ม.ค. มูลค่าการค้าระหว่าง กัมพูชา-RCEP ขยายตัวกว่า 21.2%

มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชากับประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในช่วงเดือนมกราคม 2024 มีมูลค่ารวมสูงถึง 2.74 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ (MoC) ซึ่งปริมาณการค้ารวมดังกล่าวคิดเป็นกว่าร้อยละ 67.6 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4.05 พันล้านดอลลาร์ โดยประเทศคู่ค้าหลัก 5 อันดับแรก ภายใต้ข้อตกลง ได้แก่ จีน เวียดนาม ไทย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ด้าน Penn Sovicheat รัฐมนตรีต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาและโฆษก กล่าวว่า RCEP ถือเป็นตัวเร่งการเติบโตทางการค้าของประเทศ และเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501449110/cambodias-trade-with-rcep-countries-up-21-2-pct-in-january/

ผู้ค้าผลไม้เมียนมาหันมาจับตาตลาดในประเทศ ท่ามกลางการเสียหายของสินค้าที่เกิดจากการส่งออก

ผู้ค้าผลไม้เมียนมา กล่าวถึง อุปสรรคในการคมนาคมในช่องทางเชียงตุง ช่องมองลา และพะโม ที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้วในฝั่งจีน การถูกระงับที่ชายแดนเพราะนโยบายฝั่งจีนที่มีความเค้มงวดมากขึ้น ความเสียหายของสินค้าจากการคมนาคมบนถนนที่ขรุขระส่งผลต่อคุณภาพของแตงโมที่ส่งไปยังประเทศจีน ส่งผลให้ราคาสินค้าตกต่ำลง ทำให้ผู้ค้าจึงเริ่มจับตาดูตลาดภายในประเทศ เนื่องด้วย ราคาส่งออกในปัจจุบันไม่ครอบคลุมค่าขนส่งและต้นทุนทั่วไปอื่นๆ ค่าอากรที่ด่านชายแดนอยู่ที่ 35,000-40,000 หยวนต่อรถบรรทุก ทั้งนี้ รถบรรทุกแตงโม 100 คันมุ่งหน้าสู่จีน มีเพียง 10 คันเท่านั้นที่สามารถครอบคลุมค่าขนส่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าผลไม้เน้นย้ำว่าพวกเขากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยืดเยื้อท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนโยบายในจีน สืบเนื่องจากเมื่อปี 2021 ข้อจำกัดเกี่ยวกับโควิด-19 ขัดขวางการส่งออกแตงโมและแตงไทยของเมียนมาไปยังจีน ระเบียบศุลกากรจีนเพิ่มความล่าช้า รถบรรทุกล่าช้าเป็นเวลานานส่งผลเสียต่อคุณภาพแตงโม และมีเพียง 1 ใน 5 รถบรรทุกที่มุ่งหน้าไปยังจีนเท่านั้นที่ยังคงไม่ได้รับความเสียหาย ทำให้ผู้ค้าจำเป็นต้องพิจารณาเวลาการส่งมอบ ราคา และความสามารถในการทำกำไร เนื่องจากแตงโมเป็นผลไม้ที่เน่าเสียง่ายในขณะที่พยายามสำรวจตลาดใหม่นอกเหนือจากประเทศจีน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/traders-eye-domestic-market-amid-export-loss/

บริษัทผลิตเนื้อวัวของ สปป.ลาว เล็งส่งออกเนื้อวัวไปยังจีนมากขึ้น

กลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา กำลังจัดตั้งฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ในแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดหาเนื้อวัวให้กับตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งกลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา ได้รับสัมปทานที่ดิน 5 แปลง จากรัฐบาล ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 3,687 เฮกตาร์ เพื่อปลูกหญ้าและเลี้ยงโค โดยประธานและผู้อำนวยการของบริษัท กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2564 และได้ทำการทดลองเลี้ยงวัว 4 สายพันธุ์ จนถึงขณะนี้ บริษัทได้ส่งออกวัวไปแล้วมากกว่า 1,000 ตัว ส่วนใหญ่ไปยังจีน ไทย และเวียดนาม ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา ได้สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นมากกว่า 300 ตำแหน่ง มีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจในแขวงบ่อแก้ว และส่งผลให้ สปป.ลาว สามารถสร้างรายได้มากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกสินค้าเกษตรในปี 2566 ซึ่งเกินเป้าหมายกว่า 20.18% สินค้าเกษตรหลักที่ส่งออก ได้แก่ กล้วย ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย วัว และกระบือ โดยจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด รัฐบาลลาวสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ผลิตเพิ่มการส่งออกเพื่อนำเงินตราต่างประเทศ ช่วยลดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สูงในช่วงที่ผ่านมา

ที่มา : https://english.news.cn/asiapacific/20240223/1b37e1a966b24406a4d9d723b13ce70e/c.html

รัฐบาลเพิ่มแต้มต่อสินค้าเกษตรไทยด้วย FTA ดันครองเบอร์ 1 ส่งออกในอาเซียน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งใจขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศผ่านการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Area: FTA) อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อดึงดูดการค้า การลงทุนจากต่างชาติ เดินหน้าทำการค้าเชิงรุก และผลักดันให้เกิดการขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยในต่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าหากเดินหน้าผลักดันความร่วมมือ FTA ให้เต็มศักยภาพจะเพิ่มตัวเลขการค้าการลงทุนได้มหาศาล ถือเป็นโอกาสสร้างแต้มต่อทางการแข่งขันให้ไทยในตลาดโลก ซึ่งขณะนี้ ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน และเป็นอันดับ 7 ของโลก และส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ในปี 2023 โดยตลาดคู่ค้า FTA ที่มีการส่งออกขยายตัวทางการค้าสูง ได้แก่ จีน ซึ่งขยายตัว 11% คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 42% ของการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทย ตามมาด้วยตลาดอาเซียนที่ขยายตัว 5% ด้านสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปที่เป็นสินค้าศักยภาพที่ขยายตัวได้ดีในการส่งออกของไทยไปยังตลาดคู่ค้า FTA อันดับ 1 ยังคงเป็น ข้าว ที่มีการขยายตัวมากถึง 92% ในตลาดอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

ที่มา : https://www.naewna.com/business/787985

หอการค้าฯ สปป.ลาว มองอินเดียเป็นตลาดส่งออกสินค้าขนาดใหญ่ของลาวได้

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว ได้จัดการประชุมธุรกิจลาว-อินเดีย ในเวียงจันทน์ โดยมีผู้นำทางธุรกิจมากกว่า 170 ราย จากกว่า 100 บริษัทเข้าร่วม นายทนงสิน กัลยา รองประธานบริหารหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว กล่าวว่า “อินเดียมีศักยภาพอย่างมากในการส่งออกสินค้าจากลาวไปขาย รวมถึงการลงทุนด้านอุตสาหกรรมในประเทศลาว การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสในการหารือเกี่ยวกับรูปแบบการลงทุนที่สามารถส่งเสริมการค้าระหว่างลาวและอินเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ” หวังว่าผู้ประกอบธุรกิจชาวอินเดียและสภาธุรกิจอาเซียน-อินเดีย จะช่วยส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาในประเทศลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมมือกับบริษัทลาวในภาคส่วนต่างๆ เพื่อการพัฒนาและผลกำไรร่วมกัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของ สปป.ลาว เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าระหว่างลาวและอินเดียมีมากกว่า 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 ลดลง 15.57% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยลาวนำเข้าสินค้าจากอินเดียมูลค่า 25.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายสินค้ามูลค่า 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับอินเดีย ซึ่งถือว่าไม่มากนัก แต่มีศักยภาพที่จะขยายตัวได้ ด้านการลงทุนตั้งแต่ปี 2551-2565 บริษัทอินเดียได้จดทะเบียนเงินลงทุนประมาณ 314 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้จัดตั้งธุรกิจ 311 แห่ง ใน สปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_34_India_y24.php

การค้าต่างประเทศของเมียนมาทะลุ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบ 10 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมารายงานว่า การค้าระหว่างประเทศของเมียนมากับคู่ค้าต่างประเทศมีมูลค่า 25.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกมูลค่า 12.135 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้ามูลค่า 13.378 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ซึ่งมูลค่าการค้ารวมของปีงบประมาณปัจจุบันลดลงอย่างมากถึง 3.15 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีมูลค่าการค้ารวม 28.66 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการค้าของเมียนมาแบ่งออกเป็นการค้าทางทะเลอยู่ที่ประมาณ 18.787 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การค้าดำเนินการที่ชายแดนมีมูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-foreign-trade-exceeds-us25-bln-in-ten-months/

ม.ค. 2024 กัมพูชาส่งออกสินค้ากลุ่ม GFT โตเกือบ 22%

การส่งออกสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง (GFT) เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 21.64 สำหรับในช่วงเดือนมกราคมปีนี้ สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 967 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้หดตัวเกือบตลอดทั้งปีในปีที่แล้ว รายงานโดยกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (11 ก.พ.) ซึ่งพบว่าทุกรายการสินค้าของกลุ่ม GFT ขยายตัวแทบทุกรายการ สำหรับในช่วงเดือน ม.ค. 2024 ส่งผลทำให้รายได้จากการส่งออกโดยภาพรวมเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นที่น่าสังเกตว่ากัมพูชาสามารถบรรลุการเติบโตทางด้านการส่งออกถึงแม้จะมีอุปสรรคทางการค้า เช่น การไม่ต่ออายุระบบสิทธิพิเศษทั่วไป (GSP) โดยสหรัฐฯ และการลดผลประโยชน์ของ Everything But Arms (EBA) ลงเกือบร้อยละ 20 จากสหภาพยุโรป (EU) โดยเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสินค้ากลุ่ม GFT

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501439379/cambodias-gft-exports-jump-22-amid-rising-hopes/

การค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาในช่วงเดือน ม.ค. 2024 ขยายตัวกว่าร้อยละ 16.7

ปริมาณการค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาแตะมูลค่ารวม 4.05 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วงเดือน ม.ค. ปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 16.7 จากมูลค่า 3.47 พันล้านดอลลาร์ ที่ได้บันทึกไว้ในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นการส่งออกรวมของกัมพูชามูลค่า 1.96 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 ขณะที่การนำเข้ารวมอยู่ที่ 2.09 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเช่นกันร้อยละ 8.7 ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา โดยจีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ตามมาด้วยเวียดนาม สหรัฐฯ ไทย และญี่ปุ่น เป็นสำคัญ สำหรับสินค้าส่งออกหลักยังคงเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและสินค้าเพื่อการท่องเที่ยว จักรยาน ยางแห้ง ข้าวสาร กล้วย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มะม่วง และลำไย ด้านสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ วัตถุดิบขั้นต้นในการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและสินค้าท่องเที่ยว รวมถึงปิโตรเลียม วัสดุก่อสร้าง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไปจนถึงสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องสำอาง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501439008/cambodias-international-trade-up-16-7-pct-in-january/

กัมพูชาส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 25% สำหรับในช่วงเดือน ม.ค. 2024

สหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) รายงานการส่งออกข้าวของกัมพูชาในช่วงเดือน ม.ค. 2024 ที่ปริมาณข้าวสารรวม 46,221 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวม 32.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ในแง่ของมูลค่าการส่งออก โดยส่งออกไปยัง 42 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสหภาพยุโรปเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดในช่วงเดือน ม.ค. ด้วยปริมาณ 25,005 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 54 ของการส่งออกข้าวสารทั้งหมด ตามมาด้วยประเทศในกลุ่มอาเซียนปริมาณรวม 11,999 ตัน ขณะที่การนำเข้าของจีนรวมอยู่ที่ 5,171 ตัน โดยข้าวที่ได้รับความนิยมในตลาดสากลของกัมพูชา ได้แก่ ข้าวหอม ข้าวอินทรีย์ ข้าวขาว ข้าวนึ่ง และข้าวจาโปนิกา ด้านนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต ได้เสนอกลยุทธ์ในการผลักดันอุตสาหกรรมการเกษตร ด้วยการปรับปรุงตลาด การขยายตลาดใหม่ ผ่านข้อตกลงการค้าเสรี และการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคอยติดตามระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำและระบบชลประทานอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าเกษตรกรจะทำเกษตรกรรมได้ต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501438196/rice-exports-up-25-percent-in-january/

2023 มูลค่าการค้ารวมระหว่าง กัมพูชา-RCEP เกือบแตะ 3 หมื่นล้านดอลลาร์

การค้าระหว่างกัมพูชาและอีก 14 ประเทศ ในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีมูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวที่มูลค่ารวม 8.172 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 28  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2.129 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงกว่าร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของประเทศ โดยหลังจากการลงนามในข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของกัมพูชาไปยังกลุ่มสมาชิค RCEP เพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น อินโดนีเซียจากการเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 12 ของกัมพูชาในช่วงก่อนหน้านี้ ปรับมาเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 6 ของปีที่แล้ว โดยมีปริมาณการค้าทวิภาคีเกือบ 1.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปีก่อนเกือบร้อยละ 15 คิดเป็นการส่งออกของกัมพูชามูลค่า 92.74 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 151.7

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501437300/cambodia-rcep-members-trade-hits-nearly-30-bn-in-2023/