ส่งอออกข้าวโพดเมียนมาคาดอุปสงค์ตลาดเพิ่ม

กระทรวงพาณิชย์พร้อมหนุนธนาคารปล่อยสินเชื่อเพื่อปลูกข้าวโพดในประเทศซึ่งคาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างกระทรวงกับสมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมาที่ถูกจัดตั้งขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 เมียนมามีพื้นที่ปลูกข้าวโพดประมาณ 1.9 ล้านเอเคอร์ทั่วทั้งภูมิภาค Ayeyarwady, Nay Pyi Taw, รัฐ Shan, รัฐ Kayah และรัฐ Kayin ซึ่งให้ผลผลิตมากกว่า 3 ล้านตันต่อปีตามข้อมูลของปีที่แล้ว การบริโภคภายในประเทศนั้นน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตทั้งหมดส่วนอีกครึ่งหนึ่งส่งออกไปยังประเทศไทยเป็นหลัก ปัจจุบันเมียนมาเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดรายใหญ่อันดับสองของอาเซียน ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2562-2563 ความต้องการข้าวโพดได้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศไทยซึ่งมีความต้องการข้าวโพดเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุตสาหกรรมและอาหารสัตว์มีปริมาณเพิ่มขึ้น จากข้อมูลพบว่าในปีนี้ส่งออกข้าวโพดไปแล้วประมาณ 1.8 ล้านตันซึ่งมากกว่าหนึ่งล้านตันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว  มากกว่าร้อยละ 60 ส่งออกไปยังประเทศไทย

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/corn-traders-myanmar-get-organised-anticipation-more-demand.html

กัมพูชาส่งออกสินค้าการเกษตร 2 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปี

กัมพูชามีการส่งออกสินค้าเกษตรจำนวน 1.9 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดที่ส่งออกข้าวสารมีสัดส่วนประมาณ 350,000 ตัน คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 โดยอธิบดีกรมวิชาการเกษตรกระทรวงเกษตรป่าไม้และประมงกล่าวว่าการส่งออกข้าวมีสัดส่วนมากที่สุดของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด ซึ่งจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกข้าวข้าวของกัมพูชา จากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนี้กัมพูชาคาดว่าจะส่งออกข้าวสารได้ถึง 8 แสนตัน หรือ 1 ล้านตัน ภายในสิ้นปีนี้ ไปจนถึงการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมดอาจจะสูงถึง 5 ล้านตันภายในสิ้นปี โดยกัมพูชามีพื้นที่เพาะปลูกรวม 4.8 ล้านเฮกเตอร์ และมีพืชที่มีศักยภาพเพื่อการส่งออก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มะม่วง ข้าวโพด กล้วย ลำไย พริกไทย และแก้วมังกรตามที่กระทรวงระบุ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตร 4.8 ล้านตัน ไปยังตลาดต่างประเทศรวมถึงอาเซียน สหภาพยุโรปและจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50736330/cambodia-exports-two-million-tonnes-of-agricultural-products-in-first-five-months/

ศักยภาพการส่งออกกุ้งของเวียดนามในตลาดแคนาดา

จากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกกุ้งของเวียดนามไปยังแคนาดา อยู่ที่ 49.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งในเดือนเม.ย. ชี้ให้เห็นว่ายอดส่งออกกุ้งไปยังตลาดดังกล่าว พุ่งสูงขึ้นร้อยละ 51 คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ แคนาดานิยมบริโภคกุ้งก้าวกรามที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผลมาจากปริมาณกุ้งแช่เย็นลดลง อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจล่าสุด ชี้ให้เห็นว่าแคนาดามีสัดส่วนการนำเข้ากุ้งครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารทะเลทั้งหมดและมีแนวโน้มในการซื้อกุ้งเพื่อนำมาประกอบอาหารในครัวเรือนแคนาดา นอกจากนี้ เวียดนามเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่อันดับที่ 2 ของแคนาดา สำหรับด้านราคาส่งออก พบว่าราคาส่งออกกุ้งของเวียดนามสูงกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามมีความต้องการสูงสำหรับตลาดหลากหลายประเทศและลดการนำเข้าจากสหรัฐฯ

ที่มา : https://customsnews.vn/potential-of-exporting-shrimp-to-canada-14931.html

เวียดนามมียอดเกินดุลการค้า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพ.ค.

จากรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในเดือนพ.ค. เวียดนามเกินดุลการค้า มีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้ ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ยอดเกินดุลการค้าสูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นของการค้าระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าในเดือนพ.ค. เวียดนามมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 19.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 18.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.9 อย่างไรก็ตาม ยอดส่งออกพุ่งสูงขึ้นไปยังตลาดส่งออกรายใหญ่ ได้แก่ จีน (2.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) รองลงมาสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและอาเซียน เป็นต้น สำหรับสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, โทรศัพท์และชิ้นส่วน, เครื่องจักรและรองเท้า เป็นต้น นอกจากนี้ ตัวเลขทางสถิติในเดือนพ.ค. ชี้ให้เห็นว่าตลาดส่งออกเริ่มกลับมาฟื้นตัว ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-enjoys-us1-billion-in-trade-surplus-in-may-414911.vov

เวียดนามเผยยอดส่งออกผักผลไม้ครึ่งปีแรก สูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) เปิดเผยตัวเลขการส่งออกผักและผลไม้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 มีมูลค่ามากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 14.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน จีนยังคงเป็นผู้นำเข้าผักและผลไม้รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีสัดส่วนร้อยละ 60.8 ของยอดนำเข้ารวม อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือ ลดลงร้อยละ 29.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ หลายตลาดขยายตัวได้ดี เช่น ไทย (57.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, เพิ่มขึ้น 244.1%) ตามมาด้วยเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเนเธอแลนด์ เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการควรส่งออกผักและผลไม้แปรรูปในช่วงเวลานี้ ยอดส่งออกจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงปลายปี เนื่องจากคาดว่าควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/veggie-fruit-exports-exceed-15-billion-usd-in-first-half/174897.vnp

ต่างชาติยังสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปของเมียนมาเชื่อยังแข็งแกร่งแม้ส่งออกลดลง

ความสนใจของนักลงทุนต่างชาติในภาคการผลิตเสื้อผ้ายังคงแข็งแกร่งแม้จะมีปริมาณการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปลดลงในปีงบประมาณ 2562-2563 จากข้อมูลของคณะกรรมการการลงทุนของเมียนมา (MIC) มีบริษัทต่างชาติ 178 แห่งที่ได้รับอนุญาตให้ลงทุนในเมียนมาระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 31 พฤษภาคม 2563 แม้การส่งออกจะลดลงเหลือเพียง 2.7 พันล้านดอลลาร์ โดยลดลงมากกว่า 24 ล้านดอลลาร์จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการยกเลิกคำสั่งซื้อของสหภาพยุโรปจากปัญหา COVID-19 ทั้งโรงงานยังเลิกจ้างหรือปิดกิจการซึ่งส่งผลกระทบถึงแรงงานกว่า 700,000 คนโดยเฉพาะแรงงานหญิงในโรงงาน 600 แห่ง และการหยุดชะงักของการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศจีนนื่องจากการล็อกดาวน์ประเทศ โดยร้อยละ 70 ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป เช่นเดียวกับญี่ปุ่น เกาหลี แคนาดา และสหรัฐอเมริกา จากการช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลและสหภาพยุโรปทำให้อุตสาหกรรมกำลังฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการส่งออกจากชายแดนเมียนมา – ไทย ในเมียวดีโดยมีการส่งออกมูลค่า 71 ล้านดอลลาร์ไปยังประเทศไทย ทั้งนี้รัฐบาลมีแผนรับมือทางเศรษฐกิจโดยได้จัดสรรเงินกู้ยืมให้กับอุตสาหกรรมที่มีปัญหารวมถึงอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าด้วย ภาคการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปของเมียนมามีรายรับจากการส่งออก 5 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2561-2562

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/investor-interest-myanmar-garment-sector-still-strong-despite-lower-exports.html

เวียดนามเผยยอดส่งออกปลาสวายไปยังยุโรปดิ่งลงฮวบ เหตุโควิด-19

จากรายงานของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่ากลางเดือนพ.ค. การส่งออกปลาสวาย (Pangasius) ของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรป มีมูลค่า 53.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลก รวมถึงสหภาพยุโรป ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกปลาสวายของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ราคาปลาสวายที่ขายเพื่อเป็นวัตถุดิบปรับตัวลดลง เช่นเดียวกับจีนที่ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ที่มีแนวโน้มชะลอตัว นอกจากนี้ เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยข้างต้น ภาคการประมงเร่งส่งเสริมสร้างความเข็มแข็งในการควบคุมสภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและคุณภาพของการผลิต ช่วยให้เกษตรกรและธุรกิจเข้าร่วมการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/tra-fish-exports-to-eu-see-a-sharp-fall-due-to-covid19-414903.vov

เวียดนามเผยส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 18.9% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้

ปริมาณส่งออกข้าวของเวียดนามในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 2.9 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ในเขิงปริมาณ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.9 ในเชิงมูลค่า จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MOIT) ระบุว่าสถานการณ์การส่งออกข้าวในปีนี้ เวียดนามมีโอกาสสูงที่แซงไทย เนื่องจากเวียดนามมีความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคามากกว่าไทย ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ ฟิลิปปินส์เป็นผู้นำเข้าข้าวเวียดนามรายใหญ่ที่สุด จำนวน 902,100 ตัน และมูลค่า 401.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 และ 26.0 ตามลำดับ จากข้อมูลข้างต้นนั้น เป็นผลมาจากเวียดนามกลับมาส่งออกข้าวอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมา ราคาธัญพืชเวียดนามปรับตัวสูงขึ้นระดับสูงสุด แตะเฉลี่ยอยู่ที่ 527 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงราคาข้าวในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 485 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปีก่อน

ที่มา : https://vnexplorer.net/vietnams-rice-export-revenue-increased-18-9-in-the-first-five-months-a202047999.html

ผลผลิตน้ำตาลเมียนมาต่ำสุดในรอบ 7 ปี

รองประธานสมาคมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์น้ำตาลและอ้อยเมียนมากล่าวว่าการผลิตอ้อยในเมียนมาคาดว่าจะลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี ในปีงบประมาณ 2563-2564 จากความต้องการของตลาดโลกที่ลดลง เมียนมาส่งออกน้ำตาลดิบที่ไม่ผ่านการกลั่นไปยังจีน อย่างไรก็ตามจีนได้เพิ่มภาษีนำเข้าเป็นร้อยละ 85 และปราบปรามผู้ค้าที่ผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งนำไปสู่อุปทานส่วนเกินในปัจจุบัน เป็นผลให้การส่งออกน้ำตาลได้ลดลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในอนาคตคาดว่าเกษตรกรจะลดการปลูกอ้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีงบประมาณ 2553-2564 ที่ลดลงเหลือเพียง 350,000 เอเคอร์ หรือลดลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับเจ็ดปีที่ผ่านมาและเป็นสถิติต่ำที่สุด นอกเหนือจากประเทศจีนแล้วมีเพียงไม่กี่ประเทศที่นำเข้าน้ำตาล ส่วนใหญ่ที่ผลิตได้ในตอนนี้จึงถูกนำไปใช้ในการบริโภคภายในประเทศ เมื่อพื้นที่เพาะปลูกลดลงโรงงานจะปิดตัวลงอย่างช้า ๆ และอาจต้องนำเข้าน้ำตาลเพื่อบริโภคแทนเนื่องจากชาวไร่อ้อยจะไม่ปลูกถ้าไม่ทำกำไร

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-sugar-production-hit-lowest-level-seven-years.html

พาณิชย์ปรับแผนเจรจาขายข้าวไทยผ่านออนไลน์

กรมการค้าต่างประเทศเผยข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการตลาดโลกพร้อมทั้งปรับแผนการเจรจาขายข้าวผ่านระบบออนไลน์ จี้จีนเร่งซื้อข้าวจีทูจีตามสัญญาที่เหลืออีก 3 แสนตัน เพราะหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การเดินทางไปพบปะกันทำได้ยากขึ้น จึงต้องหันไปใช้ช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ทั้งนี้ ในส่วนของฟิลิปปินส์ กำลังจะเปิดประมูลข้าวจำนวน 3 แสนตัน ซึ่งไทยจะมีการยื่นประมูลด้วยในวันที่ 8 มิ.ย.63 คาดว่าไทยน่าจะแข่งขันประมูลได้ ส่วนมาเลเซีย ยังรอดูสถานการณ์ ขณะที่อินโดนีเซีย ก็เช่นเดียวกัน ยังรอดูสถานการณ์อยู่ แต่มั่นใจว่า หากมีความต้องการซื้อข้าว ไทยจะสามารถขายให้ได้ และกำลังเจรจาผลักดันให้จีนปิดการซื้อขายข้าวจีทูจีในส่วนที่เหลือ 3 แสนตันของสัญญา 1 ล้านตันแรกให้จบ เพราะขณะนี้ รถไฟไทย-จีน สัญญา 2.3 มีความคืบหน้า จะมีการลงนามกันในเร็วๆ นี้ ซึ่งในส่วนของการซื้อข้าวและยางพาราจากไทย ก็ควรจะมีข้อยุติด้วย ความต้องการข้าวจะยังคงมีเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องระวังเรื่องการแข่งขันจากคู่แข่ง โดยเวียดนามได้ยกเลิกการห้ามส่งออกข้าวแล้ว และปีนี้ยังตั้งเป้าส่งออกประมาณ 7 ล้านตัน ใกล้เคียงกับไทยที่ตั้งเป้า 7.5 ล้านตัน ส่วนอินเดีย เพิ่มปลดล็อกให้มีการส่งออกได้ ก็จะเป็นคู่แข่งที่สำคัญในตลาดข้าวของไทย

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/778630