เวียดนามเผย 4 เดือนแรกของปีนี้ ดึงดูด FDI กว่า 12.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ

สำนักงานการลงทุนจากต่างประเทศ (FIA) เผยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) 12.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามสถิติชี้ให้เห็นว่าเงินทุนจดทะเบียนใหม่และการปรับเพิ่มเงินทุน รวมถึงเม็ดเงินซื้อหุ้นกิจการ มีมูลค่าสูงถึง 12.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 20 เมษายน ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ การลงทุนจากต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยมูลค่า 10.13 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ด้วยสัดส่วน 42.4% ของยอดลงทุนรวม รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์และภาคการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ ในขณะที่ สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยมูลค่า 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ตามลำดับ

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-lures-us1225-billion-in-foreign-investment-over-four-month-period-853531.vov

เวียดนามเผยเมืองฮานอยตั้งเป้าดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ 40 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในอีก 5 ปีข้างหน้า

นาย Vũ Duy Tuấn รองผู้อำนวยการกระทรวงวางแผนและการลงทุนประจำเมือง กล่าวว่าเมืองฮานอยวางแผนที่จะดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ราว 30-40 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2564-2568 อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณากาการดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศตั้งแต่ปี 2559-2560 พบว่าเมืองดังกล่าว ดึงดูดโครงการที่ได้รับทุนจากต่างชาติ จำนวน 3,113 โครงการ เป็นเงินทุน 26.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นตัวเลขที่สูง 4.2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตามตัวเลขสถิติการลงทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม มีจำนวน 2,907 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 71.52 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่ไม่ได้รับงบประมาณจากท้องถิ่น นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการประชาชนของเมือง ขอให้สำนักงานติดตามเป้าหมายของเมืองไว้และจัดทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแผนงานที่ตั้งไว้ ตลอดจนให้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/929376/ha-noi-set-to-attract-up-to-40-billion-in-fdi-over-next-five-years.html

วงในเผยเม็ดเงิน FDI ในเวียดนาม ‘ยังไม่ยั่งยืน’

ในไตรมาสที่ 1 เวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มูลค่า 10.13 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี คุณ Nguyen Van Toan รองประธานสมาคมธุรกิจต่างชาติในเวียดนาม กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Cong Thuong ระบุว่าการลงทุนจากต่างประเทศจะไม่ยั่งยืน เนื่องจากเม็ดเงินกระจุกตัวอยู่ในเดือนมีนาคม ด้วยทุนจดทะเบียนราว 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะโรงงานพลังงานก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีมูลค่า 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ สิงคโปร์เข้ามาลงทุนดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ได้ใบรับรองจากการจดทะเบียนการลงทุนในวันที่ 19 มีนาคม ทำให้เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไหลเข้ามากขึ้นในเดือนมีนาคม จนถึงไตรมาสที่ 1 อีกด้วย นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน การลงทุนส่วนใหญ่มาจากพันธมิตรดั้งเดิม ได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและจีน ในขณะที่สหรัฐฯ ยุโรป ยังคงอยู่ในระดับปานกลาง ด้วยเหตุนี้ เม็ดเงิน FDI จึงไม่ค่อยไหลเข้ามายังเวียดนามมากเท่าไรนักในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/fdi-attraction-not-yet-sustainable-insider-851567.vov

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เผยเศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 1/64 ฟื้นตัวต่ำกว่าคาด

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 1/2564 เติบโตต่ำกว่าที่คาดที่ 4.48% YoY จากเศรษฐกิจภาคบริการและการบริโภคในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดในช่วงต้นปี 2564 ทำให้ทางการเวียดนามออกมาตรการปิดสถานที่ชั่วคราวอาทิ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และสถานบันเทิง ทั้งในฮานอยและโฮจิมินห์ ห้ามการรวมตัวของคนหมู่มาก ตลอดจนปรับลดเวลาทำการธุรกิจโดยเฉพาะบริการขนส่งสาธารณะ

  ขณะเดียวกันภาครัฐลดระดับในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงเพื่อลดภาระทางการคลังหลังจากที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในปีก่อน1ซึ่งครอบคลุมการปรับลดภาษีธุรกิจ การสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้การบริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวอย่างจำกัด

  ประกอบกับการลงทุนทางตรง (FDI) ยังคงชะลอลง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการใหม่ ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบจากต่างประเทศที่เติบโตค่อนข้างมาก กดดันให้การเกินดุลการค้าปรับลดลง แม้ว่าภาคการส่งออกแม้ว่าจะขยายตัวได้กว่า 22% ก็ตาม

  ประเด็นการบิดเบือนค่าเงินของเวียดนามไม่ได้ส่งผลต่อภาคการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่สหรัฐฯ จัดสถานะเวียดนามเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงินในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ค่าเงินดอง (VND) ยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ หากเทียบการอ่อนค่าระหว่างค่าเงินดองกับค่าเงินในสกุลอาเซียนจะพบว่าค่าเงินดองอ่อนค่าน้อยที่สุดเทียบกับสกุลเงินหลักในอาเซียน

   อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของค่าเงินดังกล่าวไม่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของเวียดนามลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากเวียดนามยังคงมีความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตเทียบกับกลุ่มประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ขยายตัวอย่างร้อยละ 30 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2564 โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักที่หนุนให้การส่งออกของเวียดนามยังคงขยายตัวในระดับสูงในปีนี้

  มองไปข้างหน้า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเวียดนามยังคงมีทิศทางเติบโตที่เร่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้ การลงทุนในภาคการผลิตกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง อาจเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางการฟื้นตัวของภาคลงทุน เนื่องจากการลงทุนทางตรงในภาคการผลิตซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 2 ใน 3 ของมูลค่าการลงทุนทางตรงทั้งหมดในช่วงก่อนโควิดซึ่งภาคดังกล่าวน่าจะได้รับได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เนื่องจากเวียดนามมีค่าแรงต่ำกว่าจีนค่อนข้างมาก อีกทั้ง เวียดนามมีข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุม

   ดังนั้นหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดคลี่คลายลง น่าจะหนุนลงทุนรอบใหม่กลับมาเติบโตอีกครั้ง อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของภาคการบริโภคอาจต้องอาศัยเวลาอีกระยะ เนื่องจากการส่งออกที่ฟื้นตัวในช่วงแรกมาจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ขณะที่ส่งออกเครื่องนุ่งห่มซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศมากกว่าอาจต้องรอการฟื้นตัวของความต้องการโดยเฉพาะจากยุโรปที่ยังคงเผชิญกับการระบาดของโควิด

  ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามที่กรอบประมาณการที่ 6.8-7.3% โดยการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ที่ออกมาต่ำกว่าคาดอาจส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามเข้าใกล้กรอบล่างของประมาณการมากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามที่ต้องติดตาม ได้แก่ พัฒนาการของเศรษฐกิจในยูโรโซนที่กำลังเผชิญกับการระบาดของโควิดรอบใหม่ อาจส่งผลให้การฟื้นตัวของการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามมีแนวโน้มที่จะเติบโตน้อยกว่าคาด

  นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์การเปิดประเทศของเวียดนาม นอกจากจะมีผลต่อภาคการท่องเที่ยวแล้วยังเป็นปัจจัยที่จะส่งผลต่อจังหวะของกระแสเงินลงทุนตรง ที่นักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนรายใหม่ยังคงรอคอยการเปิดประเทศก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในขั้นสุดท้าย

ที่มา : /1 https://kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Vietnam-apr-FB-12-04-2021.aspx

/2 https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=d1Z2b01wVFVaRVk9

เวียดนามดึงดูดเม็ดเงิน FDI พุ่ง 18.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ (FIA) ภายใต้กระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม ระบุว่านักลงทุนต่างชาติหอบเงินลงทุนไปยัง 17 ภาคอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นแหล่งดึงดูดเม็ดเงินทุนรวม ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 49.6% ของยอดเงินทุนรวม รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามลำดับ ทั้งนี้ ณ วันที่ 20 มีนาคม มูลค่าเงินทุนจดทะเบียนธุรกิจใหม่และการซื้อหุ้นกิจการจากนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งสิ้น 10.13 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในช่วงไตรมาสแรก มีมูลค่า 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นสัดส่วน 45.6% ของยอดเงินทุนรวม รองลงมาญี่ปุ่น (20.8%), ญี่ปุ่น (20.8%),เกาหลีใต้ (11.8%), จีน ฮ่องกงและสหรัฐฯ ตามลำดับ

ที่มา : https://en.dangcongsan.vn/economics/total-fdi-capital-rises-18-5-from-same-period-last-year-571882.html

“ยูโอบี” คาดเศรษฐกิจเวียดนามโต 7.1% ในปี 64

ธนาคารยูโอบี คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามจะเพิ่มขึ้น 7.1% ในปีนี้ เนื่องมาจากภาคการส่งออกและการดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกของเวียดนามเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เครื่องจักรและส่วนประกอบ เป็นต้น ในขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ไหลเข้าในเวียดนามได้อย่างดี ด้วยเม็ดเงินทุนจดทะเบียนกว่า 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุด มูลค่าราว 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาสิงคโปร์และจีน ตามลำดับ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรม เผยว่าในปัจจุบัน แนวโน้มการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสและการฉีดวัคซีนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ GDP เวียดนาม อยู่ที่ 7.1% ซึ่งตัวเลขดังกล่าว สูงกว่าที่สมัชชาแห่งชาติได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6%

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/uob-vietnamese-economy-predicted-to-post-71-gdp-growth-in-2021-29853.html

โฮจิมินห์ซิตี้: ยอดเงินลงทุนจากต่างประเทศ 337.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำนักงานวางแผนและการลงทุนประจำเมือง ระบุว่าภาคอสังหาริมทรัพย์มียอดเงินลงทุนสูงสุด ด้วยมูลค่า 145.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 43% ของเงินลงทุนรวม รองลงมาโครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (57.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) และอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป (41 ล้านเหรียญสหรัฐ) ทั้งนี้ เมืองโฮจิมินห์ถือเป็นศูนย์กลางดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ แต่เมื่อประเมินในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. พบว่ามีจำนวนเพียง 3 โครงการ เป็นมูลค่า 115 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุหลักมาจากการระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นในบริษัทเวียดนาม กว่า 169.5 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาดังกล่าว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/890438/viet-nam-racks-up-129-billion-in-trade-surplus-in-two-months.html

เวียดนามเผยเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ดิ่งลง 15.6%

Foreign Investment Agency (FIA) ของเวียดนาม เผยว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ หดตัว 15.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นมูลค่า 5.46 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิต มูลค่ากว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วยภาคพลังงาน ประมาณ 1.44 พันล้านเหรียญสหรัฐ และภาคอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 485 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ นักลงทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในเวียดนามมากที่สุด มูลค่า 1.64 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาสิงคโปร์และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ปี 2563 เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ดิ่งลง 25% เมื่อเทียบเป็นรายปี มูลค่าอยู่ที่ 28.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางทางอากาศได้และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/fdi-down-15-6-pct-4240708.html

International Finance Corporation เสนอแผนปฏิรูปด้านการลงทุนดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

International Finance Corporation เผยแพร่รายงานที่เกี่ยวข้งกับการลงทุนในสปป.ลาว โดยมีรายละเอียดในเรื่องการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนแบบองค์รวมควบคู่ไปกับการปฏิรูปกฎระเบียบอย่างต่อเนื่องของสปป.ลาว จะช่วยให้สปป.ลาวดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่หลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้สปป.ลาวสามารถขยายเศรษฐกิจและสร้างงานเพิ่มขึ้น การปฏิรูปด้านการลงทุนมีเป้าหมายเพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบเชิงบวกของการลงทุนโดยตรงต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่น ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา FDI เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสปป.ลาว อย่างไรก็ตามรายงานเผยว่าการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในทรัพยากรธรรมชาติทำให้เกิดโอกาสในการทำงานที่ จำกัด และไม่สามารถปลดล็อกศักยภาพของ FDI ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นความท้าทายที่สปป.ลาวจะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อโอกาสในการดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติมวึ่งจะเป็นกลไกที่สำคัญตัวหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_New35.php

FDI เวียดนามเดือน ม.ค. พุ่ง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่ายอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เมื่อวันที่ 20  ม.ค. 2564 อยู่ที่ 1.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี ในจำนวนเงินลงทุนดังกล่าว มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป ด้วยมูลค่าราว 1.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 76.4% ของยอดการลงทุนจากต่างชาติรวม รองลงมาภาคอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 179 ล้านเหรียญสหรัฐ, การขนส่ง คลังสินค้าและการเกษตร ป่าไม้ ประมง มูลค่า 111.9 และ 60.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นผู้ลงทุนจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม เป็นเงินทั้งสิ้น 680.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (33.8% ของทั้งหมด) รองลงมาจีน ฮ่องกง ตามลำดับ

 ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/january-fdi-tops-15-billion-usd/195512.vnp