แขวงไชยบุรีจะจัดเทศกาลข้าวประจำปี 63

เทศกาล Kong Khao Yai (เทศกาลข้าว) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-12 มกราคมที่แขวงไชยบุรี Ms.Sengaphone Keobuahome รองผู้ว่าการอำเภอกล่าวว่าในปีนี้เทศกาลจะมีกิจกรรมที่หลากหลายผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ตงเหลียงและเพลิดเพลินกับกิจกรรมดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำ นอกจากนี้จะมีการจัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าว ซึ่งแขวงไชยบุรีเป็นภูมิภาคนี้มีชื่อเสียงในด้านนาข้าวและเก็บเกี่ยวได้มากมายในแต่ละปี ไชยบุรีได้ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากรวมถึงคุณภาพการบริการโดยหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นและสร้างรายได้สำหรับแขวงโดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ประชาชนมากกว่า 3.4 ล้านคนเดินทางไปพักผ่อนในสปป.ลาวเพิ่มขึ้น 11%

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Xayaboury_275.php

เวียดนามจัดงานแสดงสินค้าในเมียนมา

งานแสดงส่งเสริมสินค้านานาขาติเวียดนามประจำปี 2562 “Vietnam Expo 2019” จัดขึ้นในกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ระหว่างวันที่ 19-22 ธันวาคม มีคณะธุรกิจเวียดนามกว่า 80 รายและซุ้มแสดงส่งเสริมสินค้า 120 บูธ โดยมีการแสดงสินค้าที่หลากหลาย ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องจักร สินค้าอุปโภคบริโภค และการให้บริการของธนาคาร เป็นต้น สำหรับวัตถุประสงค์ภายในกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อผลักดันความร่วมมือทางด้านธุรกิจและส่งเสริมแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก รวมไปถึงขยายระบบการกระจายสินค้าและเรียนรู้เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ การลงทุนในประเทศคู่ค้า ทั้งนี้ เวียดนามเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในเมียนมา อยู่ในอันดับที่ 7 และมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศราว 860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561 ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 1.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2562

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/8246402-vietnamese-products-promoted-in-myanmar.html

เกาหลีใต้จัดตั้งกองทุน 860 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม

สำนักงานเงินบำนาญแห่งชาติเกาหลี (National Pension Service) พึ่งเปิดตัวกองทุนหุ้นส่วนของกลุ่มบริษัท SK Group เกาหลีใต้ ทำให้สามารถเพิ่มเงินทุนในกลุ่มบริษัท Masan Group และ Vingroup ของเวียดนาม ซึ่งการเป็นหุ้นส่วนดังกล่าวนั้น จะทำให้บริษัท SK Group สามารถร่วมทุนกับบริษัทเวียดนามในสาขาธุรกิจใหม่และการดำเนินธุรกิจที่ดีที่สุด ผ่านการควบรวมและการซื้อกิจการในบริษัท Masan และ Vingroup โดยในช่วงเดือน พ.ค. กลุ่มบริษัท SK Group ได้ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อหุ้นในกลุ่มบริษัทเวียดนามข้างต้น นอกจากนี้ นโยบายใหม่ของรัฐบาลเกาหลีใต้ ระบุว่าอาเซียนและเวียดนามถือเป็นจุดมุ่งหมายของการลงทุนที่สำคัญที่สุด สำหรับสาขาธุรกิจที่นักลงทุนเกาหลีใต้ส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก การเงินและอุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว ในส่วนของอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร ต้องการเงินทุนจากผู้ประกอบการเกาหลีอยู่ในปัจจุบัน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/rok-group-sets-up-860-mln-usd-investment-fund-for-vietnam/165908.vnp

YACL เปิดให้เอกชนเข้าประมูลกายกระดับสนามบินเกาะสอง

บริษัท Yangon Aerodrome Company Limited (YACL) ไฟเขียวให้เอกชนเข้าร่วมยกระดับการบริการของสนามบินนานาชาติเกาะสองแล้ว ผ่านระบบหุ้นส่วนมหาชน-เอกชน (Public–private partnership)  ซึ่งหากไม่มีการลงทุนภาคเอกชนจะต้องขอความช่วยเหลือจากงบประมาณของรัฐ อย่างไรก็ตาม บริษัทเอกชนบางแห่งมีความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมครั้งนี้ YACL เข้าควบคุมการดำเนินงานและการจัดการของสนามบินนานาชาติย่างกุ้งในเดือนตุลาคม 58 ภายใต้สัญญา PPP จากกรมการบินพลเรือนและกระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร แผนกำลังดำเนินการยกระดับสนามบินภายในประเทศสามแห่ง ได้แก่ สนามบินเฮโฮ ในรัฐฉาน, สนามบินเกาะสองในเขตตะนาวศรีi และสนามบินเมาะลำเลิงในรัฐมอญให้เป็นมาตรฐานสากลโดยร่วมมือกับภาคเอกชน คาดว่าการยกระดับสนามบินเฮโฮ จะอยู่ที่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ สนามบินเกาะสอง 36 ล้านเหรียญสหรัฐ และสนามบินเมาะลำเลิง 20 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/yacl-applies-for-kawthaung-airport-upgrade-tenders

ธนาคารกลางเมียนมาเตรียมออกธนบัตร 1,000 จัต เป็นภาพนายพลอองซาน

ธนาคารกลางเตรียมออกธนบัตร 1,000 พันจัตเริ่มต้นในวันที่ 4 ม.ค.ปีหน้า โดยจะมีภาพของนายพลอองซาน (Bogyoke Aung San) ผู้เปรียบเสมือนเป็นวีรบุรุษเพื่ออิสรภาพของเมียนมา ธนบัตรที่มีความยาว 150 มม. และกว้าง 70 มม. สีในส่วนบนของบันทึกย่อจะมีการพิมพ์“ ธนาคารกลางเมียนมา” ภาพอาคารรัฐสภาจะอยู่ที่ด้านหลังของธนบัตรและ“ธนาคารกลางเมียนมา”: ใส่ที่ด้านบนของธนบัตร การพิมพ์ธนบัตร 1,000 จัตครั้งนี้ เพื่อใช้หมุนเวียนในระบบการเงินของประเทศ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/central-bank-to-circulate-bogyoke-aung-san-1000-kyat-note

จับสัญญาณเศรษฐกิจไทยปี’63 ระวังปัจจัยเสี่ยงการเมืองภายใน

สัญญาณสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐมีทิศทางดีขึ้น ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ การค้าโลก และตลาดการเงินโดยรวม คาดทำให้จีดีพีโลก ค้าโลกขยายตัวเพิ่มในปีหน้า การลงทุนในตลาดการเงินโลกคึกคักมาก ส่งผลดีต่อเนื่องกับเศรษฐกิจไทย ภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยวทั้งระบบ ขณะที่การเจรจาเรื่อง Brexit มีความชัดเจนขึ้นเช่นเดียวกัน หลังทราบผลการเลือกตั้งในประเทศอังกฤษ ลดความไม่แน่นอนจากผลกระทบเรื่อง Brexit ได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่การลดภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐจะทำให้ไทยได้ประโยชน์ลดลงจากการเบี่ยงเบนทางการค้า (trade diversion) เนื่องจากสินค้าจีนจะกลับเข้าไปในตลาดสหรัฐมากขึ้น ส่วนกลุ่มสินค้าส่งออกไทยที่ทดแทนสินค้าจีนได้ดีในช่วงที่ผ่านมาจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ได้แก่ สินค้าเกษตรกรรม อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป เคมีภัณฑ์และเม็ดพลาสติก เหล็กและอะลูมิเนียม และของใช้ในบ้านและสำนักงาน คงได้รับผลกระทบบ้าง แต่การขยายตัวของส่งออกไปทั่วโลกจะดีขึ้น และภาพรวมของการส่งออกไปสหรัฐ และจีนจะเพิ่มขึ้นจากการเติบโตที่สูงขึ้นในปีหน้า ส่วนการเจรจาเรื่อง Brexit ที่มีความชัดเจนขึ้นหลังทราบผลการเลือกตั้ง ช่วยลดความไม่แน่นอนจากผลกระทบ ซึ่งไทยควรเตรียมการในการเจรจาเชิงรุกเพื่อจัดทำเอฟทีเอกับสหราชอาณาจักร พร้อมกับการเจรจาทำเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป แนวโน้มปีหน้า ปัจจัยภายนอกจะเป็นบวกมากขึ้น แต่ปัจจัยภายในโดยเฉพาะความเสี่ยงทางการเมือง ผลกระทบเชิงลบเหล่านี้จะหักล้างปัจจัยบวกจากสัญญาณการฟื้นตัวของการค้าโลก และทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสจากการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจโลกได้ นอกจากนี้ การย้ายฐานการลงทุนบางส่วนมายังอาเซียนจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอาจมีการทบทวนใหม่ ซึ่งจะสัมพันธ์กับ สงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาจะยืดเยื้อหรือไม่และออกมาในรูปแบบใด หลังการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา จะมีส่วนสำคัญความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ แต่ภูมิภาคอาเซียนโดยรวมนั้นยังคงเป็นภูมิภาคที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจอยู่ เนื่องจากมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยสูงกว่าภูมิภาคอื่น อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ โดยเฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย แม้ไทยนั้นจะมีปัญหาเรื่อง rule of law และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เพราะประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด

ที่มา: https://www.prachachat.net/columns/news-403998

เวียดนามคาดว่ายอดการส่งออกสินค้าป่าไม้ 11.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2562

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทของเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าภาคป่าไม้ของเวียดนามยังคงเติบโตสูงถึง 5% ในปีนี้ มีมูลค่าการส่งออก 11.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยอัตราการส่งออกอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ภาคการเกษตรขยายตัว โดยตลาดส่งออกสำคัญของผลิตภัณฑ์ไม้เวียดนาม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน สหภาพยุโรป และเกาหลีใต้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรวมกัน 80% ของมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้ทั้งหมด ทั้งนี้ มีจำนวนผู้ประกอบการแปรรูปไม้กว่า 4,500 ราย และสถานประกอบการในประเทศมีอยู่มากกว่า 1,800 แห่ง นอกจากนี้ ภาคการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI), อุตสาหกรรมไม้แปรรูปได้พัฒนาในลักษณะของโครงการขนาดใหญ่และมีการส่งเสริมเทคโนโลยีให้ทันสมัยมากขึ้น ขณะที่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปไม้นั้นมีรูปแบบและชนิดหลากหลายขึ้น ทำให้ได้รับมาตรฐานในการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/forestry-exports-expected-to-beat-us113-billion-during-2019-407762.vov

จัดเก็บภาษีเพิ่มสูงขึ้น จากผลกระทบของการค้าเสรี

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าจากการลงนามและการดำเนินงานตามข้อตกลงการค้าเสรีนั้น จะมีการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นของเวียดนามในปีนี้ ซึ่งมูลค่าการจัดเก็บภาษีทั้งหมดอยู่ที่ 335.6 ล้านล้านดง (14.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และยังคงสูงกว่าที่กระทรวงการคลังตั้งเป้าไว้ ผลกระทบของการค้าเสรี จะขยายไปในทิศทางที่เป็นบวกทั้งการค้าและการลงทุนของเวียดนาม สำหรับงานแถลงข่าวในวันพุธที่ผ่านมา ระบุว่าข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม เกาหลีใต้ (RoK) และ ASEAN ในเรื่องข้อตกลงหุ้นส่วนทางการค้า CPTPP ส่งผลเกิดการพัฒนาของธุรกิจเวียดนามและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้าดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ มูลค่าการจัดเก็บภาษีส่งออก-นำเข้า อยู่ที่ 105.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 7.97% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ทางสำนักงานศุลกากรเวียดนามได้ปราบปรามการลักลอบการนำเข้าและการทุจริตทางการค้า

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/570061/free-trade-agreements-increase-tax-collection.html

การขยายวีซ่าเดินทางไม่ส่งผลกับนักเดินทางชาวเมียนมา

การขยายระยะเวลาการยกเว้นวีซ่าให้กับเมียนมาและเวียดนามจาก 14 วันเป็น 30 วันอาจไม่ส่งผลดีต่อนักเดินทางเมียนมามากนัก ส่วนใหญ่นักเดินทางชาวเมียนมาที่ไปทัวร์กับเวียดนามใช้เวลาประมาณห้าวันหรือหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งการใช้เวลารวมทั้งการเดินทางเข้า – ออก สองอาทิตย์ก็เพียงพอแล้ว ในทำนองเดียวกันชาวเวียดนามที่เดินทางมาจะอยู่ได้นานสุดประมาณห้าวัน ชาวเวียดนามไม่ได้อยู่ที่ย่างกุ้งนานนัก มักใช้เวลาประมาณสามวันในการเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ เช่น ย่างกุ้ง และพระธาตุอินทร์แขวน หรือไปที่พุกามซึ่งก็อยู่ได้ไม่นานนัก จากตัวเลขของกระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวตั้งแต่เดือน ม.ค.- ต.ค. 62 มีชาวเวียดนาม 43,146 เดินทางมาเข้ามา ซึ่งลดลง 691 คนเมื่อเทียบปีที่แล้วที่มีจำนวน 43,842 คน

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/extended-free-visa-with-vietnam-does-not-benefit-myanmar-travellers-much-tourism-official

การลงทุนจากต่างประเทศสูงกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐภายในสองเดือน

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งเมียนมา (MIC) ระบุว่าปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศอยู่ที่ 1.148 พันล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งรวมถึงการลงทุนกว่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา ภายในสองเดือนครึ่งในปีงบประมาณนี้ เขตย่างกุ้งอนุญาตให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ 11 ราย และภูมิภาคหงสาวดีได้รับอนุญาต 4 การลงทุนจากต่างประเทศในสัปดาห์นี้ มีการลงทุนในภาคการผลิตไฟฟ้าและการพัฒนาที่อยู่อาศัยและ 15 รายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม การลงทุนจาก 14 ธุรกิจมีมูลค่า 84.171 ล้านเหรียญสหรัฐและสร้างงาน 8,538 ตำแหน่งให้กับคนในท้องถิ่น ตามกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษการลงทุนต่างประเทศทั้งหมดในติละวา อยู่ที่ 15.203 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 14 ธันวาคมในปีงบประมาณนี้ การลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ พลังงาน การผลิต การขนส่งและการสื่อสาร ที่อยู่อาศัย โรงแรมและการท่องเที่ยว เหมืองแร่ ปศุสัตว์และการประมง การเกษตร เขตอุตสาหกรรม การก่อสร้างและ ภาคบริการอื่น ๆ ภายใน 31 ปี

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/foreign-investment-volume-reaches-over-us1-b-within-over-two-months