‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชที่ปล่อยมลพิษต่ำ 2.5 ล้านเฮกตาร์ ปี 2573

กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม กำลังร่างแผนดำเนินงานในการส่งเสริมการผลิตพืชผลที่ปล่อยมลพิษต่ำในช่วงปี 2568 – 2573 โดยมุ่งที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อบรรลุเป้าหมายของประเทศในการการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ทั้งนี้ ภายใต้แผนงานข้างต้น เวียดนามตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซมีเทนลง 30% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตพืชผลลง 10% เมื่อเทียบกับระดับในปี 2563 ซึ่งการตั้งเป้าที่จะปล่อยก๊าซลดลงเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องปรับแต่งพืชผลต่างๆ ให้มีความเหมาะสมในแต่ละภูมิภาคและวิธีการ และในแผนงานปี 2573 พื้นที่ที่ปลูกพืชปล่อยมลพิษต่ำจะขยายพื้นที่อย่างน้อย 2.5 ล้านเฮกตาร์ โดยเน้นที่เขตการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ที่เข้มข้น

นอกจากนี้ ยังจะมีการพัฒนาฐานข้อมูลแห่งชาติเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตพืชผล ซึ่งแบ่งตามพืช ภูมิภาค และเทคนิคที่ใช้ โดยแผนริเริ่มนี้มุ่งหวังที่จะวางรากฐานสำหรับตลาดคาร์บอนในอนาคตของภาคการเกษตรเวียดนาม

ที่มา : https://en.vneconomy.vn/vietnam-targets-2-5-million-hectares-of-low-emission-farming-by-2030.htm

‘เวียดนาม – จีน’ เร่งแก้ปัญหาการส่งออกสินค้าเกษตร

คณะผู้แทนจากกระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อม นำโดยนายโด ดึก ซุย (Do Duc Duy) ตัวแทนของรัฐบาลเวียดนาม ร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการกับสำนักงานศุลกากรของจีน ระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤษภาคม โดยการหารือในครั้งนี้มุ่งหวังที่จะหาแนวทางแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าการเกษตรและสินค้าประมงของเวียดนาม โดยเฉพาะทุเรียน ไปยังตลาดจีน ในขณะเดียวกันยังได้หารือที่จะส่งเสริมการค้าและเปิดตลาด สำหรับสินค้าเกษตร ป่าไม้ และประมงของเวียดนามไปยังตลาดจีน ซึ่งจะเร่งการเจรจาและดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้มีการลงนามพิธีสารฯ ว่าด้วยการส่งออกสินค้าเหล่านี้อย่างเร็วที่สุด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-china-seek-to-solve-difficulties-in-agricultural-exports-post320029.vnp

เขตอิรวดีเน้นส่งเสริมธุรกิจการเกษตร

มุขมนตรีเขตอิรวดี อู ทิน หม่อง วิน ได้เข้าตรวจเยี่ยมตำบลต่างๆ ในเขตอิรวดี โดยได้เยี่ยมชมฟาร์มทานตะวันต้นแบบที่เติบโตในเขตเวกมา และตรวจสอบงานด้านเกษตรกรรม ณ หมู่บ้านเจ้าผิวก์ ในเขต Wakema เขาได้สำรวจการเจริญเติบโตของพืชและการผสมเกสรในแปลงทานตะวันต้นแบบซูเปอร์ซัน 42 ขนาดพื้นที่ 10 เอเคอร์ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป้องกันศัตรูพืชในสวน นอกจากนี้ มุขมนตรียังได้เยี่ยมชมฟาร์มทานตะวันต้นแบบซูเปอร์ซัน 41 ซึ่งปลูกในพื้นที่เพาะปลูกขนาด 10 เอเคอร์ในหมู่บ้าน Aukkaba ในเขต Pyapon และรับฟังรายงานเกี่ยวกับการขุดลอกท่อระบายน้ำ Kyishwinyoe และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการปลูกพืชผลรอบที่สองขนาด 200 เอเคอร์ และการติดตั้งประตูระบายน้ำที่ท่อระบายน้ำ มุขมนตรีได้เข้าเยี่ยมชมการปลูกต้นทานตะวันบนคันดิน นอกจากนี้ มุขมนตรียังได้ตรวจสอบการก่อสร้างประตูระบายน้ำ Aungchantha ที่คันดินสำหรับเกาะ Kyetphamwayzaung ในตำบล Pyapon และการขุดลอกลำธาร Tinhle เพื่อให้น้ำไหลได้อย่างเหมาะสม ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่ ลำธาร Tinhle สามารถชลประทานพื้นที่เพาะปลูกฤดูร้อนในตำบลได้ประมาณ 4,000 เอเคอร์ มุขมนตรียังได้ตรวจสอบการขุดลอกท่อระบายน้ำรอบคันดินยาว 11,000 ฟุตของเกาะ Kyetphamwayzaung เพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่เพาะปลูก 175 เอเคอร์ รวมทั้ง ยังได้ตรวจสอบการปลูกข้าวเปลือกฤดูร้อนโดยใช้ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์และการฟื้นฟูพื้นที่เพาะปลูกขั้นสูง 40 เอเคอร์

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/ayeyawady-region-emphasizes-boosting-agri-businesses/#article-title

สินเชื่อภาคเกษตรกรรมของกัมพูชาลดลงเหลือ 31% จาก 36% ใน 5 ปีก่อน

โครงสร้างสัดส่วนสินเชื่อภาคการเกษตรลดลงจากร้อยละ 35.8 มาอยู่ที่ร้อยละ 31 สำหรับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) โดยภาคการเกษตรยังคงเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจกัมพูชาสำหรับในปี 2023 สำหรับโครงสร้างเศรษฐกิจกัมพูชาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยสะท้อนจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรกรรม ป่าไม้ และประมง ที่ได้กล่าวรายงานว่า ภาคการเกษตรมีส่วนสำคัญต่อการผลักดันการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) แต่ด้วยขนาดของเศรษฐกิจที่มีการขยายตัว รวมถึงโครงสร้างอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลทำให้สัดส่วนอุตสาหกรรมการเกษตรในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 22 ของ GDP ประเทศ แม้ในปี 2013 จะมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 36 ของ GDP ก็ตาม สำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น สิ่งทอ การท่องเที่ยว และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และ MSMEs ในด้านการผลิต ชิ้นส่วนรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ พลาสติก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ก็เริ่มมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501490959/agricultural-loans-fall-to-31-from-36-in-5-years/

เมียนมา-ไทยหารือการพัฒนาการเกษตรและการผลิตปศุสัตว์

วานนี้ 11 พ.ค. 2567 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และชลประทานแห่งสหภาพเมียนมา อู มิน น่อง เข้าพบ นายมงคล วิศิษฏ์สตัมภ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมา และคณะ ณ ห้องประชุมกระทรวง ในการประชุมหารือการอนุญาตให้ผู้ประกอบการเอกชนของไทยลงทุนในการผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ตามกฎหมาย การขยายพันธุ์โคนมและการผลิตผลิตภัณฑ์จากนมเพื่อดึงดูดโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศในเมียนมา การส่งออกถั่วและถั่วชนิดต่างๆ จากเมียนมา การจัดตั้งเขตปลอดโรคปากและเท้าเปื่อยสำหรับโคในประเทศเมียนมา การดำเนินการเขตควบคุมโรคในสัตว์ นโยบายในการส่งออกสัตว์ข้ามพรมแดน ข้อกำหนดสำหรับการพัฒนาบันทึกความเข้าใจสำหรับการส่งออกโค ความร่วมมือในการอนุรักษ์ปลาดุกหัวสั้น กระบวนการเพื่อการผลิตทางการเกษตรอย่างยั่งยืนที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือในการพัฒนาการเกษตรและปศุสัตว์ของทั้งสองประเทศ โดยมีปลัดกระทรวงและเจ้าหน้าที่กรมกระทรวงร่วมประชุมด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-thailand-discuss-developing-agriculture-and-livestock-production/#article-title

รัฐบาลกัมพูชาพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมเกษตรขึ้นเป็นอุตสาหกรรมหลักของชาติ

รัฐบาลกัมพูชา (RGC) ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดภายในประเทศ ภูมิภาค และต่างประเทศ กล่าวโดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ในระหว่างการเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมประจำปี 2023 ของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง ซึ่งอุตสาหกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากบริษัทต่างชาติอย่าง สิงคโปร์ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลที่ได้เพิ่มการลงทุนไปยังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างระบบชลประทาน ระบบการขนส่งในชนบท โลจิสติกส์ ไฟฟ้าและกระบวนการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล อีกทั้งรัฐบาลยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างทุนมนุษย์และให้สิ่งจูงใจทางด้านการเงินเพื่อปรับปรุงคุณภาพประสิทธิภาพ ผลผลิต และความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์เกษตรในตลาดภายในประเทศ ภูมิภาค และต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501432466/agricultural-modernisation-govts-top-priority-says-pm/

บริษัทสัญชาติไต้หวัน สนใจเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตร-อาหาร และยานยนต์ กัมพูชา

Far East Trade Service Inc พนมเปญ (FETPP) บริษัทสัญชาติไต้หวัน ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัท TAITRA กำลังสำรวจโอกาสในการขยายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และยานยนต์ ด้วยความช่วยเหลือจากสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ด้าน Suon Sophal รองเลขาธิการคณะกรรมการการลงทุนกัมพูชา (CIB) ได้ร่วมสนทนากับ Chen I-Hua ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ FETPP โดย Sophal ชื่นชมความพยายามของรัฐบาลกัมพูชา (RGC) ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มุ่งสร้างกรอบกฎหมายที่เปิดกว้างเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติตามความจำเป็น ตลอดจนการดำเนินการตามแผนงานสำหรับการพัฒนาภาคยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501430458/taiwan-firm-keen-to-invest-in-agri-food-automotive-sectors/

รัฐบาลพยายามรักษาพื้นที่การเกษตร 4.5 ล้านเฮกตาร์เพื่อผลผลิตในอนาคต

กระทรวงเกษตรกำลังร่างพระราชกฤษฎีกาที่มุ่งห้ามการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและชลประทานในการก่อสร้างเชิงพาณิชย์ เพื่อรักษาพื้นที่ 4.5 ล้านเฮกตาร์สำหรับการผลิตทางการเกษตรในช่วง 30 ปีข้างหน้า ดร.เพชร พรมพิภัค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ กล่าวกับสมาชิก NA ในสัปดาห์นี้ว่าการเกษตรอยู่ภายใต้การคุกคามจากโครงการพัฒนา และมีการใช้ที่ดินเพื่อการก่อสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ กระทรวงจึงกำลังร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อสงวนพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกพืช เพื่อปกป้องยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านอาหารของรัฐบาล และช่วยให้มีการผลิตทางการเกษตรที่ยั่งยืน กระทรวงหวังที่จะจัดสรรพื้นที่ปลูกข้าว 2 ล้านเฮกตาร์ โดยมีพื้นที่ว่างในปัจจุบันอยู่ที่ 700,000 เฮกตาร์ และอีก 1 ล้านเฮกตาร์สำหรับการเพาะปลูกพืชอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีการปลูกข้าว 700,000 เฮกตาร์ นอกจากนี้ กระทรวงยังต้องการให้มีที่ดิน 700,000 เฮกตาร์สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ โดยปัจจุบันใช้พื้นที่เพียง 100,000 เฮกตาร์ อีกเป้าหมายหนึ่งคือให้ปลูกผลไม้บนพื้นที่ 800,000 เฮกตาร์ โดยปัจจุบันมีไม้ผลที่ปลูกบนพื้นที่ 600,000 เฮกตาร์ ทั้งนี้กระทรวงจะเน้นการผลิตอาหารที่เพิ่มขึ้น เพื่อลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็น และช่วยควบคุมราคาอาหารที่สูงขึ้น

 

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Govt119.php

โอกาสผลผลิตทางการเกษตร ‘เวียดนาม’ ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งในตลาดโลก

ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกผลผลิตทางการเกษตรเติบโตเป็นบวกอย่างต่อเนื่องและหวังว่าจะไปในทิศทางที่เป็นบวกต่อไป มูลค่าการส่งออกของภาคการเกษตร ป่าไม้และประมงอยู่ที่ 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ ตามรายงานของสมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) เปิดเผยว่าการส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังตลาดสหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคต และเมื่อปี 2564 เวียดนามมีโควตาไม่เกิน 80,000 ตัน ยกเว้นภาษีนำเข้าให้เวียดนามภายใต้ความตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) โดยการส่งออกสินค้าประเภทข้าว กาแฟ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยางพาราและผัก ไปยังตลาดอียูจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ นอกจากนี้ นายฝุ่ง ดึ๊ก เตี่ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนาม กล่าวว่าภาคการเกษตรเล็งเห็นโอกาสทางการส่งออกไปยังจีนและแสวงหาตลาดใหม่ดเผยว่าการส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังตลาดยุ างการเกของเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/chances-for-vietnam-farm-produce-to-strengthen-position-in-global-market-insiders/223258.vnp

 

กระทรวงเกษตรกัมพูชา คาดส่งออกประมงเติบโตปีหน้า

กระทรวงเกษตรคาดว่าการส่งออกสินค้าประมงของกัมพูชาจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกปลาไปยังประเทศจีนที่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้านรองอธิบดีกรมประมง กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง กล่าวเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ว่าปัจจุบันการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงสดและแปรรูปไปยังตลาดต่างประเทศมีปริมาณรวมกว่า 3,320 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 4.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมองว่าการส่งออกประมงยังไม่แพร่หลายมากนัก รวมถึงตลาดส่งออกยังมีเพียงแค่ประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และสิงคโปร์เท่านั้น โดยรัฐบาลได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ของกรมประมง ซึ่งหวังว่าปีหน้าจะเพิ่มการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศให้สอดรับกับความต้องการ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50989604/ministry-of-agriculture-expects-fishery-exports-to-increase-significantly-next-year/