000 ไร่และปลูกพืชอื่นอีกกว่า 30,000 ไร่หลังจากที่สูญเสียข้าวจำนวนมากเมื่อน้ำท่วมท่วมพื้นที่ของพวกเขาในฤดูฝน นาย Padith Vannalatsamy ผู้อำนวยการฝ่ายการเกษตรและป่าไม้ของแขวงกล่าวกับ Vientiane Times ว่า“ เราได้รับเมล็ดข้าว 135 ตันจากกระทรวงเกษตรและป่าไม้และจะส่งมอบให้ 8 แขวงที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม” โดยคาดว่าเกษตรกรจะปลูกข้าว 5,069 เฮกตาร์และปลูกพืชอื่น 31,825 เฮกตาร์เพื่อเติมเสบียงข้าวและชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดอุทกภัยในฤดูฝนและยังกลล่าวอีกว่าเรากำลังดำเนินการซ่อมแซมช่องทางชลประทานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถจัดหาน้ำได้เพียงพอในช่วงฤดูแล้งโดยร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Champassak.php