ซี.พี.เปิดคอมเพล็กซ์ผลิตไก่ในเวียดนาม ใหญ่-ทันสมัยสุดในอาเซียน

รายงานข่าวจากบริษัท ซี.พี.เวียดนามคอร์ปอเรชั่น หรือ ซี.พี.เวียดนาม เผยว่า ได้เปิดโครงการคอมเพล็กซ์โรงงาน CPV Food Binh Phuoc  ผลิตไก่ครบวงจร ทั้งอาหารสัตว์ ฟาร์ม และอาหารแปรรูปอย่างเป็นทางการ ที่จังหวัดบิ่นห์เฟื้อก ทางตอนใต้ของเวียดนามโดยเป็นโครงการเลี้ยงไก่แปรรูปแบบครบวงจรเพื่อการส่งออกแห่งแรกของเวียดนาม และมีขนาดใหญ่ รวมถึงทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน) ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตอาหารของประเทศเวียดนาม ให้มีคุณภาพทัดเทียมกับระดับโลก ทั้งนี้ โครงการคอมเพล็กซ์ มีเป้าหมายการผลิตไก่เนื้อ 50 ล้านตัว / ปี ในเฟสแรก (ตั้งแต่ปี 2019-2023) ส่วนเฟสที่ 2 (ตั้งแต่ 2023 เป็นต้นไป) จะเพิ่มกำลังการผลิตขื้นเป็น 100 ล้านตัว / ปี ขณะที่ โครงการเลี้ยงไก่แปรรูปครบวงจรเพื่อการส่งออก CPV FOOD Binh Phuoc ใช้งบประมาณลงทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในประเทศเวียดนาม สู่การเป็นผู้ผลิตอาหารระดับโลก ด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยเพื่อผู้บริโภคทั้งภายในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะนำเงินเข้าสู่ประเทศเวียดนามประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี (ประมาณ 3,100 ล้านบาท คำนวณที่ 31 บาทต่อดอลลาร์) ในเฟสที่ 1 และ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(6,200 ล้านบาท) ต่อปีในเฟสที่ 2

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/463063

ราคาส่งออกข้าวเวียดนามพุ่งเป็นประวัติการณ์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ราคาส่งออกข้าวหัก (Broken Rice) ของเวียดนาม สูงถึง 505 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเมื่อเทียบกับระดับราคาเฉลี่ยในตลาดโลก ซึ่งเป็นราคาส่งออกข้าวที่สูงที่สุดของเวียดนาม หากนับตั้งแต่ปี 2554 กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) กล่าวว่าสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปยังทั่วโลกนั้น ทำให้เกิดการกักตุนสำรองข้าวเพิ่มขึ้นและส่งออกข้าวลดลง ในขณะเดียวกัน ฟิลิปปินส์ยังคงนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ถึงแม้ว่าปริมาณการนำเข้าจะลดลงเมื่อเทียบกับปี 2562 แต่มูลค่าการส่งออกข้าวสูงกว่า ทั้งนี้ รองประธานสมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) ระบุว่าสถานการณ์การส่งออกข้าวของเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากฟิลิปปินส์และแอฟริกายังคงนำเข้าข้าวเวียดนาม

ที่มา : http://dtinews.vn/en/news/018/71835/vietnam-s-rice-export-prices-reach-record-high-amid-pandemic.html

เวียดนามคาดดัชนีราคาผู้บริโภค ปี 64 ต่ำกว่า 4%

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนาม ถือเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ และคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 4% ในปี 2564 เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมา ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 2.91% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในส่วนของดัชนี CPI ปี 2563 ขยายตัว 3.23 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้จากสมัชชาแห่งชาติที่ 4% ในขณะที่ อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 2.31% ทั้งนี้ ถึงแม้จะเผชิญกับการระบาดของโรคไวรัสครั้งใหญ่ของโลก ไข้หวัดหมูแอฟริกันและภัยธรรมชาติในปี 2562 แต่ว่าเวียดนามยังคงประสบความสำเร็จในแง่ของเศรษฐกิจ การดำเนินงานที่ดีของภาครัฐฯ และการควบคุมทางด้านอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนี้ เรื่องวัคซีนโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและในประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-consumer-prices-forecast-to-stay-below-4-in-2021-315763.html

ผู้เชี่ยวชาญแนะรัฐบาลกัมพูชาลดภาษีนำเข้าสินค้าบางส่วนลง

กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนะให้ลดภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องจักรกลไฟฟ้าและชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อลดต้นทุนการผลิตในภาคการผลิตลง โดยจากการสำรวจของกระทรวงฯ พบว่าอัตราภาษีนำเข้าสินค้าและชิ้นส่วนของกัมพูชาในปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 15 ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและเวียดนามตรึงไว้ที่ร้อยละ 5 และ 3 ตามลำดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าหากกัมพูชาต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้นเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางด้านการผลิตที่ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการส่งออกและยังส่งเสริมการกระจายความเสี่ยงจากตลาดส่งออกที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยจะต้องดำเนินการลดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าประเภทเครื่องจักรกลร่วมด้วยเพื่อลดต้นทุนการผลิตสำหรับบริษัทข้ามชาติที่จะทำการลงทุนหรือทำการพัฒนาในกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลได้เคลื่อนไหวในการลดอัตราภาษีในสินค้าบางรายการ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมาได้ประกาศลดภาษีนำเข้าและภาษีพิเศษสำหรับสินค้า 35 ประเภท จุดประสงค์คือเพื่อช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในท้องถิ่นเนื่องจากการเติบโตของภาคส่วนเหล่านั้นทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างโอกาสในการจ้างงานมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50800405/experts-cite-need-for-import-tariff-reductions/

Fitch Solutions คาดการณ์ GDP ของเวียดนาม ปี 64 โต 8.6%

Fitch Solutions ได้ประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของเวียดนามในปี 2564 เพิ่มขึ้น 8.6% จาก 8.2% ก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เหตุจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากข้อตกลงการค้าเสรี อาทิ EVFTA, UKVFTA และ RCEP เป็นต้น เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 4 ของปี 63 คาดว่าจะเติบโต 4.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนไว้ที่ 2.7%YoY ซึ่งเศรษฐกิจที่ขยายตัวเร่งขึ้นในไตรมาสที่ 4 นั้น เนื่องมาเศรษฐกิจทั่วโลกดีขึ้น แต่ยังได้รับการส่งเสริมจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและภาคบริการ ทั้งนี้ การผลิตอุตสาหกรรมและก่อสร้าง ที่มีสัดส่วนร้อยละ 33.7 ของ GDP ในปี 63 ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของประเทศในปีนี้ โดยทางฟิทซ์คาดการณ์ว่าภาคการผลิตจะดำเนินต่อไปอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ จากการได้รับประโยชน์ของข้อตกลงการค้าเสรีหลายฉบับ โดยเฉพาะข้อตกลงการค้าเสรีสหราชอาณาจักร – เวียดนาม (UKVFTA) นอกจากนี้ เรื่องการเปิดตัววัคซีน จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวและเวียดนามจะรองรับอุปสงค์จากต่างประเทศสำหรับการส่งออกมากยิ่งขึ้น

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/fitch-solutions-revises-up-vietnam-gdp-growth-forecast-to-86-in-2021-315738.html

ตลาดค้าปลีกของเวียดนาม มีมูลค่าถึง 172 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 63

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เผยตลาดค้าปลีกของเวียดนามในปี 2563 มีมูลค่า 172 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ไปทั่วโลก แต่เวียดนามยังสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการฟื้นตัวในเดือนสุดท้ายของปี และการที่ยอดค้าปลีกในช่วงสิ้นปีมีอัตราการขยายตัวได้สูงนั้น เนื่องมาจากกลุ่มร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2563 ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการของเวียดนามโดยรวม มีมูลค่าสูงถึง 219.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปี 62 อย่างไรก็ตาม ในตามหัวเมืองต่างๆ หรือจังหวัด ชี้ให้เห็นว่าเมืองโฮจิมินห์มีการเติบโตของค้าปลีกอย่างแข็งแกร่งในปี 63 ด้วยอัตราการเติบโต 12%YoY ด้วยมูลค่า 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-retail-market-expands-7-to-record-high-of-us172-billion-in-2020-315740.html

ค้าปลีกเวียดนาม แตะ 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 68

จากรายงานชองกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าการใช้จ่ายของชนชั้นกลางและรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลให้รายได้ของภาคค้าปลีกเวียดนาม เพิ่มขึ้น 1.6% เท่าในปี 2563 และมีมูลค่าสูงถึง 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของปี 2568 รวมถึงคาดว่าปี 64-68 อัตราการขยายตัวของภาคค้าปลีก 9-9.5% ในขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในเวียดนาม ปี 2563 ใช้เวลาเพียง 22 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้ช่วยลดแรงกดดันต่อการบริโภคในประเทศ ทั้งนี้ ตามข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดของนีลเส็น เปิดเผยว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศ ลดลงราว 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสที่ 2 และลดลง 26%, 19% ในตลาดสิงคโปร์และอินโดนีเซีย เป็นผลมาจากเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ทำให้ภาคค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะโตในปีหน้า จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและความพร้อมในการใช้วัคซีน

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/retail-market-size-to-hit-350-bln-by-2025-4214029.html