ครม.เห็นชอบแถลงการณ์ร่วม รมต.อาเซียน-จีนเสริมสร้างการขนส่งสู้โควิด-กระตุ้นศก.

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน ว่าด้วยการเสริมสร้างการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ราบรื่นเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 และการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ รมว.คมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ว่าด้วยโควิด-19 ด้วยระบบการประชุมทางไกล ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16 ก.ค.นี้ แถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าวแสดงออกถึงความมุ่งมั่นระหว่างอาเซียนและจีนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก การเดินทางและการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการผลิต การค้าปลีก การคมนาคม และการบริการด้านอื่นๆ รวมทั้งห่วงโซ่อุปทานและตลาดการเงินหยุดชะงัก สาระสำคัญ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของความร่วมมือด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ไม่ให้เกิดอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้าที่จำเป็นข้ามพรมแดน รวมถึงอาหาร ยาและเวชภัณฑ์สำคัญ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสินค้าและบริการอื่นๆ อำนวยความสะดวกในการเข้า ออก และผ่าน ของวัสดุและสินค้า ให้ความสำคัญต่อการเดินเรืออย่างปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสข้ามพรมแดน และลดความเสี่ยงของกลุ่มที่นำเชื้อโรคเข้าประเทศ รวมทั้ง อาเซียนและจีน จะอำนวยความสะดวกในการเตรียมการเดินทางโดยค่อย ๆ ลดข้อจำกัดด้านการเดินทางแต่ยังคงเคารพซึ่งการป้องกันสุขภาพ โดยอาเซียนและจีนเห็นพ้องถึงความสำคัญที่จะต้องสร้างความสมดุลระหว่างความปลอดภัยด้านสาธารณสุขและบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/news/2020-b451b842b5809ae67c3bef48c86fe410

“ยูโอบี” เปิดผลสำรวจ “SMEs ในอาเซียน” ร้อยละ 88 รับรายได้หด 50%

ธนาคารยูโอบี เผยผลสำรวจ “ASEAN SME Transformation Study 2020” ชี้ธุรกิจเอสเอ็มอีในภูมิภาคอาเซียนต่างหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการดำเนินธุรกิจช่วงสถานการณ์โควิด-19 กว่า 2 ใน 3 ของเอสเอ็มอี หรือประมาณร้อยละ 64 ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีเป็นอันดับแรก ประมาณร้อยละ 71 ขณะที่เอสเอ็มอีร้อยละ 88 รับรายได้ปี 63 หายกว่า 50% ธนาคารยูโอบี (UOB) ร่วมกับแอคเซนเจอร์ (Accenture) และดันแอนด์แบรดสตรีท (Dun & Bradstreet) ทำการสำรวจความคิดเห็นของธุรกิจเอสเอ็มอีในอาเซียนกว่า 1,000 ราย เพื่อทำความเข้าใจว่าธุรกิจเอสเอ็มอีปรับตัวอย่างไรต่อสภาพการณ์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนไปภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยการสำรวจยังพบว่าธุรกิจเอสเอ็มอียังพยายามที่จะลงทุนในด้านเทคโนโลยี แม้ว่ารายได้จากธุรกิจจะลดลงก็ตาม ซึ่ง 9 ใน 10 หรือร้อยละ 88 คาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2563 จะลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังวางแผนเพิ่มงบประมาณด้านเทคโนโลยี ซึ่งนั่นหมายความว่าเอสเอ็มอีกำลังมองข้ามความท้าทายในปัจจุบัน และพร้อมจะปรับใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

ที่มา : https://www.prachachat.net/finance/news-488140

เปิดเวทีผู้ส่งออกคุยทูตพาณิชย์ เจาะตลาดยุโรป-อาเซียน-เอเชียตะวันออก

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรม มีกำหนดจัดโครงการเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ออนไลน์ หรือ Online Export Clinic 2020 ประจำเดือนสิงหาคม 2563 โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่สนใจจะปรึกษาด้านการทำตลาดต่างประเทศ การส่งออกสินค้า ได้มีโอกาสปรึกษาโดยตรงกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ ซึ่งครั้งนี้ มีทูตพาณิชย์จากกลุ่มประเทศในภูมิภาคยุโรป และ CIS ภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคเอเชียตะวันออก มาให้คำปรึกษา ข้อแนะนำ และแนวทางการเข้าสู่ตลาด โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ภูมิภาคอาเซียน กำหนดจัดวันที่ 13-14 สิงหาคม 2563 สามารถปรึกษาการทำตลาดและการเข้าสู่ตลาดกัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมา มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และสปป.ลาว โดยผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กล่าวว่าผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครเข้าร่วมได้ที่ https://exportcliniconlineaug2020.as.me/ และเมื่อได้รับการสมัครจากท่านแล้ว ทางผู้จัดจะทำการตรวจสอบคุณสมบัติ หากผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ทีมงานจะจัดตารางเวลาและทำการนัดหมายกับท่านต่อไป สำหรับประเภทสินค้าที่สามารถขอรับคำปรึกษาได้ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น เครื่องใช้และของตกแต่งบ้าน ยาและอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ความสวยความงามและสปา เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร เครื่องประดับ การบริการ และอื่นๆ

ที่มา : https://www.naewna.com/business/502524

นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 รับรองปฏิญญาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 เช้านี้ 26 มิ.ย. และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ เพื่อขับเคลื่อนให้ประชาคมอาเซียนมีความเข้มแข็ง และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับโรคโควิด-19 และเตรียมการฟื้นฟูอาเซียนหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ผ่านระบบการประชุมทางไกลจากทำเนียบรัฐบาลด้วย สำหรับเอกสารผลลัพธ์ที่สำคัญจากการประชุม ซึ่งผู้นำอาเซียนจะรับรองมี 2 ฉบับ คือ 1. วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยอาเซียนที่แน่นแฟ้นและตอบสนอง : ก้าวข้ามความท้าทายและเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่เน้นความแน่นแฟ้นของอาเซียนในทุกมิติ เสริมสร้างขีดความสามารถของกลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ เพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาส เช่น ภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และผลกระทบจากโรคโควิด-19 เป็นต้น 2. ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน เป็นเอกสารที่แสดงเจตจำนงทางการเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพและสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโลก เช่น สนับสนุนให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนาระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาฐานข้อมูลด้านตลาดแรงงาน การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการพัฒนาทักษะแรงงาน เป็นต้น

ที่มา:https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886773?utm_source=category&utm_medium=internal_referral

สปป.ลาวสนับสนุนแผนอาเซียนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

สปป.ลาวได้ให้การสนับสนุนแผนของอาเซียนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านการจัดกิจกรรมร่วมกันซึ่งจะส่งผลประโยชน์มากขึ้นแก่ประชาชนชาวอาเซียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว แสดงการสนับสนุนของสปป.ลาวสำหรับแผนอาเซียน ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC) ครั้งที่ 23 สปป.ลาว โดยกล่าวว่าสนับสนุนปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อการเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการทำงาน เชื่อว่าการประกาศนี้จะให้โอกาสสำหรับอาเซียนในการแบ่งปันผลประโยชน์และนำผลประโยชน์มาให้กับประชาชนชาวอาเซียนมากขึ้นเขาแสดงความมั่นใจว่าผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือนี้โดยเฉพาะในด้านแรงงานและการศึกษาผ่ านการจัดกิจกรรมร่วมกันและการจัดทำแผนงานหรือแผนงาน และยังได้เน้นถึงความสำเร็จของประเทศในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของCovid-19 แต่กล่าวว่ารัฐบาลและประชาชนยังตระหนักในดำเนินการตามคำสั่งและมาตรการที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดต่อไปเพื่อป้องกันความเป็นไปได้ที่ไวรัสจะเป็นคลื่นลูกที่ 2

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/06/25/laos-backs-asean-plan-on-human-resource-development

ครม.เห็นชอบไทยเข้าร่วมข้อตกลงสินค้าเกษตรอาเซียน

ครม. กำหนดกรอบการเจรจาความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของอาเซียน ลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) อำนวยความสะดวกทางการค้า รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของอาเซียน ภายใต้รัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ตามที่กระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งเป็นการกำหนดท่าทีของประเทศไทยที่จะไปตกลงในเรื่องดังกล่าว เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) อำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยสาระสำคัญคือ 1.กำหนดหรือพิจารณามาตรฐานของอาเซียนด้านระบบการผลิตพืช ปศุสัตว์ และประมง ในระดับฟาร์ม และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องสำหรับใช้ในการตรวจสอบและรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียน 2.กำหนดขอบข่ายและเงื่อนไขในการยอมรับผลการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน 3.พัฒนากลไกการประสานงานของอาเซียนและการปฏิบัติตามความตกลงของประเทศสมาชิก โดยกำหนดกลไกในการดำเนินการให้การยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียนที่เป็นไปตามเงื่อนไขในการตกลงในการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาค 4.ประเด็นอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติความตกลงนี้ เช่น การระงับข้อพิพาท ความโปร่งใส การเพิ่มบทบาทของอาเซียนและของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรที่เป็นอาหาร การมีผลใช้บังคับ และการแก้ไขความตกลง รวมทั้งประเด็นอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อไทย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886351

สปป.ลาวสนับสนุนแผนอาเซียนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

ศ.ดร. Kikeo Khaykhamphithoune รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สนับสนุนการพัฒนาแรงงานของสปป.ลาว ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC) ครั้งที่ 23 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แผนการพัฒนาดังกล่าวว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อการเปลี่ยนแปลงตามโลกในปัจจุบันรวมถึงโอกาสที่มากขึ้นสำหรับประเทศอาเซียนในการแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างประเทศสมาชิก นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงแนวทางปฎิบัติในการดำรงชีวิตในแบบวิถีใหม่ (New Normal) รวมถึงการเรียกร้องให้มีการร่วมมือกันในการวิจัยและพัฒนาด้านไวรัสวิทยาควบคู่ไปกับการผลิตยาต้านไวรัสและวัคซีนรวมถึงการเข้าถึงวัคซีนและเวชภัณฑ์ที่เท่าเทียมกันและต้องมีราคาย่อมเยาในที่ประชุมยังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนทำงานร่วมกันในแผนฟื้นฟูหลังเกิดโรคระบาดเพื่อบรรเทาผลกระทบของ Covid-19 ต่อการดำรงชีวิตของผู้คนและเศรษฐกิจของภูมิภาคอีกด้วย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos120.php

โควิดหนุน ‘ช้อปออนไลน์’ ฮิตทั่วอาเซียน

ผลวิจัยล่าสุดชี้ นักช้อปชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มซื้อของกินของใช้และสินค้าจำเป็นอื่นๆ ทางออนไลน์ต่อไป แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าจะยุติลง โดยผลวิจัยจากบริษัทที่ปรึกษา “เบนแอนด์คัมพะนี” และเฟซบุ๊ค เผยว่ากระแสอีคอมเมิร์ซและดิจิทัลมาแรงทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แรงหนุนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่วานนี้ (9 มิ.ย.) มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 7 ล้านคน ซึ่งหุ้นส่วนเบนแอนด์คัมพะนี จากสิงคโปร์ เผยกับเว็บไซต์ซีเอ็นบีซีว่า เทรนด์การซื้อสิ่งของจำเป็นผ่านทางออนไลน์จะดำรงอยู่ต่อไป การซื้อขายของกินของใช้ออนไลน์เป็นภาคส่วนใหญ่ที่ยังไม่ถูกเจาะ ด้วยเหตุผลด้านโลจิสติกส์และอื่นๆ แต่ช่วงไวรัสระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาคส่วนนี้โตขึ้นเกือบ 3 เท่า ผู้ใช้ 1 ใน 3 ที่ให้ข้อมูลกล่าวว่า พวกเขามีแผนซื้อของชำผ่านอินเทอร์เน็ตต่อไป ทั้งนี้การใช้จ่ายซื้อของกินของใช้โดยรวมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ราว 3.5 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอดซื้อออนไลน์คิดเป็นเพียงสัดส่วนเล็กๆ ของมูลค่าทั้งหมด แต่ก็เติบโตขึ้นมาก

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884379

เมียนมาพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการค้าภายในอาเซียน

อาเซียนรวมถึงรวมถึงเมียนมาจะร่วมกันเพื่อฟื้นฟูการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคโดยการเสริมสร้างการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมถึงความพยายามจัดการกับอุปสรรคทางการค้าส่งเสริมการค้าและการลงทุนและขยายสาขาของความร่วมมือเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจของ COVID-19 โดยมีผู้นำอาเซียน ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีตกลงที่ประสานงานเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจของการระบาดไปยังประเทศของตนและภูมิภาค ซึ่งเมียนมาจะร่วมมือกันเพื่อลดขั้นตอนการนำเข้าและส่งออกภายในภูมิภาค การอำนวยความสะดวกในการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์สำหรับการป้องกัน COVID-19 และการยกเว้นอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ในการนำเข้าและข้อกำหนดของ FDA (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเพื่อรักษาการหมุนเวียนของสินค้าและบริการ ยกเว้นจากการใช้มาตรการที่ไม่จำเป็นที่ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร สินค้ายา และเวชภัณฑ์ในภูมิภาค

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-commits-facilitating-trade-within-asean.html

สามประเทศอาเซียนเสนอซื้อข้าวจากเมียนมา

มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เสนอที่จะซื้อข้าวของเมียนมา ในจำนวน 300,000 ตันและ 50,000 ตันตามลำดับ ขณะที่อินโดนีเซียยังไม่ได้ยืนยันปริมาณที่ต้องการ เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประเทศในกลุ่มอาเซียนกำลังเพิ่มปริมาณสำรองข้าวซึ่งเป็นโอกาสสำหรับเมียนมาในการส่งออกระยะยาว แต่เมียนมาต้องชั่งน้ำหนักอุปสงค์ระหว่างประเทศสำหรับข้าวต่อความต้องการภายในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ระงับการส่งออกในเดือนเมษายน แต่อนุญาตให้ส่งออก 150,000 ตัน จนถึงขณะนี้ได้มีการสร้างปริมาณสำรองส่งออกคิดเป็นร้อยละ 10 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดและซื้อสำรองภายในประเทศ 50,000 ตัน คาดว่าจะส่งออกข้าว 2.5 ล้านตันในปีงบประมาณ 62-63 และมีรายรับมากกว่า 542 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกข้าว 1.8 ล้านตันจนถึง 15 พ. ค. 63 ประมาณ 14 % เป็นการส่งออกผ่านชายแดน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/three-asean-countries-offer-buy-myanmar-rice.html