ราคาเนื้อหมูที่เพิ่มในเมียนมาขึ้นยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ราคาเนื้อหมูในเมียนมาเพิ่มสูงขึ้นระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม และราคาหมูทั้งตัวที่ตลาดขายส่งมัณฑะเลย์เพิ่มขึ้นจาก 8,000 จ๊าดเป็น 9,000 จ๊าดต่อviss โดยผู้เพาะพันธุ์หมูในเมือง Yamethin กล่าวว่า ราคาหมูในเมียนมากล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ราคาหมูสูงขึ้นไม่ได้มาจากการขนส่ง แต่เป็นผลจากอาหารสัตว์ที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันอาหารสัตว์ราคาอยู่ที่ 40,000 จ๊าดต่อถุง โดยหากเป็นอาหารสำหรับลูกหมูราคาจะยิ่งสูงขึ้นอีก อย่างไรก็ดี ราคาอาหารสัตว์เริ่มขยับเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและมีแนวโน้มที่จะยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ค้าต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึงผู้บริโภคเองก็ต้องเผชิญกับราคาเนื้อหมูที่ปรับขึ้นด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rising-pork-price-expected-to-increase-further-in-coming-days/#article-title

เมียนมาส่งออกถั่วพัลส์ 1.48 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 11 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เมียนมาส่งออกถั่วพัลส์มากกว่า 1.48 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.256 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับคู่ค้าต่างประเทศในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยแบ่งเป็นการส่งออกผ่านเส้นทางเดินเรือ คิดเป็นมูลค่า 1.131 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกพัลส์มากกว่า 1.338 ล้านตัน ในขณะที่ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางชายแดน กว่า 143,119.469 ตัน มูลค่า 124.722 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เมียนมาส่งออกถั่วพัลส์หลากหลายประเภท ได้แก่ ถั่วดำ ถั่วเขียว และถั่วลันเตาไปยังตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยที่ถั่วดำและถั่วลันเตาจะถูกส่งไปยังอินเดียเป็นหลัก ส่วนถั่วเขียวจะถูกส่งออกไปยังจีนและยุโรป นอกจากนี้ อินเดียมีความต้องการและการบริโภคถั่วดำและถั่วลันเตาเพิ่มมากขึ้น ตามบันทึกความเข้าใจระหว่างเมียนมาและอินเดียที่ลงนามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ซึ่งอินเดียจะนำเข้าถั่วดำจำนวน 250,000 ตัน และถั่วลันเตา จำนวน 100,000 ตันจากเมียนมาเป็นเวลาห้าปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569 ซึ่งสนธิสัญญา G-to-G นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อโควตาประจำปีของถั่วพัลส์ที่อินเดียกำหนด ผู้ส่งออกของเมียนมายังมีสิทธิ์ส่งพัลส์ไปยังอินเดียภายใต้โควต้าประจำปีนั้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-1-48m-tonnes-of-pulses-worth-us1b-in-11-months/

รัฐมนตรีสหภาพแรงงานและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 30

คณะผู้แทนเมียนมานำโดย ดร.คาน ซอ รัฐมนตรีสหภาพแรงงานและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 30 ซึ่งจัดขึ้นที่หลวงพระบาง สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม 2567 รัฐมนตรี โดยการประชุมดังกล่าวมีนายมาลัยทอง คมมสิต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป. ลาว เป็นประธาน และมีรัฐมนตรีเศรษฐกิจจากอาเซียน และติมอร์เลสเต เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจ (SEOMs) และผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน สมาชิกสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน เลขาธิการอาเซียน รองเลขาธิการประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเจ้าหน้าที่ ในช่วงแรกของการประชุม สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนได้นำเสนอลำดับความสำคัญสำหรับปี 2567 และข้อเสนอแนะสำหรับการเสริมสร้างการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ส่วนในช่วงที่ 2 ของการประชุม รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้หารือและให้แนวทางกิจกรรมต่างๆ ที่จะดำเนินภายใต้เสาหลักเศรษฐกิจอาเซียน ตามผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 รวมถึง ลำดับความสำคัญสำหรับปี 2024 ประเด็นการลงนามข้อตกลงเศรษฐกิจอาเซียน ความคืบหน้าของการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน และ ความคืบหน้าของการเจรจากรอบความตกลงเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างไรก็ดี เขายังแสดงความจำเป็นที่จะต้องเร่งการเจรจาเพื่อให้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (3.0) ยกระดับการเจรจาให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) นอกจากนี้ รัฐมนตรีสหภาพเมียนมาเน้นย้ำว่า กำลังทำงานร่วมกับประเทศสมาชิก ในฐานะประเทศสมาชิก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาหลักการของความเสมอภาค พันธกรณีร่วมกัน และความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/mifer-union-minister-attends-30th-asean-economic-ministers-retreat-meeting/

เมียนมาส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมูลค่ากว่า 624 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567

ตามรายงานของ U Nyunt Win ผู้อำนวยการกรมประมง (เนปิดอว์) ระหว่างเดือนเมษายน 2566 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 ของปีการเงิน 2566-2567 เมียนมาส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมากกว่า 300 รายการไปยัง 45 ประเทศ สร้างรายได้กว่า 624.473 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการส่งออกเป็นประจำไปยังประเทศญี่ปุ่น ประเทศในตะวันออกกลาง ประเทศในสหภาพยุโรป มาเลเซีย จีนไทเป และออสเตรเลีย อย่างไรก็ดี การส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทะเลรวมจำนวน 435,000 ตัน มีช่องทางการส่งออกผ่านการขนส่งทางอากาศ และผ่านชายแดนเป็นหลัก ทั้งนี้ เนื่องจากการระงับเส้นทางการค้าชายแดนบางเส้นทางด้วยเหตุผลหลายประการ รายได้ในปีนี้จึงลดลง 52 ล้านเหรียญสหรัฐ หากเทียบกับยอดรวมของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 676.528 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ กรมและผู้ส่งออกกำลังร่วมมือกันเพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละประเทศที่ซื้อผลิตภัณฑ์ทางทะเลจากเมียนมา เพื่อให้มั่นใจว่ามีการส่งออกอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตัวอย่างเช่น จีนมีเกณฑ์การนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถานะปลอดเชื้อ COVID-19

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-aquatic-products-worth-over-us624m-in-2023-24-financial-year/

การส่งออกข้าวของเมียนมาทะลุ 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 11 เดือน

ตามข้อมูล สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) การส่งออกข้าวและข้าวหักของเมียนมาร์มีมูลค่า 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปริมาณส่งออกกว่า 1.42 ล้านตันในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ซึ่งการส่งออกดังกล่าวประกอบด้วยการค้าทางทะเล 1.343 ล้านตัน และการรค้าผ่านชายแดน มากกว่า 85,000 ตัน อย่างไรก็ดี ปริมาณการส่งออกข้าวในปีงบประมาณดังกล่าวสูงที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยมีการส่งออกรวม 262,116 ตัน เป็นมูลค่า 139 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือเดือน มกราคม 2567 และธันวา 2566 ที่มีการส่งออกรวม 213,605 ตัน และ 195,829 ตัน คิดเป็นมูลค่า 111 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ประธานสมาพันธ์ข้าวเมียนมา กล่าวอีกว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางเมียนมาในการควบคุมรายได้จากการส่งออก ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกข้าวและผลกระทบทางการเงินแก่ผู้ส่งออก นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบด้านสภาพอากาศจากเอลนิลโญอีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-rice-exports-surpass-us712-mln-in-11-months/

ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง

ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 50-85 จ๊าดต่อลิตรในวันที่ 1 มีนาคม หลังจากเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ราคาน้ำมันค่าออกเทน 92 อยู่ที่ 2,770 จ๊าดต่อลิตร ราคาน้ำมันค่าออกเทน 95 2,885 จ๊าดต่อลิตร, สำหรับราคาดีเซลอยู่ที่ 2,565 จ๊าดต่อลิตรและราคาดีเซลพรีเมียม 2,610 จ๊าดต่อลิตร และราคาได้ปรับลดลงเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ราคาน้ำมันค่าออกเทน 92 อยู่ที่ 2,715 จ๊าดต่อลิตร ราคาน้ำมันค่าออกเทน 95 อยู่ที่ 2,835 จ๊าดต่อลิตร, สำหรับราคาดีเซลอยู่ที่ 2,485 จ๊าดต่อลิตรและราคาดีเซลพรีเมียม 2,525 จ๊าดต่อลิตร อย่างไรก็ตา ความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดภายในประเทศมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับดัชนีราคาที่กำหนดโดย Mean of Platts Singapore (MOPS) ซึ่งเป็นพื้นฐานการกำหนดราคาสำหรับผลิตภัณฑ์กลั่นหลายชนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การลดลงของราคา MOPS ส่งผลต่อราคาเชื้อเพลิงตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าน้ำมัน การจัดเก็บและการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงระบุ ดังนั้น คณะกรรมการจึงทำหน้าที่ขับเคลื่อนตลาดเพื่อให้มั่นใจถึงเสถียรภาพด้านราคาและความมั่นคงของน้ำมันเชื้อเพลิง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/fuel-oil-prices-set-to-dip/#article-title