‘เวียดนาม’ เผยแรงกดดันเงินเฟ้อผ่อนคลายลง ส่งสัญญาณชะลอตัว

จากการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ที่จัดขึ้นโดยสถาบันการเงินและเศรษฐกิจ นาย Nguyen Duc Do รองผู้อำนวยการสถาบัน อธิบายว่าถึงภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีนที่มีทิศทางชะลอตัวลงในปีนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเวียดนาม ในขณะที่ตลาดอสังหาฯ เผชิญกับความท้าทายและอุปสรรค นับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งประเทศและทำให้การเติบโตต่ำลงในปีนี้ นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ราว 2.5% – 3.5% ทางด้านรองศาสตราจารย์ ดร. โง ตรี กล่าวเน้นย้ำว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่รัฐสภาอนุมัติไว้ที่ 4% – 4.5% น่าจะมีความเป็นไปได้ เนื่องจากความสามารถของรัฐบาลในการควบคุมราคาสินค้า รวมถึงกับอุปสงค์โดยรวมที่ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/inflationary-pressure-to-ease-in-2024-economists-2235656.html

การส่งออกประมงของเมียนมาร์มีมูลค่า 448 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากกว่า 290,000 ตัน

อู ยุนท์ วิน ผู้อำนวยการกรมประมงในกรุงเนปิดอว์ กล่าวว่า เมียนมาร์มีการส่งออกประมงมากกว่า 290,000 ตัน มูลค่า 448 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังต่างประเทศมากกว่า 40 ประเทศในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ทั้งนี้ สินค้าประมงดังกล่าวถูกส่งไปยังญี่ปุ่น ประเทศต่างๆ จากตะวันออกกลาง ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป มาเลเซีย จีนไทเป และออสเตรเลีย ซึ่งสหพันธ์ประมงเมียนมาร์และกรมประมงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนการส่งออกประมง อย่างไรก็ดี เมียนมาร์ให้ความสำคัญกับกระบวนการประมงตามหลักปฏิบัติที่ดีในการผลิต เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของอาหารทะเล และปฏิบัติตามกฎและระเบียบการนำเข้าของประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกเหนือจากการส่งออกทางทะเลแล้ว เมียนมาร์ยังส่งการประมงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีนและไทย ผ่านจุดชายแดนเมียวดี มูเซ เกาะสอง ซิตเวย์ มะริด และหม่องตอ นอกจากนี้ กรมและผู้ส่งออก ได้ร่วมมือกันในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศที่นำเข้าประมงของเมียนมาร์ และพยายามร่วมกันไม่ลดปริมาณการส่งออก รวมทั้งปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับการส่งออกอาหารทะเลที่กำหนดโดยประเทศต่างๆ เช่น จีน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-fisheries-exports-bag-us448-mln-from-over-290000-tonnes-in-apr-nov/

เมียนมาร์ส่งออกก๊าซธรรมชาติทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ในรอบ 8 เดือน

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ ระบุว่า มูลค่าการส่งออกก๊าซธรรมชาติของเมียนมาร์มีมูลค่ารวมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งในบรรดากลุ่มสินค้าส่งออก ภาคการส่งออกก๊าซธรรมชาติของเมียนมาร์อยู่ในอันดับที่สองระหว่างวันที่ 1 เมษายนถึง 22 ธันวาคม 2566 อย่างไรก็ดี สถิติที่เผยแพร่โดยกระทรวงการวางแผนและการเงินระบุว่ารายรับจากก๊าซธรรมชาติในไตรมาสที่ 1 (เมษายน-มิถุนายน) ทะลุ 841.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปีงบประมาณปัจจุบัน ลดลง 67.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว ทั้งนี้ เมียนมาร์ส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยัง ไทย จีน และญี่ปุ่น โดยโครงการผลิตก๊าซนอกชายฝั่ง Yadana, Yedagun, Shwe และ Zawtika ดำเนินการขุดเจาะและสกัดก๊าซธรรมชาติในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-natural-gas-exports-bag-over-us2-bln-in-8-months/

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.87 ในช่วงปี 2023

บริษัทซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าในกัมพูชา ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับกระทรวงพาณิชย์ (MoC) กว่า 8,513 รายการ สำหรับในปี 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในบรรดาการจดทะเบียนทั้งหมด ตามที่กระทรวงระบุคิดเป็นเครื่องหมายการค้าจำนวน 3,444 รายการ ได้รับการจดทะเบียนผ่านระบบระดับชาติ และส่วนที่เหลือถูกยื่นผ่านระบบมาดริด นับตั้งแต่ในช่วงวันที่ 1 ม.ค. ถึง 25 พ.ย. 2023 ขณะที่คดีละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นทั้งสิ้น 18 คดี และมีการยกเลิกเครื่องหมายการค้า 30 รายการ ในระหว่างปี โดยการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้ความคุ้มครองและการผูกขาดสำหรับชื่อของแหล่งกำเนิดสินค้าที่เชื่อมโยงกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจงและคุณภาพ ชื่อเสียง และคุณลักษณะที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อหวังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าที่มีการจัดจำหน่ายในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501417559/trademark-registrations-up-3-87-percent-in-2023/

2023 กัมพูชาดึง FDI เข้าประเทศกว่า 268 โครงการ สร้างงานใหม่กว่า 3 แสนตำแหน่ง

กัมพูชาดึงดูดการลงทุนต่างประเทศมูลค่ารวมกว่า 4.92 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในปี 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากมูลค่า 4.03 พันล้านดอลลาร์ ในปีก่อน รายงานโดยสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ผ่านการอนุมัติโครงการลงทุน 268 โครงการ ซึ่งสามารถสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นได้ประมาณ 307,000 ตำแหน่ง มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐาน การเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร และการท่องเที่ยวเป็นหลัก สำหรับนักลงทุนโดยส่วนใหญ่มาจากทางฝั่งประเทศ จีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยคิดเป็นนักลงทุนชาวจีนกว่าร้อยละ 66 ของการลงทุนทั้งหมด ด้วยการที่กัมพูชามีข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP), ข้อตกลงเขตการค้าเสรีกัมพูชา-จีน (CCFTA) และกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ของกัมพูชา เป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้ไหลเข้ามาในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501417705/cambodia-attracts-268-new-fdis-which-creates-more-than-307000-jobs-in-2023/

สปป.ลาว เตรียมประชุมสภาชุมชนสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 31

นางสวนสะหวัน วิกนาเกตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว เผยการเตรียมความพร้อมการประชุมสภาชุมชนสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนครั้งที่ 31 โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของประเทศแก่ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน การประชุมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-30 มีนาคม 2567 ที่เมืองหลวงพระบาง หัวข้อการประชุมจะเน้น 3 หัวข้อ ได้แก่ 1) การส่งเสริมบทบาทของวัฒนธรรมและศิลปะในอาเซียน เพื่อทำให้ประเด็นเหล่านี้มีความครอบคลุมและยั่งยืน 2) การอภิปรายเกี่ยวกับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ 3) มุ่งเน้นไปที่ความก้าวหน้าการส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กในประเทศอาเซียน ทั้งนี้ สปป.ลาว มีแนวคิดที่จะใช้เวทีการประชุมดังกล่าวในการกระชับความร่วมมือ เพื่อปรับปรุงการท่องเที่ยวของลาว สำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็เพื่อมีส่วนร่วมมากขึ้นต่อชุมชนท้องถิ่นและเสริมความยั่งยืน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_03_Asean_y24.php

รัฐบาล สปป.ลาว ขึ้นภาษีสรรพสามิตสินค้าฟุ่มเฟือย 6 หมวดสินค้า

นายทองลุน สีสุลิด ประธานาธิบดี สปป.ลาว ได้ลงนามในกฤษฎีกาฉบับใหม่ เพื่อขึ้นภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพื่อพยายามส่งเสริมการส่งออก และสำรองเงินตราโดยการลดรายจ่าย หลังประสบปัญหาการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สมาชิกสภาแห่งชาติที่เข้าร่วมการประชุมรัฐสภาครั้งล่าสุด ได้เสนอแนะให้เพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าที่ไม่จำเป็น เพื่อกีดกันการนำเข้าและประหยัดรายจ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ทั้งนี้ คำสั่งประธานาธิบดีทองลุน ได้กำหนดให้มีการขึ้นภาษีสรรพสามิต 18 รายการ ใน 6 หมวดหมู่ ตั้งแต่ยานพาหนะที่ใช้พลังงานฟอสซิลไปจนถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มอื่นๆ ยาสูบ และเครื่องเล่นเกม โดยภาษีสรรพสามิตสำหรับรถ SUV ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,000cc เพิ่มขึ้นจาก 26% เป็น 31% ภายใต้กฎหมายใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_03_Govt_y24.php

โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ไทยส่งออกโคเนื้อทางเรือไปยังเวียดนามครั้งแรก 2,000 ตัว คาดเริ่มกุมภาพันธ์ 2567 นี้

นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลยินดีที่การดำเนินการเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์ โดยเฉพาะโคและสุกรมีชีวิต ไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน อาเซียนและตะวันออกกลาง เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน และกล่าวว่าโคเนื้อ เป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรที่สามารถสร้างรายได้ โดยประเทศไทยมีปริมาณโคเนื้อที่สามารถทำการส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 ตัว/ปี โดยตลาดประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนามมีความต้องการโคเนื้อจากไทยถึงกว่า 2,000 ตัว/เดือน ซึ่งล่าสุด เป็นครั้งแรกของไทยที่ส่งออกโคเนื้อทางเรือจากเพชรบุรีไปยังเวียดนาม เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพในการส่งออก มาตรฐานและกระบวนการเลี้ยงโคเนื้อของไทย

ที่มา : https://www.agrinewsthai.com/domestic-animal/105262