‘เมียนมา’ เผยราคาข้าวในประเทศพุ่ง

ศูนย์ค้าส่งข้าวเมียนมา (วาดัน) รายงานว่าราคาพันธุ์ข้าว ปอว์ ซาน (Pawsan) เกรดพรีเมี่ยม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 135,000 จ๊าตต่อกระสอบ เนื่องจากความตื่นตระหนกของชาวเมียนมาที่แห่ซื้อข้าว ภายหลังจากที่ธนาคารกลางเมียนมาออกธนบัตรใหม่ที่มีมูลค่า 20,000 จ๊าต ในวันที่ 31 ก.ค. 2566 ส่งผลให้ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้น ไม่เพียงแต่ราคาพันธุ์ข้าว ปอว์ ซาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ข้าวพันธุ์อื่นๆ ในตลาดก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาข้าว ทางสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ร่วมมือกับบริษัทส่งออกและโครงการอื่นๆ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ในการกำหนดการขายข้าวและราคาข้าว

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/surge-in-prices-detected-in-domestic-rice-market/#article-title

นักวิเคราะห์หวั่น ประเทศผู้ส่งออกข้าวส่อหยุดส่งออกตามรอยอินเดีย-ดันราคาพุ่ง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การระงับส่งออกข้าวของอินเดียสร้างความหวาดหวั่นให้ตลาดโลก เนื่องจากทำให้ซัพพลายข้าวหายไปจากตลาดโลกถึง 10 ล้านตัน ส่งผลให้เกิดความวิตกว่าประเทศผู้ส่งออกข้าวต่าง ๆ อาจระงับการส่งออกข้าวตามรอยอินเดียไปด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาข้าวขาดแคลนภายในประเทศ นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการจำกัดการส่งออกล่าสุดของอินเดียแทบจะเหมือนกับมาตรการก่อนหน้านี้ของอินเดียเมื่อปี 2550 และ 2551 ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ หลังประเทศอื่น ๆ ถูกบีบให้จำกัดการส่งออกในลักษณะเดียวเพื่อปกป้องผู้บริโภคในประเทศ ในเวลานี้ ผลกระทบต่อซัพพลายและราคาข้าวอาจยิ่งกระจายตัวกว้างขวางมากขึ้น เนื่องจากอินเดียในตอนนี้ครองสัดส่วนการค้าข้าวโลกมากกว่า 40% เพิ่มจากสัดส่วนประมาณ 22% เมื่อ 15 ปีก่อน สร้างแรงกดดันให้ประเทศผู้ส่งออกข้าว อาทิ ไทยและเวียดนามต้องระงับส่งออก ด้านนักวิเคราะห์และผู้ค้ากล่าวว่า ผลกระทบที่มีต่อราคาข้าวนั้นรวดเร็วอย่างมาก โดยราคาข้าวดีดตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี หลังจากอินเดียได้สร้างความตกตะลึงให้กับประเทศผู้ซื้อโดยการประกาศระงับการส่งออกข้าวหลากหลายสายพันธุ์ที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อควบคุมราคาข้าวในประเทศที่พุ่งสูงขึ้น

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq34/3444442

‘วงใน’ เผย ข้าวเวียดนาม รุกเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในสหราชอาณาจักร

นายเหงียน กั๋น เกื่อง ที่ปรึกษาการค้าของเวียดนาม ประจำสหราชอาณาจักร กล่าวว่าในปัจจุบัน โอกาศสำคัญของเวียดนามที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดข้าวเวียดนามในตลาดสหราชอาณาจักร (UK) หลังจากอินเดีย ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ธัญพืชรายใหญ่ที่สุดในตลาดแห่งนี้ มีคำสั่งห้ามส่งออกข้าว ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวเอเชียกว่า 5.5 ล้านคน และมีความพร้อมการข้าวสูง ในขณะที่ไม่มีการผลิตข้าวเลย โดยเมื่อปี 2565 ปริมาณการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ปริมาณกว่า 678,000 ตัน อีกทั้ง การส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังตลาดสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 3,400 ตัน คิดเป็นมูลค่า 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.5% และ 34% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามลำดับ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnamese-rice-can-grow-larger-uk-market-share-insiders-post128237.html

‘เมียนมา’ เตรียมขายข้าว 170,000 กระสอบ ภายใต้โครงการเงินอุดหนุน

สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) แจ้งเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่าจะขายข้าว 170,000 กระสอบในเดือน ส.ค. รวมถึงข้าวพันธุ์ ปอว์ซาน (Paw San) 20,000 กระสอบ และข้าวพันธุ์ Aemahta 50,000 กระสอบ และข้าวสุกเมล็ดสั้นพันธุ์ Aemahta (90 วัน) 100,000 กระสอบ และสหพันธ์ฯ จะเพิ่มโควตาการขาย หากมีความจำเป็น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/mrf-to-sell-off-170000-rice-sacks-under-subsidy-scheme/#article-title

กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรในช่วง 7 เดือน แตะ 2.6 พันล้านดอลลาร์

ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรไปยัง 68 ประเทศทั่วโลก รวมกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ โดยคิดเป็นการส่งออกข้าวสารที่มูลค่า 504 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของกรมวิชาการเกษตร ซึ่งหากนับเป็นปริมาณตันรวมทั้งสิ้น 4.5 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 19.20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งออกเป็นข้าวสาร 3.63 แสนตัน, ข้าวเปลือก 1.51 ล้านตัน และสินค้าการเกษตรอื่นๆ 2.64 ล้านตัน แม้ว่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังตลาดต่างประเทศจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในอนาคต เนื่องจากการที่ประเทศอินเดียประกาศลดโควต้าการส่งออกข้าวเพื่อรักษาความมั่นคงทางอาหารในประเทศ ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ เป็นผลทำให้ปริมาณสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวในตลาดโลกอาจจะเกิดความต้องการเพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณข้าวที่อาจน้อยลง ด้วยเหตุผลข้างต้นทำให้กัมพูชาต้องเร่งศึกษากลยุทธ์ในการตักตวงโอกาสดังกล่าวที่จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มขีดความสามารถของโรงสีในท้องถิ่นในการจัดเก็บสต๊อก และเพิ่มประสิทธิภาพการแปรรูปเพื่อการส่งออก เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501339005/cambodias-agricultural-exports-reach-more-than-2-6-billion-in-seven-months/

ราคาส่งออกข้าวเวียดนาม ทุบสถิติสูงสุด!

ราคาส่งออกข้าวของเวียดนามในปีที่แล้ว เฉลี่ยอยู่ที่ 650 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 20.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และจากข้อมูลในเดือน ก.ค. 2566 ระบุว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาส่งออกข้าวหัก 5% ของเวียดนาม อยู่ที่ 513 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 500 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นมาอยู่ที่ 510 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาส่งออกข้าวหัก 25% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยข้อมูลแสดงให้เห็นว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวมากกว่า 4.2 ล้านตัน มูลค่า 2.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 21% และ 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ อีกทั้ง ราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 539 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน นับว่าทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1551320/vietnamese-export-rice-price-sets-new-record.html#google_vignette

‘เมียนมา’ เผยราคาข้าวพันธุ์ชเวโป ปอว์ ซาน ดันราคาตลาดข้าวพุ่ง

ศูนย์ค้าข้าววาดัน (Wahdan) เปิดเผยข้อมูลวันที่ 17 ก.ค. 2566 ว่าราคาข้าวพันธุ์ชเวโป ปอว์ ซาน (Shwebo Pawsan) หรือข้าวไข่มุกของเมียนมา ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นแตะ 112,000 จ๊าดต่อกระสอบ ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวพันธุ์อื่นๆ เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย อาทิเช่น ราคาพันธุ์ข้าวปอว์ ซาน อยู่ที่ 91,000 – 96,000 จ๊าดต่อกระสอบ และราคาข้าวสารใหม่ อยู่ที่ 89,000 จ๊าดต่อกระสอบ เป็นต้น ทั้งนี้ สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ประกาศที่จะร่วมมือกับโรงสีข้าว ผู้ค้าข้าวและธุรกิจต่างๆ ในการรักษาเสถียรภาพของราคาข้าวและการควบคุมตลาดข้าวให้มีราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังทำการตรวจสอบผู้ผลิตข่าวเท็จ ข่าวปลอมและข่าวลือที่นำไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อทำให้ผู้บริโภคเกิดความกังวล

ที่มา : https://borneobulletin.com.bn/myanmar-exports-over-420kt-of-beans-pulses/

‘เมียนมา’ ส่งออกสินค้าเกษตร ไตรมาสแรกปี 66 โกย 862 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเมียนมาส่งออกสินค้าเกษตรในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566-2567 อยู่ที่ 862.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลงจากไตรมาสแรกของปีที่แล้วที่มีมูลค่า 1,091.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของเมียนมา ได้แก่ ผลผลิตทางการเกษร สัตว์และอาหารทะเล แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้และสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากนี้ จากข้อมูลของสหพันธ์ข้าวแห่งเมียนมาร์ (MRF) ระบุว่าเมียนมาส่งออกข้าวและปลายข้าวมากกว่า 2.26 ล้านตันในปีงบประมาณ 2565-2566

ที่มา : https://borneobulletin.com.bn/myanmar-earns-over-usd862m-from-agricultural-exports-in-q1/

CRF-Alibaba ส่งเสริมการส่งออกข้าวของกัมพูชาไปยังจีน

Lun Yeng เลขาธิการสมาพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) กล่าวว่าปัจจุบันกำลังร่วมมือกับ Alibaba Group แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน ในการหารือเกี่ยวกับวิธีการส่งเสริมการส่งออกข้าวสารของกัมพูชาในตลาดจีน ภายใต้การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่งปัจจุบันผู้นำเข้าข้าวสารของจีนจากกัมพูชาบางราย ได้เริ่มขายข้าวสารออนไลน์แล้วในจีน โดยกัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยังตลาดจีนกว่า 118,041 ตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 77.4 ล้านดอลลาร์ รายงานโดย CRF ซึ่งจีนถือเป็นตลาดส่งออกหลักสำหรับข้าวสารของกัมพูชา คิดเป็นกว่าร้อยละ 42.43 ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมดของกัมพูชาในช่วงเวลาดังกล่าว สำหรับพันธุ์ข้าวที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ข้าวหอมพรีเมียม ข้าวหอม ข้าวขาวเมล็ดยาว ข้าวนึ่ง และข้าวอินทรีย์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501318853/crf-alibaba-to-promote-cambodian-rice-in-china/

“เวียดนาม” ซัพพลายเออร์ข้าวรายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ ระบุว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามยังคงเป็นซัพพลายเออร์ข้าวรายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ด้วยมูลค่ากว่า 772.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 31.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ค. ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวจากเวียดนาม 1.5 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนราว 90% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด นับว่าทำสถิติของการส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังตลาดฟิลิปปินส์

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดการณ์ว่าการส่งออกข้าวไปยังฟิลิปปินส์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและปรากฎการณ์เอลนีโญที่สร้างกระทบอย่างรุนแรงต่อการผลิตอาหารในประเทศ ซึ่งมีประชากรกว่า 113 ล้านคน

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-remains-biggest-rice-provider-of-philippines-post127056.html