‘เวียดนาม’ เผยเม็ดเงินทุน FDI ไหลเข้าธุรกิจอสังหาฯ เพิ่มขึ้น 4 เท่า

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ธุรกิจต่างชาติทุ่มเงินในโครงการอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ากว่า 1.68 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งสัญญาณว่าตลาดอสังหาฯ ของเวียดนามยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักธุรกิจต่างชาติ ถึงแม้ว่าตลาดจะเผชิญกับอุปสรรคในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่กระทรวงการวางแผนและการลงทุน (MPI) รายงานว่าธุรกิจต่างชาติอัดฉีดเงินลงทุนในภาคอสังหาฯ มูลค่า 66.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ จำนวนโครงการประมาณ 1,000 โครงการ ในช่วง 35 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นายเลอ ฮวง เชา ประธานสมาคมอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ กล่าวว่าธุรกิจ FDI จำนวนมากที่มีเงินทุนสูง จะทุ่มเงินไปยังอุตสาหกรรมอสังหาฯ การท่องเที่ยวและที่อยู่อาศัยในเวียดนามมากขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/four-month-fdi-into-real-estate-increases-fourfold-post1092558.vov

ธนาคารกลางเมียนมาปรับเพิ่มอัตราสำรองขั้นต่ำ

เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและควบคุมการเพิ่มขึ้นของเงินสดหมุนเวียน ธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) ได้ปรับเพิ่มอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำของสกุลเงินท้องถิ่นจากร้อยละ 3.5 เป็นร้อยละ 3.75 ในสินทรัพย์สภาพคล่อง ตามประกาศคำสั่ง (4/2024) ลงวันที่ 30 เมษายน 2567 โดยการแก้ไขอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำนี้จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ดังนั้น ธนาคารของรัฐ ธนาคารเอกชน และสาขาของธนาคารต่างประเทศ มีสิทธินำเงินสดเข้าธนาคาร (CAB) ได้ร้อยละ 3 เพื่อเข้าบัญชีเงินฝากของธนาคารกลางเมียนมาและถือ CAB ร้อยละ 0.75 รวมทั้ง ยังได้กำหนดดอกเบี้ยสำรองส่วนเกินโดยเฉลี่ยไว้ที่ร้อยละ 3.8 เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของธนาคาร และธนาคารที่ถือเงินสำรองส่วนเกินโดยเฉลี่ยเกินกว่า 7 พันล้านจ๊าด อย่างน้อยก็มีสิทธิได้รับดอกเบี้ย ทุนสำรองส่วนเกินที่ธนาคารถืออยู่นั้นจำกัดอยู่ที่ 50 พันล้านจ๊าด อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินต้องดำรงอัตราส่วนเงินฝากเข้าธนาคารกลางเมียนมา โดยเฉลี่ยจนถึงวันสุดท้ายของระยะเวลาดำรงเงินสำรองที่กำหนด ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษปรับจากธนาคารกลางเมียนมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/cbm-hikes-minimum-reserve-requirement-ratio/#article-title

สปป. ลาว เผยไตรมาสแรกปี 67 มียอดนักท่องเที่ยวแล้ว 1 ล้านคน

กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว เผยจำนวนนักท่องเที่ยวช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 1 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนมากที่สุดกว่า 337,689 คน รองลงมาคือชาวเวียดนาม จำนวน 263,160 คน ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวจากจีน เกาหลีใต้ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ รัฐบาล สปป.ลาว ตั้งเป้าที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 4.6 ล้านคนในปี 2567 และคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและความมุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สปป.ลาว จึงพร้อมที่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/02/laos-welcomes-over-1-million-tourists-in-first-quarter-of-2024/

กัมพูชาพร้อมรับโครงการลงทุนโรงงานประกอบรถยนต์เพิ่มอีก 5 แห่ง

Ms. Cham Nimul รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (MoC) รายงานว่าปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ 5 ราย กำลังสร้างโรงงานผลิตในประเทศกัมพูชา โดยบริษัทรถยนต์ทั้ง 5 แห่ง ซึ่งรวมถึง HGB Motors Assembly, EM Automotive, GTV Motor, Toyota และ China Matrix Technology กำลังจัดโครงสร้างการผลิตเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งรัฐมนตรีได้กล่าวในระหว่างการเข้าร่วมงาน Auto Show 2024 ครั้งที่ 1 โดยรัฐมนตรีพร้อมให้การสนับสนุนบริษัทที่มีความสนใจเข้ามาลงทุนยังกัมพูชา พร้อมกับการที่กัมพูชามีข้อตกลงการค้าอาเซียนพลัส สิทธิพิเศษทางการค้า กรอบการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนของประเทศ ตลอดจนการลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับสิทธิพิเศษมากที่สุด เนื่องจากเป็นสินค้าที่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศต้องการ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501481029/cambodia-to-have-five-more-vehicle-assembly-factories/

ท่าเรือสีหนุวิลล์ของกัมพูชาจะกลายเป็นท่าเรือระดับภูมิภาค

รัฐบาลกัมพูชาตั้งเป้าดันท่าเรือปกครองตนเองสีหนุวิลล์ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดพระสีหนุ ให้เป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและท่าเรือระดับภูมิภาคภายในปี 2050 โดยความทะเยอทะยานดังกล่าวได้รับการเน้นย้ำโดยนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต ในระหว่างการพบปะกับข้าราชการ คนงาน และลูกจ้าง ณ ท่าเรือปกครองตนเองสีหนุวิลล์ เมื่อเช้านี้ (1 พ.ค.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 138 ปี วันแรงงานสากล (1 พ.ค.) ภายใต้แนวคิด “หนึ่ง วิสาหกิจเป็นชุมชนสันติสุขหนึ่งเดียว” ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสริมว่าภาคการขนส่งด้วยท่าเรือเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีความสำคัญ โดยรัฐบาลพร้อมที่จะเพิ่มเงินลงทุนและการระดมเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือต่อไป ด้าน Peng Ponea รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง กล่าวว่า ท่าเรือสีหนุวิลล์มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตผ่านโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือระยะที่ 2 ซึ่งกำหนดความยาวของท่าเรือไว้ที่ 400 เมตร ลึก 16.5 เมตร และระยะที่ 3 ขยายเป็นความยาว 430 เมตร ลึก 17.5 เมตร พร้อมรองรับอุปกรณ์ทางเทคนิคที่ทันสมัยในการอำนวยความสะดวกในท่าเรือ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501481387/sihanoukville-autonomous-port-to-be-transformed-into-regional-port-and-logistics-hub/

เศรษฐา ปิดดีล Microsoft ลงทุน DATA CENTER หนุนอุตสาหกรรม AI

วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ Plenary Hall 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ในงาน “Microsoft Build AI Day Event” ตอนหนึ่ง ว่า ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่มีพลังมากที่สุดในทศวรรษนี้ ทั้งเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต สถานที่ทำงาน และวิธีการดำเนินธุรกิจ ซึ่งนายกฯ ได้ยืนยันความพร้อมของประเทศสำหรับอุตสาหกรรม AI และพร้อมสนับสนุนให้อุตสาหกรรม AI เติบโตในไทยอย่างเต็มที่ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยพร้อมสำหรับอนาคต ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาค รวมถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่ครอบคลุมที่สุด โครงข่ายมือถือ โครงสร้างพื้นฐาน 5G และโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ วิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND” ที่ได้ประกาศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลและเส้นทางที่ชัดเจนในการเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคใน 8 อุตสาหกรรมหลัก นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้จัดให้อุตสาหกรรมดิจิทัลเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการลงทุน ซึ่งครอบคลุมมาตรการกระตุ้นการลงทุน เพื่อส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องและครอบคลุมอุตสาหกรรมดิจิทัลทั้งหมด รวมทั้ง รัฐบาลเดินหน้าสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสีเขียว ซึ่งไทยตระหนักดีถึงความต้องการโดยตรงของภาคธุรกิจในด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการบรรลุพันธกรณีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ทั้งความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึง นโยบายที่จะทำให้ ครึ่งหนึ่งของการผลิตพลังงานในประเทศเป็นพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2040 (พ.ศ. 2583) อย่างไรก็ดี รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะจัดหากำลังการผลิตพลังงานสีเขียวใหม่มากกว่า 9 กิกะวัตต์ผ่านระบบ Utility Green Tariff ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจมั่นใจได้ว่าการลงทุนในไทยจะสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ง่าย และในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมร่วมกับบริษัทดิจิทัลชั้นนำแบบบริษัทไมโครซอฟท์ สร้างแซนด์บ็อกซ์แห่งความยั่งยืนที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ยินดีที่ได้ทราบว่า ความมุ่งมั่นของไทยสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและไมโครซอฟท์ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในการนำเทคโนโลยีคลาวด์ และ AI ที่เปี่ยมประสิทธิภาพมาเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของไทย MoU ฉบับนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นและคำมั่นสัญญาจากทั้งสองฝ่ายในการบรรลุเป้าหมายนี้ในประเทศไทยด้วยกัน ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย มั่นใจว่าความร่วมมือระหว่างกันนี้จะนำไปสู่อนาคตร่วมกัน พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยรัฐบาลพร้อมรับฟังความคิด เข้าใจความต้องการ และพร้อมหาทางออกที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตในประเทศไทยต่อไป ในตอนหนึ่งของการกล่าวเปิด นาย Satya Nadella ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Microsoft ให้คำมั่นว่า ไมโครซอฟท์ พร้อมเข้ามาลงทุน Data Center ในไทย และพร้อมมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพ ให้ความรู้เกี่ยวกับทักษะ AI ในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2025

ที่มา : https://www.prachachat.net/politics/news-1554508

ธนาคารโลก คาดการณ์ GDP สปป.ลาว เติบโตได้ 4% ในปีนี้

เว็บไซต์ของธนาคารโลก เผยแพร่บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ เมื่อมองไปข้างหน้าถึงปี 2567 คาดว่า GDP จะขยายตัว 4% โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตด้านบริการและการลงทุนในภาคพลังงานและเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่างๆ เช่น การอ่อนค่าของเงินกีบ อัตราเงินเฟ้อที่สูง และความจำเป็นในการชำระหนี้ต่างประเทศที่สูง คาดว่าจะยังคงมีอยู่ ทั้งนี้ ข้อแนะนำเพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ ธนาคารโลกได้แนะนำให้ สปป.ลาว จัดลำดับความสำคัญของการปฏิรูปในด้านที่สำคัญ เช่น การจัดการหนี้ การระดมรายได้ การจัดการการลงทุนสาธารณะ เสถียรภาพของภาคการเงิน และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ แม้ว่าการปฏิรูปรายได้เมื่อเร็วๆ นี้มีแนวโน้มที่ดี แต่รายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งปฏิรูปเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคเท่านั้น

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/04/30/lao-economic-growth-remains-below-2019-levels-world-bank-report-reveals/

ธนาคารแห่ง สปป. ลาว เตือนเรื่องธนบัตรปลอมระบาด

ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ได้ออกคำเตือนประชาชนให้ระวังธนบัตรปลอม ฉบับ 50,000 กีบ ปี 2547 ในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ โดยเฉพาะแขวงบ่อแก้ว โดยธนบัตรปลอมที่ทางการตรวจพบมีการระบุหมายเลขซีเรียลจากรหัส AZ 0218001 ถึง AZ 0218999 ธนบัตรปลอมพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์พิเศษ และมีลวดลายสีสันสดใสคล้ายกับธนบัตร 50,000 กีบดั้งเดิมของปี 2547 ดังนั้นก่อนที่จะรับและชำระเงินด้วยธนบัตร 50,000 กีบของปี 2547 ประชาชนควรตรวจสอบรายละเอียดของธนบัตรให้ละเอียดก่อน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งการตรวจพบธนบัตรปลอมได้ที่ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยธนาคารแห่ง สปป.ลาว ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินมาตรการตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายอย่างรวดเร็ว เพื่อดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่สร้างความโกลาหลและฝ่าฝืนกฎหมายด้วยการนำเข้าธนบัตรปลอมมาในระบบการเงิน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_81_Central_y24.php