รัฐบาลกัมพูชาร่วมกับบริษัทเอกชน ส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดภัย

กระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมง ร่วมกับตัวแทนของบริษัทเอกชน ทำการลงนามบนสัญญากว่า 16 ฉบับ รวมถึงบันทึกความเข้าใจ (MoU) อีก 2 ฉบับ เพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดภัยของกัมพูชา เช่น ผัก มันสำปะหลัง แตงโม มะม่วง และสัตว์เศรษฐกิจอื่น ๆ โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงเกษตร กระทรวงป่าไม้และประมง รวมถึงกระทรวงเศรษฐกิจการเงิน ตลอดจนผู้ได้รับมอบหมายจาก IFAD พันธมิตรเพื่อการพัฒนาภาคเอกชน ผู้สนับสนุน และกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกษตรร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามอย่างเป็นทางการ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ASPIRE ที่เป็นโครงการด้านความร่วมมือในการพัฒนาด้านการเกษตรเพื่อนวัตกรรม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมงกล่าวเน้นย้ำว่าโครงการนี้มีส่วนสำคัญในการจัดหาและพัฒนาทรัพยากรด้านอาหารที่ปลอดภัย รวมถึงทำการตลาดสำหรับพืชผักในประเทศ ลดการนำเข้าสินค้าเกษตรลง นอกจากนี้ยังรักษาปริมาณอาหารในกัมพูชาและพัฒนาภาคเกษตรกรรมต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50815361/ministry-private-firms-cooperate-to-boost-cambodias-safe-agricultural-products/

MADB จับมือ JICA ปล่อยกู้ 500 ล้านจัตให้เกษตรกรมัณฑะเลย์

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 64 ที่ผ่านมา ธนาคารพัฒนาการเกษตรแห่งเมียนมา (MADB) สาขามัณฑะเลย์ ลงนามความร่วมมือกับสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ปล่อยเงินกู้ประมาณ 500 จัตล้านให้แก่เกษตรกรจาก 9 เมืองในเขตมัณฑะเลย์ เพื่อให้เกษตรกรนำไปซื้อเครื่องจักรการเกษตรที่ทันสมัย ผู้จัดการ สามารถเพิ่มผลผลิตการทำฟาร์มได้โดยการเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่การเกษตรแบบอุตสาหกรรมส่งผลให้มาตรฐานดีขึ้นต้นทุนต่ำลงและคนมีงานทำมากขึ้น รายงานล่าสุดระบุว่า JICA มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของเมียนมา ซึ่งได้ลงนามข้อตกลงกับกระทรวงเกษตรปศุสัตว์และการชลประทานเพื่อร่วมมือในโครงการห่วงโซ่คุณค่าพืชผลทางการเกษตรที่ครอบคลุมผลผลิต เช่น ผักขม ฟักทอง มะเขือเทศ แครอท และบรอกโคลี

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/k500-million-loans-granted-mandalay-farmers.html

องค์การอาหารและเกษตรร่วมลงบันทึก MoU กับ บริษัท LyLy ในการพัฒนาตลาดกัมพูชา

Lyly Food Industry Co Ltd. และ Food and Agriculture Market ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อจัดหาและจัดซื้อผลิตภัณฑ์ทางธุรกิจการเกษตรในเสียมราฐ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์กำลังส่งเสริมการจัดหาผลิตภัณฑ์จากธุรกิจการเกษตรที่ปลูกในประเทศเข้าสู่ตลาดในพื้นที่เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งการผลิตในท้องถิ่นถือเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก แต่คุณภาพยังไม่แน่นอนทั้งในด้านปริมาณหรือคุณภาพของสินค้าเกษตร ส่งผลให้ราคาสินค้าของเกษตรกรในพื้นที่ไม่สอดคล้องกัน โดยกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้นำในการดำเนินโครงการ Accelerating Inclusive Markets for Smallholders (AIMS) ได้เริ่มดำเนินการเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อการผลิตและการตลาดเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้จะเน้นเกี่ยวกับการจัดหาและซื้อผลิตภัณฑ์ผักในเสียมราฐเป็นหลัก ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่มาจากความพยายามของโครงการในการเชื่อมต่อผู้ผลิตผู้รวบรวมและผู้แปรรูปในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50806848/mou-between-lyly-and-agriculture-market/

เมียนมาตั้งเป้าส่งออกปีงบฯ 63-63 สินค้าเกษตรมีโอกาสเติบโต

เมียนมาคาดปริมาณการค้าปีงบประมาณ 63-64 มีแนวโน้มเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าแม้จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยมีปริมาณการค้าสูงถึง 34,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งการส่งออกลดลงเหลือ 16.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้ว ในปีงบประมาณ 62-63 ปริมาณการค้าอยู่ที่ 36.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสูงกว่าที่คาดไว้ 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยส่งออกรวม 17.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้าสูงถึง 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกในปีนี้จะเป็น การเกษตร ปศุสัตว์และประมงเป็นหลักซึ่งคาดว่าจะชดเชยการผลิตสิ่งทอที่ลดลง โดยการส่งออกเสื้อผ้าลดลงกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 62-63 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนการส่งออกเสื้อผ้าในปี 62-63 มีมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ ในปีนี้มีรายได้รวมเพียง 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งลดลงมากกว่า 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในทางตรงกันข้ามความต้องการพืชผลไม้ เช่น ข้าวโพดเพิ่มขึ้นและการส่งออกถั่วคาดว่าจะมีเสถียรภาพในขณะเดียวกันความต้องการการประมงก็เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ทั้งนี้ยังต้องเจอความท้าทาย เช่น ความไม่แน่นแน่ของชายแดนเมียนมา – จีน ความต้องการระหว่างประเทศที่ผันผวน ตลอดจนอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงซึ่งล้วนส่งผลทำให้ราคาไม่คงที่ ในปี 62-63 เมียนมาขาดดุลการค้า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากปีงบประมาณ 61-62

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-raises-trade-target-aims-grow-agri-exports-year.html

INFOGRAPHIC : เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมง 26.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 8 เดือนของปี 2563

ตามรายงานของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนท เผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2563 เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงรวม อยู่ที่ 26.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

กลุ่มสินค้าเกษตรกรรมส่งออกสำคัญ ได้แก่

  1. สินค้าเกษตรหลัก 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-3.2%YoY)
  2. สินค้าประมง 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-5.3%YoY)
  3. สินค้าเกษตร 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (10.3%YoY)
  4. สินค้าจากปศุสัตว์ 0.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (25.0%YoY)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/agroforestryfishery-exports-reach-261-billion-usd-in-eight-months/182467.vnp

การส่งเสริมการผลิตทางการเกษตรในแขวงจำปาสัก

รองเจ้าแขวงจำปาศักดิ์กล่าวกับสื่อท้องถิ่นว่าโควิด -19 ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ อย่างไรก็ตามมาตรการ cross-border travels  ได้ช่วยเพิ่มความต้องการสินค้าเกษตรในจำปาสักทางอ้อม ซึ่งแขวงจำปาสักมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเกษตรจำนวนมากและเกษตรกรมีประเพณีการผลิตข้าว กาแฟ ชา ผลไม้ผักและพืชอื่น ๆ มายาวนาน ความท้าทายด้านการตลาดทำให้ผู้ผลิตในพื้นที่บางครั้งต้องขายพืชผลในราคาที่ต่ำกว่าและขาดทุนซึ่งทำให้ไม่สามารถขยายผลผลิตทางการค้าต่อไปได้  ในขณะนี้ชาวไร่กาแฟ บางรายกำลังตัดโค่นสวนกาแฟและหาทางทำมันสำปะหลังเนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีกำไรเพิ่มากขึ้น ทั้งนี้ทางการจำปาสักจะส่งเสริมการผลิตทางการเกษตรควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร ขยายตลาดการเกษตรและเพิ่มรายได้ของเกษตรกร การผลิตทางการเกษตรยังคงเผชิญกับความท้าทาย เช่น ขนาดของตลาดที่เล็ก การผลิตขนาดเล็กปริมาณและคุณภาพที่จำกัด การแข่งขันจากสินค้านำเข้า เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ จะเพิ่มความพยายามในการปรับปรุงการผลิตทางการเกษตรให้ทันสมัย เพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพของผลผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เกษตรกรในพื้นที่ปลูกเพื่อช่วยสร้างรายได้ การบริโภคภายในประเทศและการส่งออก อีกทั้งจะส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อขยายขนาดของตลาดในท้องถิ่น สร้างตลาดการเกษตรเพื่อส่งเสริมการค้าทางการเกษตร

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Champassak_174.php

เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมง 26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 8 เดือนแรก

กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2563 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมง อยู่ที่ 26.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มูลค่ากว่า 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน (24.13% ของยอดส่งออกรวม) รองลงมาจีน (-10.1%YoY) สหภาพยุโรป (-2.2%YoY) ขณะที่ อาเซียนและญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 11.4 และ 1.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ กลุ่มสินค้าส่งออกหลายอย่างลดลง แต่ยอดส่งออกข้าวยังคงเพิ่มขึ้น (10.4%, 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามมาด้วยผัก (12.8%), มันสำปะหลัง (95%), กุ้ง (11.4%) และไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ (9.6%) เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ได้เข้ามาประสานงานกับกระทรวงอื่นๆ, หน่วยงานท้องถิ่นและธุรกิจ เพื่อขจัดอุปสรรคและส่งเสริมการส่งออก ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด—19 รวมถึงอัพเดทกฎระเบียบใหม่ๆ และส่งเสริมการทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/agroforestryfisheries-exports-reach-over-26-billion-usd-in-first-eight-months/181984.vnp

ครม.เห็นชอบไทยเข้าร่วมข้อตกลงสินค้าเกษตรอาเซียน

ครม. กำหนดกรอบการเจรจาความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของอาเซียน ลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) อำนวยความสะดวกทางการค้า รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของอาเซียน ภายใต้รัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ตามที่กระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งเป็นการกำหนดท่าทีของประเทศไทยที่จะไปตกลงในเรื่องดังกล่าว เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) อำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยสาระสำคัญคือ 1.กำหนดหรือพิจารณามาตรฐานของอาเซียนด้านระบบการผลิตพืช ปศุสัตว์ และประมง ในระดับฟาร์ม และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องสำหรับใช้ในการตรวจสอบและรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียน 2.กำหนดขอบข่ายและเงื่อนไขในการยอมรับผลการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน 3.พัฒนากลไกการประสานงานของอาเซียนและการปฏิบัติตามความตกลงของประเทศสมาชิก โดยกำหนดกลไกในการดำเนินการให้การยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียนที่เป็นไปตามเงื่อนไขในการตกลงในการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาค 4.ประเด็นอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติความตกลงนี้ เช่น การระงับข้อพิพาท ความโปร่งใส การเพิ่มบทบาทของอาเซียนและของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรที่เป็นอาหาร การมีผลใช้บังคับ และการแก้ไขความตกลง รวมทั้งประเด็นอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อไทย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886351

กัมพูชาส่งออกสินค้าการเกษตร 2 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปี

กัมพูชามีการส่งออกสินค้าเกษตรจำนวน 1.9 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดที่ส่งออกข้าวสารมีสัดส่วนประมาณ 350,000 ตัน คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 โดยอธิบดีกรมวิชาการเกษตรกระทรวงเกษตรป่าไม้และประมงกล่าวว่าการส่งออกข้าวมีสัดส่วนมากที่สุดของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด ซึ่งจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกข้าวข้าวของกัมพูชา จากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนี้กัมพูชาคาดว่าจะส่งออกข้าวสารได้ถึง 8 แสนตัน หรือ 1 ล้านตัน ภายในสิ้นปีนี้ ไปจนถึงการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมดอาจจะสูงถึง 5 ล้านตันภายในสิ้นปี โดยกัมพูชามีพื้นที่เพาะปลูกรวม 4.8 ล้านเฮกเตอร์ และมีพืชที่มีศักยภาพเพื่อการส่งออก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มะม่วง ข้าวโพด กล้วย ลำไย พริกไทย และแก้วมังกรตามที่กระทรวงระบุ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตร 4.8 ล้านตัน ไปยังตลาดต่างประเทศรวมถึงอาเซียน สหภาพยุโรปและจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50736330/cambodia-exports-two-million-tonnes-of-agricultural-products-in-first-five-months/

กัมพูชาส่งออกสินค้าทางการเกษตรกว่า 1.4 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรก

กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตร(ไม่รวมข้าว) จำนวน 1.4 ล้านตัน ไปยังตลาดต่างประเทศในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้แม้จะเกิดวิกฤตการณ์ COVID-19 ทั่วโลก โดยรายงานจากกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมงแสดงให้เห็นว่าสินค้าเกษตรที่ไม่ใช่ข้าว ได้แก่ มันสำปะหลัง, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, ข้าวโพด, กล้วย, มะม่วงและอื่นๆ คิดเป็นมันสำปะหลัง 996,290 ตัน ซึ่งส่งออกจากเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์เพิ่มขึ้นกว่า 25% คิดเป็น 190,141 ตัน ในขณะที่กล้วยมีปริมาณการส่งออก 121,415 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 172% โดยรายงานยังระบุด้วยว่าการส่งออกมะม่วงสดและพริกไทยเพิ่มขึ้น 50% และ 22.6% คิดเป็น 44,099 ตัน และ 2,527 ตัน ตามลำดับส่วนการส่งออกแป้งมันสำปะหลังและข้าวโพดลดลงอย่างมากโดยลดลง 97% และ 29% คิดเป็น 10,272 ตัน และ 35,636 ตัน ตามลำดับ ในขณะเดียวกันข้าวถูกส่งออกไปกว่า 356,097 ตัน ไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 42% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี

ที่มา :https://www.khmertimeskh.com/50730202/cambodia-exports-1-4-million-tonnes-of-agricultural-products-in-first-five-months/