เวียดนามเผยไตรมาสแรก ยอดส่งออกผักผลไม้กลับมาดีขึ้น

สำนักงานการค้าต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่ายอดการส่งออกผักและผลไม้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ อยู่ที่ 944 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จีนยังคงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่า 352.83 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการซื้อผักและผลไม้ของเวียดนามตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ. ซึ่งมูลค่าดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 62.5% ของยอดการส่งออกสินค้าทั้งหมด ทั้งนี้ ในเดือนมี.ค. เวียดนามส่งออกผักและผลไม้ไปต่างประเทศ อยู่ที่ 380 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.3 เมื่อเทียบเป็นรายปี และคาดว่ารายได้จากการส่งออกผัก ผลไม้จะพุ่งขึ้นแตะ 8-10 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากสินค้าแปรรูปที่มีสัดส่วน 30% ของมูลค่าทั้งหมด ภายในปี 2573

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fruit-vegetable-exports-bounce-back-in-q1/199657.vnp

กัมพูชาเรียกร้องจีนสนับสนุนการนำเข้าข้าวสารเพิ่ม

กระทรวงพาณิชย์ (MoC) กล่าวว่ามีแผนที่จะเจรจาปัญหากับคู่ค้าของจีนในปีนี้ สำหรับการขอความสนับสนุนให้จีนเพิ่มโควต้าการนำเข้าข้าวสารจากกัมพูชาเป็น 500,000 ตัน ซึ่งกำหนดเดิมจีนกำหนดโควต้าการนำเข้าข้าวสารจากกัมพูชาไว้ที่ 400,000 ตัน โดยจีนถือเป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ซึ่งการส่งออกข้าวของกัมพูชาในไตรมาสแรกของปีนี้สูงถึง 153,688 ตัน สร้างรายได้ 109.73 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขรายงานจาก CRF แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การส่งออกข้าวในปี 2021 อยู่ในทิศทางที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว ส่งผลให้เดือนมีนาคมปริมาณการส่งออกข้าวสารของกัมพูชาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 84.66 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50834638/cambodia-wants-china-to-boost-milled-rice-imports/

เกษตรกรเมืองยองปลูกพริก สร้างสร้างกำไรงาม

เกษตรกรผู้ปลูกพริกจากเมืองยองในรัฐฉานตะวันออก กำลังเก็บเกี่ยวพริกและมีรายได้อย่างสม่ำเสมอทุกวัน นอกจากการปลูกพืชตามฤดูกาล เช่น แตงกวา ฟักทอง มะเขือเทศ แตงโม และเมล่อน ส่วนพริกจะมีกรปลูกหลากหลายสายพันธ์ โดยทำการปลูกในพื้นที่ปิดหลังจากนั้น 15 วันจะถูกย้ายลงแปลงปลูกและรดน้ำทุกๆ 5 วัน แม้ว่าจะมีราคาอยู่ถึง 5,000 จัตต่อกิโลกรัมต่อกิโลกรัมในฤดูเก็บเกี่ยว แต่เเร็ว ๆ นี้ราคาได้ลดลงเหลือประมาณ 2,000 จัตต่อกิโลกรัม ปัจจุบันเมียนมาส่งออกพริกสดไปยังจีนและไทย ซึ่งการส่งออกไปไทยจะผ่านชายแดนเมียวดี

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/chilli-growers-from-mong-yawng-earning-regular-income/

จีนสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชนบทบรรเทาปัญหาความยากจนในสปป.ลาว

สปป.ลาวและจีนได้เปิดตัวเฟสแรกของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชนบทโดยจีนเพื่อบรรเทาความยากจนในแขวงหลวงพระบางและเวียงจันทน์ การดำเนินการจะใช้เวลาอย่างน้อย 18 เดือนและได้รับการสนับสนุนจากข้อตกลงระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสองประเทศ โดยกรอบของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะมีลำดับความสำคัญอยู่สี่ประการหลักๆของโครงการเรียกว่า“ 4X100” ประกอบด้วยการติดตั้งระบบน้ำสะอาดในหมู่บ้าน 100 แห่ง การก่อสร้างตู้จ่ายยาหรือโรงพยาบาลชุมชน 100 แห่ง การจ่ายไฟฟ้าให้ครัวเรือนใน 100 หมู่บ้านและการติดตั้งระบบดิจิตอลดาวเทียม โทรทัศน์ใน 100 หมู่บ้าน เพื่อลดความยุ่งยากในการดำเนินโครงการ 400 โครงการพร้อมกันจึงตัดสินใจแบ่งโครงการเหล่านี้ออกเป็นระยะต่างๆ เพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพในทุกจังหวัดของลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_China64.php

เวียดนามคงขาดดุลการค้ากับจีนสูงขึ้น เหตุจากสินค้าจีนทะลักเข้าเวียดนาม

ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามเผชิญการขาดดุลการค้ากับจีน แตะ 7.44 พันล้านเหรียญสหรัฐ เหตุจากจีนส่งออกไปยังเวียดนาม พุ่ง 65.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม เผยว่าเวียดนามนำเข้าสินค้าจากจีนอยู่ที่ 15.42 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมูลค่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่ามูลค่าการนำเข้าดังกล่าวนับว่าสูงที่สุดในบรรดาคู่ค้าของเวียดนาม ส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าประเภทเทคโนโลยีและโทรคมนาคม โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนที่มีมูลค่าการนำเข้าจากจีนที่ 2.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 78.3% ตลอดจนเครื่องจักร ส่วนประกอบและโทรศัพท์ เพิ่มขึ้น 70.7% และ 82.7% แตะ 3.37 และ 1.62 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ทั้งนี้ จีนเป็นแหล่งซัพพลายเออร์เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 51% และเพิ่มขึ้น 43.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/81103/vietnam-runs-high-trade-deficit-with-china-as-chinese-goods-flood-into-vietnam.html

ประธานาธิบดีสปป.ลาวคนใหม่เผชิญกับหนี้จีนที่เพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาสมาชิกสภาแห่งชาติสปป.ลาวได้เลือกนายทองโหลน สีสุลิธ เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศโดยมอบความไว้วางใจให้ผู้นำคนใหม่นำสปป.ลาวไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนหนึ่งของอุปสรรคและความท้าทายของผู้นำคนใหม่คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ถึงแม้สปป.ลาวจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักแต่ประเทศที่สปป.ลาวพึ่งพาอย่างไทย จีน ล้วนได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากโควิด-19 ทำให้สปป.ลาวได้รับผลกระทบไปด้วย เห็นได้ชัดจากกรณีการปิดด่านชายแดนและมาตรการที่เข้มงวดส่งผลให้การค้าชายแดนหดตัวอย่างมาก นอกจากนี้ปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือหนี้จากการกู้ยืมจากจีน ซึ่งถือเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดของสปป.ลาวในการกู้มาเพื่อลงทุนหากไม่ได้รับการแก้ไข หนี้ก่อนนี้อาจทำให้สปป.ลาวต้องสูญเสียพื้นตามแนวรถไฟให้แก่จีนเพื่อเป็นการชดใช้หนี้ อย่างไรก็ตามขณะนี้รัฐบาลเริ่มมีการรัดเข็มขัดด้านงบประมาณและเข้มงวดด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการใช้งบประมาณ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแนวทางเพื่อการรชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Politics/New-Laos-president-faces-rising-China-debt-and-battered-economy

สปป.ลาวมอบสัมปทาน 25 ปีให้ บริษัท จีนจัดการ Power Grid

Électricité du Laos Transmission Company Ltd.  ในนามตัวแทนรัฐบาลสปป.ลาวและ China Southern Power Grid Company ได้ลงนามในข้อตกลงสัมปทาน 25 ปีซึ่งอนุญาตให้ บริษัท สร้างและจัดการโครงข่ายไฟฟ้ารวมถึงการส่งออกไฟฟ้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบันและหนี้สินจำนวนมหาศาลทำให้รัฐบาลลาวไม่มีความสามารถในการจัดการและดำเนินการเครือข่ายสายไฟฟ้า ดังนั้นรัฐบาลจึงตัดสินใจอนุญาตให้ชาวจีนซึ่งมีคามแข็งแกร่งด้านการเงิน ความสามารถทางเทคโนโลยีและกำลังคนเข้ามารับช่วงต่อเพื่อทำให้เกิดการบริหารจัดพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://www.voanews.com/east-asia-pacific/laos-grants-25-year-concession-chinese-company-manage-power-grid

จีนเรียกร้องให้เมียนมาหยุดสร้างความรุนแรงและปกป้องบริษัทของจีน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสถานทูตจีนในเมียนมาเรียกร้องให้เมียนมาใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อหยุดความรุนแรงและลงโทษกับผู้กระทำผิด หลังจากที่โรงงานซึ่งเป็นของนักลงทุนจีนหลายแห่งถูกทำลายรวมถึงถูกเผาในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลทำให้ชาวจีนหลายคนได้รับบาดเจ็บ โดยจีนเรียกร้องให้เมียนมารับรองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบริษัทสัญชาติจีนในเมียนมา รวมถึงจีนยังเรียกร้องให้ประชาชนเมียนมาแสดงข้อเรียกร้องในลักษณะที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ให้ยุยงหรือใช้ในทางที่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเมียนมา ซึ่งจากแถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากโรงงานกว่า 10 แห่ง รวมถึงบริษัทที่ได้รับทุนจากจีนในบางแห่งถูกทำลายในเขตอุตสาหกรรมในเมืองย่างกุ้งของเมียนมา

ที่มา : https://news.cgtn.com/news/2021-03-14/Two-Chinese-funded-garment-factories-set-on-fire-in-Myanmar-YCP1cUIQIE/index.html

จีนเร่งกระบวนการนำเข้ามะม่วงจากกัมพูชา

จีนกำลังเร่งดำเนินการในการประเมินคุณภาพมะม่วงของกัมพูชา เพื่อออกใบอนุญาตให้กัมพูชาสามารถส่งออกมะม่วงเข้าสู่ตลาดจีนได้โดยเร็ว ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้จีนได้ให้คำมั่นสัญญาต่อกัมพูชาหลังจากคณะผู้แทนศุลกากรของจีน จากมณฑลกวางสี ได้ทำการตรวจสอบฟาร์มมะม่วงในกัมพูชาบนรูปแบบเสมือน โดยกระบวนการดังกล่าวได้รับการอำนวยความสะดวกโดยคณะทำงานของกรมวิชาการเกษตรกระทรวงเกษตรป่าไม้และประมง เพื่อผลักดันการส่งออกผลไม้ภายในประเทศ ซึ่งคณะผู้แทนของจีนพอใจเป็นอย่างมากต่อผลิตภัณฑ์มะม่วงของกัมพูชา รวมถึงแนะนำวิธีการแปรรูป การบรรจุและการจัดเก็บที่เหมาะสมต่อเกษตรกรชาวกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50824342/china-speeding-up-cambodias-mango-assessment-reports/

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและจีนลดลงร้อยละ 5.2 ในปี 2020

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและจีนมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 8,118 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2020 ลดลงร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบเป็นรายปีที่มูลค่า 1,086 พันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันกัมพูชานำเข้าสินค้าจากจีนรวม 7.031 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับในปี 2019 ซึ่งการนำเข้าจากจีนที่ลดลงส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เนื่องจากมีมาตรการปิดกั้นหรือจำกัดการส่งออกของกัมพูชา รวมถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ส่งผลทำให้กัมพูชานำเข้าสินค้าลดลงไปด้วย ส่วนกัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ข้าว มะม่วง และมันสำปะหลัง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50821332/8-1-billion-recorded-as-cambodia-china-trade-volume-in-2020-showing-a-5-2-percent-drop/