‘เวียดนาม’ พัฒนาทางการเงินร่วมกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและสิงคโปร์
นาย โฮ ดึก ฟอก (Ho Duc Phoc) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเวียดนาม ได้หารือกับนายจิม ชาลเมอร์ส เหรัญญิกของออสเตรเลีย รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คนที่ 2 ของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. เนื่องการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 30 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยการหารือกับออสเตรเลียเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียจนถึงปี 2040 และความร่วมมือในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเงินที่ยั่งยืน ตลอดจนบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการคลังเวียดนามและออสเตรเลีย
ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น ได้รับคำแนะนำให้ดำเนินตามกรอบความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) ฉบับใหม่ที่ตกลงกันระหว่างการเยือนญี่ปุ่นของนายกฯ รัฐมนตรีเวียดนาม เมื่อเดือน พ.ค.65 นอกจากนี้ รัฐมนตรีของสิงคโปร์กล่าวชื่นชมถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศที่มุ่งไปทึ่ความร่วมมือทางการเงิน ศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดการตลาดหลักทรัพย์
‘เวียดนาม’ ส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทำสถิติสูงสุด เดือน ต.ค.
กรมนำเข้า-ส่งออก ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าเวียดนามส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในเดือน ต.ค. ปริมาณ 64,320 ตัน มูลค่ากว่า 358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 47.7% และ 37.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ ขณะที่ในช่วง 10 เดือนของปีนี้ เวียดนามทำรายได้จากการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ปริมาณ 516,870 ตัน มูลค่า 2.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.8% และ 15.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคาส่งออกเฉลี่ยของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อยู่ที่ 5,073 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลง 4.8%
นอกจากนี้ คนในอุตสาหกรรม กล่าวว่าการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของเวียดนามในช่วงสองเดือนที่เหลือของปีนี้ มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความต้องการเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดที่กำลังจะมาถึง
‘วิกฤติประชากรเวียดนาม’ คาดลดลงเหลือ 72 ล้านคน ปี 2100 เหตุอัตราเกิดต่ำ
‘VnExpress’ สื่อหนังสือท้องถิ่นเวียดนาม ได้อ้างข้อมูลจากนาย Ha Anh Duc ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าประชากรเวียดนามคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107 ล้านคนในปี 2044 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงเหลือ 72 ล้านคนในปี 2100 เนื่องจากอัตราการเกิดต่ำลง และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามมีอัตราการเกิดลดลงอยู่ที่ 6.5 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคนในปี 1960 เหลือ 2.05 ในปี 2020 โดยอ้างถึงสถิติว่าในแต่ละปี มีคู่รักประมาณหนึ่งล้านคู่ในเวียดนามที่ไม่สามารถมีบุตรได้ ประมาณ 7.7% ของคู่รักทั้งหมด นอกจากนี้ เวียดนามได้ร่างกฎหมายว่าด้วยประชากรที่จะเสนอไปยังหน่วยงานท้องถิ่นที่มีอัตราการเกิดต่ำ เพื่อสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้หญิงที่มีลูกคนที่สอง รวมถึงการยกเว้นค่าเล่าเรียนให้กับเด็ก
ที่มา : https://english.news.cn/20231113/de5e1f220f724e99a11cbe173f201d5e/c.html
‘ผู้เชี่ยวชาญ’ เผยเศรษฐกิจเวียดนามมีเสถียรภาพ ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์โลก
ดร.เหงียน จิ ฮิว นักเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญทางด้านการเงินและการธนาคาร กล่าวว่าผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เด่นชัดที่สุด คือ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่ผู้ส่งออกน้ำมัน เวียดนามขายน้ำมันดิบและนำเข้าน้ำมันสำหรับกระบวนการผลิต ด้วยเหตุนี้เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านำเข้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พลังงาน นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์โลกที่ทวีความรุนแรงสูงขึ้น ได้ผลักดันราคาสินทรัพย์ปลอดภัย รวมไปถึงทองคำและเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลอดจนกระทบต่อเงินด่องเวียดนามให้อ่อนค่าลง โดยปัจจัยเหล่านี้เกิดความยากลำบากในการควบคุมเงินเฟ้อและการรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน
ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnamese-economy-stable-amidst-geopolitical-instability-2214122.html
‘สหรัฐอเมริกา’ ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
สหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะที่เวียดนามกลายมาเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 7 ของสหรัฐฯ และยังเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยจากตัวเลขสถิติการค้าระหว่างประเทศ พบว่ายอดการค้าระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 16% ต่อปี เพิ่มขึ้นเกินกว่า 550% จาก 21.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2554 ขึ้นมาอยู่ที่ 123 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน สหรัฐฯ เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับที่ 11 จาก 108 นักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในเวียดนาม และมีการลงทุน 1,200 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนราว 11.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ กิจการรายใหญ่ของสหรัฐฯ ยังคงให้ความสนใจและต้องการลงทุนระยะยาวในเวียดนาม รวมถึงมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มความร่วมมือกับเวียดนามและร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/us-remains-vietnams-largest-export-market-post1058710.vov
‘Fitch Ratings’ มองเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตเชิงบวก
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ (Fitch Ratings) คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามปี 2567 ขยายตัวที่ 6.3% และ 7.0% ในปี 2568 ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะกลางยังคงอยู่ในระดับที่ดีและคงรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากตัวเลขสถิติของสถาบันจัดอันดับ พบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ชะลอตัวลง 4.3% ท่ามกลางอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ รวมถึงปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังยืดเยื้อ นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ และยังส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย