ดัชนีอุตสาหกรรมพุ่งสูงขึ้น 9.5% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้

จากรายงานของสำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการแปรรูปและการผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 การผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 การผลิตน้ำประปาและการกำจัดของเสียเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 และการทำเหมืองแร่และเหมืองหินเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีอัตราการขยายตัวสูง ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า น้ำมัน โทรทัศน์ อาหารสัตว์น้ำ เป็นต้น ซึ่งดัชนีอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว

ที่มา :https://en.vietnamplus.vn/eightmonth-industrial-production-up-95-percent/159778.vnp

แนวโน้มการส่งออกปลาสวายของเวียดนามลดลง

จากรายงานของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลของเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าการส่งออกปลาสวายของเวียดนามในเดือนกรกฎาคม ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5, ลดลงร้อยละ 12.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากสถานการณ์อยู่ในทิศทางลดลง โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าการส่งออกปลาของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 34.3 คิดเป็นมูลค่ากว่า 167.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึงแม้ว่าตลาดสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดนำเข้าปลาสวายรายใหญ่ แต่คาดว่าการค้ากับสหรัฐฯจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ เป็นผลมาจากปัญหาทางด้านการค้า/เทคนิคต่อการนำเข้าปลาเนื้อขาว ในขณะที่ การส่งออกปลาสวายของเวียดนามไปยังจีน และฮ่องกง เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.1 นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ได้ตั้งเป้าการส่งออกปลาสวายอยู่ที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/tra-fish-export-continues-downward-trend/159772.vnp

เวียดนาม-อิสราเอล มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากรายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม มูลค่าการส่งออกของเวียดนามประมาณ 520 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในส่วนของมูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังประเทศอิสราเอลอยู่ที่ 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดอิสราเอลก็ตาม แต่ คาดว่าเวียดนามส่งออกมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้าแตะระดับ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดทั้งปี 2562 ในขณะที่ สถานการณ์ทางการเมืองของอิสราเอลยังคงไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการเวียดนามควรระมัดระวังในการทำธุรกิจในอิสราเอล ซึ่งทางด้านผู้ประกอบการอิสราเอลก็มีความสนใจอย่างมากในการซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์, ปลาทูน่า, กุ้งแช่เย็น, กุ้ง, เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/534724/viet-nam-israel-eye-1-billion-in-two-way-trade.html#TgH8RALHCqx2gRIA.97

เวียดนามเผยส่งออกกาแฟลดลง 10.3% yoy ในช่วงเดือนม.ค.-สิ.ค.

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกกาแฟของเวียดนามอยู่ที่ 1.19 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ซึ่งปริมาณการส่งออกกาแฟในเดือนสิงหาคมประมาณ 130,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ เวียดนามอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกที่มีการส่งออกมากที่สุด ซึ่งในเดือนสิงหาคม เวียดนามส่งออกข้าวอยู่ที่ 252 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทางด้านปริมาณการส่งออกรวม 580,000 ตัน นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม-สิงหาคม การส่งออกน้ำมันดิบของเวียดนามอยู่ที่ 2.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20190829/vietnam-janaug-coffee-exports-likely-fell-103-y-y-govt/51119.html

นักธุรกิจรัสเซียเล็งเห็นโอกาสทำการค้าในกรุงฮานอย

จากข้อมูลของสมาคมผู้ค้าปลีกเวียดนาม (AVR) เปิดเผยว่าในวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ กรุงฮานอย เวียดนาม ได้มีการจัดโปรแกรมเกี่ยวกับการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการรัสเซียและพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นเวียดนาม โดยเป้าหมายของโปรแกรมนี้ เพื่อส่งเสริม/แนะนำสินค้ารัสเซียไปยังผู้ค้าปลีกในระดับท้องถิ่น และสร้างความสัมพันธ์ในการดำเนินธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งมีผู้ประกอบการรัสเซียกว่า 13 แห่งที่เข้าร่วมโครงการนี้ นอกจากนี้ จากข้อมูลทางสถิติ ระบุว่าในปี 2561 ประเทศรัสเซียอยู่ในอันดับที่ 24 จาก 129 ของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีโครงการลงทุน 123 โครงการ ด้วยมูลค่ารวมประมาณ 932 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา :  https://en.nhandan.com.vn/business/item/7858802-russian-businesses-seek-trading-opportunities-in-hanoi.html

Grab ลงทุนในเวียดนามกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า

 ธุรกิจ Ride-Hailing ของ Grab ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการถึงรายละเอียดในการลงทุนไปยังเวียดนามกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการส่งเสริมในด้านการขนส่ง และระบบการชำระเงิน ในระยะเวลา 5 ปี โดยจากข้อมูลของ Grab ระบุว่าการลงทุนในครั้งนี้จะสร้างโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเงิน (FinTech) และก้าวมาส่งเสริมทางด้าน Mobility Solution รวมไปถึงการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ด้วยเหตุนี้ จะทำให้เพิ่มรายได้นับล้านเหรียญสหรัฐฯ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเวียดนาม ซึ่งทางธุรกิจจะดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลเวียดนามในปี 2563 โดยทางสถิติของ GrabFood ที่ทำการสำรวจ พบว่าจำนวนการสั่งซื้ออาหารเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 ยอดต่อวัน และผู้ที่ทำพาท์เนอร์กับทาง Grab ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะมีรายได้รวมประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา :   https://vietnamnews.vn/economy/534681/grab-to-pour-500m-into-vn-over-next-5-years.html#QQbGdBlbxdid7xL2.97

สปป.ลาว กัมพูชาและเวียดนามจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยว

เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวจากกัมพูชา สปป.ลาวและเวียดนาม กำลังหารือเกี่ยวกับร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่สามเหลี่ยมครอบคลุม 13 จังหวัดของทั้ง 3 ประเทศ การเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมคณะทำงานครั้งที่ 3 เรื่องการจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวสำหรับ CLV ในพื้นที่สามเหลี่ยมพัฒนาระหว่างวันที่ 26-29 สิงหาคม ตามรายงานจุดมุ่งหมายคือการพัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในพื้นที่ หลังการประชุมผู้แทนของกัมพูชา สปป.ลาวและเวียดนามจะหารือกับผู้ร่วมงานเพื่อปรับแผนพัฒนาร่างและส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นและส่วนกลางเพื่อขออนุมัติ ในระหว่างการประชุมคณะผู้แทนจากทั้ง 3 ประเทศจะไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในแขวงจำปาสัก สถานที่สำคัญเหล่านี้จะเชื่อมโยงกับสถานที่สำคัญในกัมพูชาและเวียดนามเพื่อสร้างแพ็คเกจท่องเที่ยวและจุดหมายปลายทาง

 ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-cambodia-vietnam-formulate-tourism-development-plan-102810

FinTech เวียดนาม โอกาสที่ Startup ไทยควรรีบคว้า

ในทุกๆปี องค์กรด้านการสนับสนุนและพัฒนาสตาร์ทอัพ (BSSC) จะจัดงาน Vietnam Startup Wheel ได้จัดงานประกวดสตาร์ทอัพใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ซึ่งในปี 2556 จนถึงปัจจุบันมีผู้ประกอบการและธุรกิจสตาร์ทอัพราว 4,000 บริษัท และประชาชนกว่า 90,000 คน โดยงานดังกล่าวสร้างมูลค่าสนับสนุนการลงทุนกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งชาติเวียดนามยังได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนฟินเทค เพื่อให้การสนับสนุนรัฐบาลในการสร้างและพัฒนาระบบนิเวศน์ของฟินเทคในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้ธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพในเวียดนามมีตลาดที่ชัดเจน เฟื่องฟูและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่เวียดนามยังคงเผชิญกับความท้าทายของธุรกิจ FinTech โดยสรุปได้ดังนี้ ภาวะขาดแคลนการระดมทุน, ความปลอดภัยในการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน, กระบวนการขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจด้านฟินเทคยังคงมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน และรัฐบาลยังขาดแคลนบุคลากรและหน่วยงานในการสนับสนุนหรือความเข้าใจในระบบของธุรกิจดังกล่าว เป็นต้น นอกจากนี้ แนวทางการดำเนินธุรกิจฟินเทคในเวียดนาม มองว่ามีศักยภาพด้านธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพในเวียดนามนับเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการลงทุนและขยายธุรกิจมายังเวียดนาม โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจการชำระเงินดิจิทัล การซื้อของออนไลน์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจการเงินส่วนบุคคลและนิติบุคคล ตลอดจนด้านเทคโนโลยีการเกษตร สำหรับผู้ที่จะเข้าตลาดฟินเทคสตาร์ทอัพเวียดนามจำเป็นต้องศึกษาบริบทของประเทศ และจำเป็นต้องผ่านการรับรองจากรัฐบาลเวียดนามซึ่งเป็นผู้ดูแลทรัพยากรทั้งหมดของประเทศเสมอ

ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/fintech-startup-vietnam