‘เวียดนาม’ เผยยอดขายรถยนต์ มิ.ย. พุ่ง 20%

สมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม (VAMA) เปิดเผยว่ายอดขายรถยนต์ในเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 31,977 คัน เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับเดือยพฤษภาคม และเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคล มีปริมาณยอดขายมากที่สุด ด้วยจำนวน 22,934 คัน เพิ่มขึ้น 14% ในขณะที่ยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ 8,782 คัน ลดลง 2% และยอดขายรถยนต์เฉพาะทาง 261 คัน เพิ่มขึ้น 23% จากเดือนก่อน ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์เวียดนามในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์รวม 163,021 คัน เพิ่มขึ้น 21% โดยมีรถยนต์ส่วนบุคคล เพิ่มขึ้น 18% รถยนต์เชิงพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 28% และรถยนต์เฉพาะทาง เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/car-sales-increase-sharply-in-june-post322571.vnp

‘เวียดนาม – อินโดนีเซีย’ เร่งเจรจาการค้าข้าว

นายฝั่ม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และนายปราโบโว สุเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ตกลงที่จะเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าข้าว เพื่อความมั่งคงด้านอาหารของอินโดนีเซีย โดยข้อตกลงการค้าฉบับนี้ ได้บรรลุผลในระหว่างการประชุมสุดยอด BRICS จัดขึ้นที่บราซิล ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศได้ยืนยันถึงความตั้งใจที่จะเปิดตลาดให้มีการค้าขายของสินค้าทั้งสองประเทศ โดยนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม ทำงานอย่างใกล้ชิดกับคู่ค้าชาวอินโดนีเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาด และส่งเสริมการค้าทวิภาคี

นอกจากนี้ นายกฯ เสนอให้ทั้งสองประเทศทำงานร่วมกัน เพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการในการผลักดันความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้านมาใช้ในช่วงปี 2025–2030 รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น การค้า การลงทุน เกษตรกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล การเปลี่ยนผ่านสีเขียว และพลังงาน

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/vietnam-indonesia-agree-to-accelerate-rice-trade-negotiations.htm

‘เวียดนาม’ เผยยอดค้าปลีกและบริการ ครึ่งปีแรก แตะ 129.7 พันล้านดอลลาร์ โต 9.3%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยว่ายอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการในช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่าราว 129.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY)

ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกสินค้า มีมูลค่ากว่า 99,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 76.5% ของยอดค้าปลีกรวม เพิ่มขึ้น 7.9%YoY และรายได้จากบริการที่พักและจัดเลี้ยง มีมูลค่า 15,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.7%YoY และรายได้จากการท่องเที่ยวและการเดินทาง มีมูลค่า 1,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23.2%YoY

นอกจากนี้ เมื่อพิจาณาตัวเลขยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการในเดือนมิถุนายน มีมูลค่าอยู่ที่ 21.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเล็กน้อย 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 8.3%YoY เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าและการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุด โดยเฉพาะวันหยุดตรุษจีน และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเวียดนามเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ภาคการค้าและบริการเติบโต

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/retail-sales-of-goods-and-services-reach-129-7-bln-in-h1-increasing-9-3.htm

‘เวียดนาม’ เผยดัชนี CPI ช่วง 6 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 3.27%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 3.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุที่ทำให้ดัชนี CPI ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และค่าบริการด้านสุขภาพ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาสาขารายการของดัชนี CPI พบว่าราคาอาหารและบริการจัดเลี้ยง เพิ่มขึ้นอย่างมาก 3.69% โดยเฉพาะราคาเนื้อหมูที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 12.75% เนื่องจากผลผลิตมีจำกัด ในขณะที่ค่าที่อยู่อาศัย ไฟฟ้า น้ำ เชื้อเพลิง และวัสดุก่อสร้าง พุ่งขึ้น 5.73% โดยค่าไฟฟ้าในครัวเรือนที่สูงขึ้นและต้นทุนวัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 1.08% โดยเฉพาะค่าบริการด้านสุขภาพและเวชภัณฑ์ พุ่งขึ้น 13.87% นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/vietnams-cpi-in-six-months-up-3-27.htm

‘เวียดนาม’ เผยผลผลิตอุตสาหกรรม Q3/68 แนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจ พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 43.5% มองว่าผลการดำเนินงาน มีแนวโน้มเหมือนเดิม ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ตามมาด้วย 37.3% มองว่าผลประกอบการจะดีขึ้น และ 19.2% มองว่ายังคงมีปัญหาต่างๆ จะยังคงเกิดขึ้น ในขณะที่วิสาหกิจ FDI ยังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยผู้ประกอบการ 81% คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานจะเหมือนเดิมหรือดีขึ้น

ทั้งนี้ ยังได้มีการสำรวจสถานประกอบการที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 41.8% คาดว่าการผลิตและการดำเนินงานจะมีเสถียรภาพในไตรมาสที่ 3 ในขณะที่ 33.7% คาดว่าจะมีการปรับปรุง นอกจากนี้ ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (IIP) ในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะขยายตัว 10.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนามในเดือนมิถุนายน อยู่ที่ระดับ 48.9 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 50 เป็นเดือนที่สามติดต่อกัน เริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/production-projected-to-rebound-in-q3-post322244.vnp

GDP เวียดนามไตรมาสที่ 2/2568 โตเร่งขึ้นที่ 7.96%YoY คาดครึ่งหลังของปีจะโตชะลอจากผลภาษี reciprocal 20%

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch)

​เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 2/2568 โตเร่งขึ้นที่ 7.96%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากการส่งออก การลงทุนภาครัฐ และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม

  • การส่งออกเติบโตเร่งขึ้นมาที่ 18.0%YoY โดยหลัก ๆ คือ การเร่งส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ก่อนสิ้นสุดช่วงระงับภาษี 90 วัน และก่อนทราบผลว่าเวียดนามได้ดีลจะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษี reciprocal 20% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 46% (รูปที่ 3)
  • การลงทุนภาครัฐขยายตัวที่ 20.1%YoY จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อาทิ สนามบินนานาชาติ Long Thanh และทางหลวงเชื่อมเวียดนามเหนือ-ใต้ (North-South Expressway)
  • ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวที่ 10.3%YoY สะท้อนการเร่งการผลิตเพื่อตอบโจทย์การส่งออกและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยการผลิตที่เร่งตัวขึ้นอยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมแปรรูปเหล็ก อุตสาหกรรมพลาสติก และอุตสาหกรรมการผลิตซีเมนต์.

ทั้งปี 2568 เศรษฐกิจเวียดนามคาดเติบโตที่ 6.7% โดยจะโตชะลอลงในครึ่งหลังของปีจากครึ่งแรกที่เติบโต 7.52%YoY ซึ่งมีปัจจัยฉุดดังนี้

  • การส่งออกชะลอตัวจากการที่สหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้ภาษี reciprocal 20% โดยมองว่าการส่งออกเวียดนามจะชะลอตัวลงอย่างมากในครึ่งหลังของปี ส่วนการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ คาดหดตัวลง เนื่องจากผู้นำเข้าส่วนใหญ่ได้สต๊อกสินค้าเอาไว้แล้วในช่วงไตรมาสที่ 2 นอกจากนี้ ยังประเด็นเกี่ยวกับสินค้าที่ประเทศอื่นส่งออกผ่านเวียดนาม (transshipped goods) ที่จะถูกเก็บภาษีสูงถึง 40% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามคิดเป็นสัดส่วนถึง 29% ของการส่งออกรวม
  • การเกินดุลการค้าลดลงจากการเปิดตลาดสินค้าให้กับสหรัฐฯ รวมทั้งการเซ็น MOU ซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มูลค่า 2-3 พันล้านดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ การเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหลักหนุนการเกินดุลการค้าของเวียดนามในภาพรวม

นอกจากนี้ เศรษฐกิจเวียดนามยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงอยู่หลายปัจจัย ได้แก่

  • ทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอง หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศบรรลุความตกลงกับเวียดนาม ค่าเงินดองก็อ่อนค่าเป็นประวัติการณ์มาที่ระดับ 26,195 ดองต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ เป็นเพราะดีลนี้ทำให้เวียดนามมีแนวโน้มเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงจากการเกินดุลการค้าที่ลดลง นอกจากนี้ เวียดนามยังเผชิญกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
  • ปัญหาเสียในระบบธนาคารยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยสัดส่วน NPL อยู่ที่ระดับ 78% ณ เดือน มี.ค. 2567 และยังไม่มีการประกาศข้อมูลสัดส่วน NPL ในปีนี้ ทั้งนี้ หนี้เสียในระบบธนาคารเวียดนามมีปัจจัยหลักมาจากปัญหาหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2565

อ่านต่อ : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Vietnam-Reciprocal-EBR4170-FB-07-07-2025.aspx