“เวียดนาม” มาแรง! ขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวโตเร็วที่สุดในโลก

จากข้อมูลของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) ระบุว่าเวียดนามยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก หากพิจารณาในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ จะเห็นได้ว่าเวียดนามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 954,000 คน เพิ่มขึ้น 9 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีอัตราการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ย 62% ต่อเดือนในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค. ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากเอเชียแปซิฟิก รวมถึงกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ ดัชนีการพัฒนาการเดินทางและการท่องเที่ยว แสดงให้เห็นอันดับของเวียดนามในปี 2564 ขยับเลื่อนดีขึ้น 8 อันดับ ด้วยดัชนีชี้วัดหลัก 6 จาก 17 ตัวที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-among-destinations-with-fastest-tourism-growth-in-the-world-2052341.html

Q1 การขนส่งผู้โดยสารทางอากาศในกัมพูชา เพิ่มขึ้นถึง 244%

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังกัมพูชาทางอากาศเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หลังจากที่รัฐบาลกัมพูชาได้ยกเลิกข้อจำกัดด้านการป้องกันโควิด-19 สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา กล่าวว่า สนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ของกัมพูชารองรับผู้โดยสาร 131,864 คน ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายนปีนี้ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 243.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญรองรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดจำนวน 113,406 คน เพิ่มขึ้น 261.5% ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐและท่าอากาศยานนานาชาติกงเก็ง (สีหนุ) รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 15,171 และ 3,287 คนตามลำดับ โดยในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดกัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 6.6 ล้านคน ในปี 2019 สร้างรายได้รวม 4.92 พันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน Thong Khon รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวเสริมว่า ในปี 2022 กัมพูชาตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 800,000 ถึง 1 ล้านคน ภายใต้กรอบกลยุทธ์ของรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501089249/intl-air-tourists-to-cambodia-surge-244-percent-q1/

“การท่องเที่ยวเวียดนาม” ม.ค.-พ.ค. ส่งสัญญาดี คึกคัก!

การท่องเที่ยวของเวียดนามได้รับผลการตอบที่น่าประทับใจ เนื่องจากเวียดนามเปิดการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เที่ยวบินระหว่างประเทศกลับมาฟื้นฟูและมหกรรมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่กรุงฮานอย

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังเวียดนาม เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 70.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และ 12.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ รายได้จากบริการอาหารและที่พักในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบปีต่อปี สาเหตุสำคัญมาจากการเดินทางเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ (SEA Games) และงานอีเว้นท์ ส่งผลให้รายได้ของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 69.3% ในเดือนพ.ค.

ที่มา : https://hanoitimes.vn/vietnam-tourism-gains-impressive-results-during-jan-may-320898.html

วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน และผลต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2565

โดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)

นอกจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่แล้ว วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนยังส่งผลกระทบเพิ่มเติมต่อเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผ่านราคาพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์ทั้งที่เป็นโลหะอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิต ให้เร่งตัวขึ้น

.

นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่าภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบแบ่งออกเป็นสองกรณี คือ กรณีฐาน ที่การปะทะสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จำกัดอยู่ในบางพื้นที่ของประเทศยูเครน แต่ข้อตกลงร่วมกันคงยังไม่เกิดขึ้นในปีนี้ และมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกและสหรัฐฯ ต่อรัสเซียจะคงอยู่ไปตลอดทั้งปีนี้นั้น คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบมีค่าเฉลี่ยทั้งปีที่ 105 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล และจีดีพีขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 ส่วนในกรณีดีนั้น คาดการณ์ตัวเลขจีดีพีไว้ที่ร้อยละ 2.9 ซึ่งเกิดขึ้นบนสมมติฐานที่รัสเซีย-ยูเครนหาทางออกร่วมกันได้เร็วกว่าที่กำหนด หรือภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ อันทำให้ราคาน้ำมันดิบอาจย่อตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง และทำให้ค่าเฉลี่ยน้ำมันทั้งปี 2565 อยู่ที่ 90 ดอลลาร์ฯ

.

ส่วนผลกระทบต่อธุรกิจไทย นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ มองว่า ปัจจัยรัสเซีย-ยูเครน กระทบต้นทุนการผลิตภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นมูลค่าราว 8 หมื่นล้านบาท โดยผลกระทบส่วนใหญ่ตกอยู่กับภาคธุรกิจ ซึ่งจะถูกกระทบแตกต่างกันตามสัดส่วนการใช้วัตถุดิบและความสามารถในการปรับตัว ขณะที่ผลกระทบบางส่วนตกอยู่กับผู้บริโภค ขณะเดียวกัน การท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบผ่านการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรป ซึ่งแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยรวมในปี 2565 อาจแตะ 4 ล้านคน แต่การใช้จ่ายจะลดลงราว 5 หมื่นล้านบาทจากกรณีที่ไม่มีสงคราม นอกจากนี้ ภาคการบริการอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่เพียงแต่ต้นทุนที่ขยับขึ้น ค่าครองชีพที่สูงขึ้นของผู้บริโภค ยังวนกลับมากดดันยอดขายภาคธุรกิจอีกด้วย ทำให้ในภาพรวมแล้วประเมินตัวเลขการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก และร้านอาหาร น้อยลงจากรณีไม่มีสงคราม

.

ด้านนางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ ระบุเพิ่มเติมว่า แม้การคว่ำบาตรทางการเงินของประเทศมหาอำนาจในโลกต่อรัสเซีย จะมีผลกระทบทางตรงที่จำกัดตามปริมาณการค้าระหว่างรัสเซีย-ยูเครนกับไทย แต่จุดติดตามจะอยู่ที่สถานการณ์ที่ยังไม่นิ่ง ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดการเงินผันผวนต่อเนื่อง และต้นทุนการระดมทุนมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากความไม่แน่นอนที่ยังอยู่และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยภายในปี 2565 จะมีตราสารหนี้ภาคเอกชนที่รอครบกำหนดอีกกว่า 7 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมาก คงต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติมในแง่ของวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนเพิ่มเติมในรายที่ยังประคองคำสั่งซื้อไว้ได้ รวมถึงประเด็นปรับโครงสร้างหนี้และคุณภาพหนี้ ซึ่งรวมแล้ว สินเชื่อธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากต้นทุนน้ำมันและวัตถุดิบอาหารที่เพิ่มขึ้น จะมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 4-5 ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่ ประเมินภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งปีนี้ที่ร้อยละ 4.5 ในกรณีฐาน

.

อ่านต่อ : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/KR-Press-25-mar-2022.aspx

เวิลด์แบงก์ คาด GDP ไทยปี 65 ฟื้นโต 3.9% จาก 1% ในปี 64 ก่อนโตเพิ่ม 4.3% ปี 66

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ประจำประเทศไทย ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 65 เป็น 3.9% จากเดิมที่คาดไว้ 3.6% ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากปี 64 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ราว 1% ก่อนที่ปี 66 จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ขณะที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในปี 65 และ 66 ได้แรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของกิจกรรมภาคบริการ การบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวที่กลับมาเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 7 ล้านคนในปี 65 โดยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังของปีและเพิ่มขึ้นอีกในปี 66 เป็นประมาณ 20 ล้านคนหรือประมาณครึ่งหนึ่งของระดับนักท่องเที่ยวในปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/154784

‘เวียดนาม’ เผยยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ พ.ย. พุ่ง 40%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในเดือน พ.ย. ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเวียดนาม มีจำนวนมากกว่า 15,000 คน เพิ่มขึ้น 42.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หลังจากเปิดโครงการนำร่อง โดยภายใต้โครงการนำร่องดังกล่าว รัฐบาลอนุญาติเปิดรับ 5 จังหวัด ได้แก่ เกาะฟู้โกว๊ก, คั้ญฮหว่า, กว๋างนาม, ดานังและกว๋างนิญ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบแพ็คเกจทัวร์ที่เดินทางโดยเที่ยวบินเช่าเหมาและเที่ยวบินเชิงพาณิชย์

ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเวียดนามอยู่ที่ 140,100 คน ลดลง 96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส นอกจากนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) ชี้ว่าการจัดงานอีเวนท์ข้างต้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นกลุ่มแรกเข้ามาเวียดนาม ถือเป็นก้าวครั้งสำคัญของเวียดนามในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและปูทางไปสู่การเปิดประเทศอีกครั้ง ภายใต้รูปแบบการใช้ชีวิตแบบ “New Normal”

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-sees-40-rise-in-intl-tourist-arrivals-in-nov/

‘อโกด้า’ ชี้ชาวเวียดนามคาดการเดินทางทั่วโลกจะกลับมาอีกครั้งในอีก 6 เดือนข้างหน้า

อโกด้า (Agoda) ผู้ให้บริการดิจิทัลแพล็ตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว เปิดเผยผลสำรวจหัวข้อ “ต้อนรับการกลับมาเดินทางอีกครั้ง” พบว่าชาวเวียดนามส่วนใหญ่ 60% คาดว่าการเดินทางจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 45-54 ปี ส่วนใหญ่ 52% มองในแง่ดีต่อการปราศจากข้อจำกัดในการเดินทางในเอเชีย แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ เมื่อสอบถามถึงการเดินทางทั่วโลกโดยปราศจากข้อจำกัด พบว่ากลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปมองในทิศทางที่ดีมากที่สุด (54%) รองลงมาคือกลุ่มอายุ 45-54 ปี (45%)

ทั้งนี้ แม้ว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 1 ใน 10 คาดหวังว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าเวียดนามได้ หลังจากผ่านไปเพียง 2 ปี รัฐบาลก็ได้ประกาศว่าจะเริ่มเปิดจุดหมายปลายทางบางแห่งสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือน พ.ย. โดยเริ่มจากฟู้โกว๊ก (Phú Quốc) แต่มีเพียง 27% เท่านั้นที่เชื่อว่าการเปิดพรมแดนเต็มรูปแบบอีกครั้งน่าจะเป็นภายในสิ้นปีนี้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1080584/vietnamese-expect-global-travel-to-restart-in-next-6-months-agoda.html

กัมพูชายกเลิกการกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

หลังจากนายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้ประกาศเปิดประเทศสำหรับนักธุรกิจที่จำเป็นต้องเดินทางมายังกัมพูชาเพื่อดำเนินธุรกิจ ไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ย. กัมพูชาได้ขยายขอบเขตการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งตั้งเป้าที่จะต้อนรับผู้โดยสารขาเข้าไม่ว่าจะเป็นชาวกัมพูชาที่เดินกลับมาจากต่างประเทศ หรือชาวต่างชาติ อาทิเช่น นักท่องเที่ยว หรือนักธุรกิจ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ผู้ที่จะเดินทางมายังกัมพูชาต้องทำการตรวจแบบ PCR ก่อน โดยผลตรวจต้องไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางมายังกัมพูชา และเมื่อมาถึงกัมพูชาผู้โดยสารต้องทำการทดสอบอีกครั้งที่สนามบิน ซึ่งใช้เวลารอประมาณ 20 นาที จึงจะทราบผลหากผลเป็นลบนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังที่ใดก็ได้ในกัมพูชา แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนยังคงต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตามกำหนด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50971326/end-of-quarantine-means-the-country-is-truly-back-in-business/