‘เวียดนาม’ เผชิญกับแรงกดดันเงินเฟ้อสูงขึ้น

คุณ เหงียน ถิ เฮือง (Nguyen Thi Huong) หัวหน้าสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม กล่าวว่าภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม ตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย. ถึงแม้ว่าจะได้รับแรงกดดันอย่างมากจากตลาดระหว่างประเทศและในประเทศ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ใกล้กับเพดานที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้ที่ระดับ 4-4.5%

ในขณะเดียวกัน นายเหงียน บิช ลา (Nguyen Bich Lam) นักเศรษฐศาสตร์ มองว่าเศรษฐกิจเวียดนามได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอย่างมาก รวมถึงการแข่งขันที่รุงแรงในตลาดต่างประเทศ และความตึงเครียดในทะเลแดง ซึ่งอาจเกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและเกิดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก

นอกจากนี้ อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐต่อด่องเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตข้างหน้า เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐยังไม่มีแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย จากตัวเลขเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง สิ่งเหล่านี้จะถือว่าเป็นภาระต้นทุนในการนำเข้าและเงินเฟ้อในประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/mounting-inflationary-pressure-requires-governments-flexible-moves-post286015.vnp

‘ชาวเวียดนาม’ โดนโกงออนไลน์ สูญเงินกว่า 12.24 ล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนาม (MIC) รายงานว่าคดีฉ้อโกงออนไลน์ มีจำนวนทั้งสิ้น 17,500 คดี โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวเวียดนาม มีมูลค่าการสูญเสียเงินจากการฉ้อโกงมากกว่า 300 พันล้านด่อง หรือประมาณ 12.24 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ จากการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันการฉ้อโกงและการรับมือกับอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ พบว่าการฉ้อโกงทางไซเบอร์มีความซับซ้อนในเมื่อไม่นาน ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อองค์กรและบุคคลทั่วไป จึงจำเป็นที่จะต้องหาแนวทาการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาชญากรทางไซเบอร์ได้เปลี่ยนวิธีการและยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง หันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการโจมดี แทรกซึมและฉ้อโกงในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสังคม และสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655485/vietnamese-users-report-losses-of-more-than-12-24-million-due-to-online-fraud.html

‘เวียดนาม’ ยอดขายคอนโดเทล ไตรมาส 1 ต่ำสุดในรอบ 6 ปี

ตามรายงานของ DKRA Group บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าโครงการคอนโดเทล 90% ไม่มียอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่คอนโดเทลที่เปิดขายอยู่มีจำนวน 4,800 ยูนิต แต่มีเพียง 64 ยูนิตที่ขายได้ คิดเป็นสัดส่วน 1.3% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด ถึงแม้ว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเสนอโปรโมชั่น แต่ก็ไม่สามารถที่จะดึงดูดลูกค้าได้ สาเหตุสำคัญมาจากราคาขายสูง ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านด่อง (6,000 เหรียญสหรัฐ) ต่อตารางเมตร

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ไม่แน่ใจว่าจะลดราคา เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในโครงการระดับไฮเอนที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าฐานะร่ำรวย และเมื่อคาดการณ์จะพบว่าตลาดคอนโดเทลอาจต้องใช้ระยะเวลา 5-7 ปี ในการฟื้นตัว ทั้งจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655491/condotel-sales-at-their-lowest-level-in-six-years-in-q1.html

‘เวียดนาม’ ชี้เสาหลักทางเศรษฐกิจ ส่งสัญญาณเชิงบวก

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าการผลิตของภาคอุตสาหกรรมยังคงมีทิศทางไปในเชิงบวกในปีนี้ จากตัวชี้วัดดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (IIP) ในช่วง 4 เดือนแรกที่มีการขยายตัว 6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่เงินลงทุนเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐฯ สูงถึง 20.1% ของงบประมาณประจำปี เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาตัวเลขการค้าปลีกและการค้าระหว่างประเทศของเวียดนาม พบว่ามูลค่าการค้าปลีกและบริการ เพิ่มขึ้น 8.5% และการส่งออก เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งจากตัวชี้วัดดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจมีสัญญาณเชิงบวก

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจเวียดนามยังคงเผชิญกับความท้าทายจากความไม่มั่งคงของเศรษฐกิจโลก และภาวะเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมุ่งส่งเสริมไปที่การบริโภคภายในประเทศ การยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/key-economic-pillars-show-positive-growth-post285814.vnp

ธนาคารโลก คาดการณ์ GDP สปป.ลาว เติบโตได้ 4% ในปีนี้

เว็บไซต์ของธนาคารโลก เผยแพร่บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ เมื่อมองไปข้างหน้าถึงปี 2567 คาดว่า GDP จะขยายตัว 4% โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตด้านบริการและการลงทุนในภาคพลังงานและเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่างๆ เช่น การอ่อนค่าของเงินกีบ อัตราเงินเฟ้อที่สูง และความจำเป็นในการชำระหนี้ต่างประเทศที่สูง คาดว่าจะยังคงมีอยู่ ทั้งนี้ ข้อแนะนำเพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ ธนาคารโลกได้แนะนำให้ สปป.ลาว จัดลำดับความสำคัญของการปฏิรูปในด้านที่สำคัญ เช่น การจัดการหนี้ การระดมรายได้ การจัดการการลงทุนสาธารณะ เสถียรภาพของภาคการเงิน และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ แม้ว่าการปฏิรูปรายได้เมื่อเร็วๆ นี้มีแนวโน้มที่ดี แต่รายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งปฏิรูปเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคเท่านั้น

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/04/30/lao-economic-growth-remains-below-2019-levels-world-bank-report-reveals/

สปป.ลาว ขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 2 แม้ส่งออกมันสำปะหลังเติบโต

สปป.ลาว เผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 พบว่า ภาพรวมการค้ามีมูลค่า 1,101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นมูลค่าส่งออกประมาณ 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมันสำปะหลังมีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกมากที่สุด รองลงมาคือ ทองคำ แร่ทองแดง กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ และแป้งมันสำปะหลัง โดยตลาดจีนยังคงเป็นส่งออกหลักของ สปป.ลาว รองลงมาคือ ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย และอินเดีย ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่าประมาณ 570 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าหลัก คือ ดีเซล รองลงมาคือ ยานพาหนะทางบก อุปกรณ์เครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ไทยยังคงเป็นแหล่งนำเข้าหลัก รองลงมาคือ จีน เวียดนาม สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ทั้งนี้ สปป.ลาว ยังคงขาดดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยขาดดุลจำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/04/26/laos-faces-second-month-of-trade-deficit-despite-cassava-export-boom/

‘ธนาคารโลก’ คาด GDP เวียดนามปี 67 โต 5.5%

ธนาคารโลก (WB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 5.5% ในปีนี้ และเศรษฐกิจจะค่อยๆ ขยายตัว 6% ในปี 2568 และ 6.5% ในปี 2569 จากการหนุนของอุปสงค์ต่างประเทศและการลงทุนของภาคเอกชนที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยเป็นการตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าการส่งออกภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวในระดับปานกลางในปีนี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4/66 ขยายตัว 8.5%YoY และเศรษฐกิจจะขยายตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ 17.2%YoY

ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจาก 3.2% ในปี 2566 ขึ้นมาอยู่ที่ 3.5% ในปีนี้ เนื่องมาจากต้นทุนทางด้านการศึกษาและค่าบริการด้านสุขภาพ

อย่างไรก็ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีความขัดแย้งทางการทหารในยูเครนและตะวันออกกลาง แต่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์กลับจะทยอยลดลง ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) คาดว่าจะอยู่ที่ 3% ในปี 2568 และปี 2569 โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานที่มีเสถียรภาพ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-gdp-to-grow-5-5-this-year-wb/

‘IMF’ ชี้เวียดนาม จุดหมายปลายทางของนักลงทุนต่างชาติ

จากการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ นายเปาโล เมดาส หัวหน้าฝ่ายการคลังของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประจำประเทศเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดของนักลงทุนต่างชาติ จากปัจจัยหนุนทั้งด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมีเสถียรภาพ ตลอดจนตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่และความพร้องทางการศึกษาของคนรุ่นใหม่

โดยจากข้อมูลของ Medas เปิดเผยว่าถึงแม้ในปัจจุบันจะเผชิญกับความไม่มั่งคงทางงภูมิรัฐศาสตร์โลก แต่เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 5.66% ในไตรมาสแรกของปีนี้ และทิศทางการส่งออกที่เติบโตดีขึ้น

นอกจากนี้ เศรษฐกิจเวียดนามยังได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-an-enticing-destination-for-foreign-investors-imf-expert/284911.vnp

เศรษฐกิจของรัฐมีแนวโน้มเติบโต มูลค่าสกุลเงินจะพุ่งสูงขึ้นหลังการคว่ำบาตรและความท้าทายทางการค้า

เช้าวานนี้ ได้มีการประชุมรัฐบาลสหภาพครั้งที่ 4/2567 จัดขึ้นที่สำนักงานประธาน SAC ในเมืองเนปิดอว์ โดยมีประธานสภาบริหารแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรี พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย เป็นประธาน ซึ่งนายกรัฐมนตรี มิน ออง หล่ายได้เปิดเผยว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพด้วยหลักนิติธรรม จัดการราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้มีความยุติธรรม และรับประกันมูลค่าสกุลเงินที่แข็งแกร่งของประเทศ โดยเขากล่าวต่อว่า เมียนมากำลังเผชิญกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการปิดกั้นเส้นทางการค้าเพื่อชะลอการไหลของสินค้าโภคภัณฑ์เนื่องจากขาดความสงบสุขและเสถียรภาพที่กระทำโดยบุคคลที่ไร้ศีลธรรมบางคน อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเพิ่มเติมในภาคส่วนอื่นๆ อีกว่า หากเกษตรกรสามารถพัฒนารูปแบบการปลูกพืชอย่างเป็นระบบ ผลผลิตทางการเกษตรจะดีขึ้นในประเทศ เพื่อรักษาความมั่นคงทางอาหาร และสนับสนุนการจัดหาอาหารให้กับประชาคมระหว่างประเทศ สำหรับในภาคส่วนน้ำมันเพื่อการบริโภค นายกรัฐมนตรียังสั่งเจ้าหน้าที่ว่า ผลผลิตพืชน้ำมันต่อเอเคอร์ที่สูงจะช่วยตอบสนองความต้องการน้ำมันสำหรับบริโภค และลดการใช้จ่ายเป็นเงินตราต่างประเทศ ในส่วนของภาคการเพาะปลูกฝ้าย นายกรัฐมนตรีชี้ว่าการผลิตเส้นด้ายคุณภาพจากสำลีที่บ้านสามารถลดปริมาณการนำเข้าเส้นด้ายและสิ่งทอได้ นอกจากนี้ เขาเน้นย้ำถึง การเพิ่มพื้นที่ป่าในพื้นที่หมู่บ้านที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า และในภาคการศึกษา พลเอกอาวุโสกล่าวว่าโรงเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานในบางภูมิภาคกำลังเผชิญกับความล่าช้าในการเรียนรู้ด้วยเหตุผลหลายประการ และจำเป็นต้องเตรียมการสำหรับการเปิดโรงเรียนอีกครั้งและการกลับมาเรียนอีกครั้ง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/prospects-brighten-state-economy-set-to-thrive-currency-value-to-surge-in-post-sanctions-and-trade-challenges/

‘IMF’ เผยการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ดันโอกาสเศรษฐกิจเวียดนาม

นายกฤษณะ ศรีนิวาสัน ผู้อำนวยการแผนกเอเชียและแปซิฟิกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าเศรษฐกิจของเวียดนามมีทิศทางที่จะขยายตัว 6.5% จากปัจจัยหนุนทั้งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ จากการประเมินเศรษฐกิจในภูมิภาค คาดว่าจะขยายตัว 4.5% ปี 2567

อย่างไรก็ดี ผลการประเมินเศรษฐกิจดังกล่าวขึ้นอยู่กับพื้นฐานเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจอินเดียในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้วที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ความท้าทายของการดำเนินนโยบายการเงิน รัฐบาลควรให้ความสำคัญในเรื่องหนี้สาธารณะและการปรับกันชนทางการคลังให้ดีขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1654252/viet-nam-to-have-many-opportunities-from-digitalisation-green-transformation-imf.html