Archives

กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่าเวียดนามได้ตั้งเป้าที่จะส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในปี 2568 อยู่ที่ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องสร้างรายได้ประมาณ 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ จากตัวเลขสถิติการค้าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อยู่ที่ 346,000 ตัน ลดลง 2.7% สร้างรายได้กว่า 2.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.4% โดยมูลค่าการส่งออกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากราคาส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยชดเชยปริมาณการส่งออกที่หดตัวลง ในขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรก อยู่ที่ 6,805 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยผู้นำเข้ารายใหญ่ของเวียดนาม ได้แก่ จีน สหรัฐฯ และเนเธอแลนด์ คิดเป็นสัดส่วน 22% 21.6% และ 8.4% ตามลำดับ ด้วยเหตุนี้ กระทรวงฯ เร่งให้มีการเจาะตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการสูง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-targets-45-billion-usd-in-cashew-exports-for-2025-post322708.vnp

Cambodia Airport Investment Co., Ltd. (CAIC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Overseas Cambodian Investment Corporation (OCIC) ได้เลือก Cambodia Airports ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ VINCI Airports ให้เป็นผู้ดำเนินการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของกรุงพนมเปญ โดย Cambodia Airports จะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานที่สนามบินขนาดใหญ่แห่งนี้ ซึ่งมีอาคารผู้โดยสารครอบคลุมพื้นที่กว่า 240,000 ตารางเมตร ซึ่งขอบเขตการดำเนินงานของผู้บริหารยังรวมถึงการพัฒนาบริการด้านการบิน เพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อของกัมพูชา โดยเฉพาะการดึงดูดสายการบินใหม่ ๆ และเปิดเส้นทางบินใหม่ ๆ สำหรับผลงานในอดีต Cambodia Airports ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในการพัฒนาสนามบินให้มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 20 เท่า จาก 300,000 คนในปี 1995 เพิ่มขึ้นเป็น 6 ล้านคนในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501716409/cambodia-airports-named-operator-of-new-techo-international-airport/

ภาคเอกชนกัมพูชาได้เริ่มระดมความพยายามเพื่อตอบสนองต่อการยืนยันอัตราภาษี 36% สำหรับการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยมีการจัดประชุมระดับสูงภายใต้กรอบ Government-Private Sector Forum (G-PSF) ในหัวข้อ “New US Tariff Impact and Export Competitiveness Measures” ซึ่งมี Kith Meng ประธานหอการค้ากัมพูชาเป็นประธาน ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมจาก 16 กลุ่มงานภาคเอกชน ผู้แทนจากองค์กรการค้าทั้งในและต่างประเทศ สมาคมธุรกิจ หอการค้าระหว่างประเทศ และผู้นำสำคัญจากสถาบันภาคเอกชนต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อหารือและประสานงานการตอบสนองของภาคเอกชนต่อผลกระทบจากภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในวงกว้าง เช่น การผลิตขนาดเบา, อุตสาหกรรมเกษตร, เครื่องนุ่งห่ม, รองเท้า, สินค้าเดินทาง, โลจิสติกส์ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501716428/private-sector-mobilises-efforts-to-respond-to-36-us-tariff/

บริษัทเวียดนามกำลังใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้าแทนที่สินค้าไทย หลังจากที่สินค้าไทยถูกแบน เนื่องจากข้อพิพาทชายแดนทางบก ซึ่งสำนักข่าวรายงานว่าทีมการตลาดจากแบรนด์ต่างๆ ของเวียดนามกำลังตั้งออฟฟิตในกรุงพนมเปญ เพื่อเจรจากับผู้ค้าปลีก ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแบรนด์เวียดนามได้เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอย่างมาก ตั้งแต่บิสกิต นม ช็อกโกแลต ไปจนถึงบะหมี่ แม้ว่าแบรนด์มาเลเซียจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วย แต่แบรนด์เวียดนามประสบความสำเร็จมากที่สุดในการเติมเต็มช่องว่างนี้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นม Dalat Milk ที่เข้ามาแทนที่ผลิตภัณฑ์ Dutch Mill ของไทย ด้านผู้ค้าปลีกรายหนึ่งระบุว่าการส่งมอบสินค้าอย่างทันท่วงทีจากแบรนด์เวียดนามช่วยให้ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในพนมเปญสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสินค้าไทยที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของการขายถึงร้อยละ 25

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501716415/vietnamese-brands-step-up-efforts-to-replace-thai-products/

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 กัมพูชามียอดการค้ารวมกับคู่ค้าหลัก 20 อันดับแรกสูงถึง 3.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 จากปีก่อน โดยการส่งออกของกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 สู่มูลค่ารวม 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 คิดเป็นมูลค่า 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 1.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านจีนยังคงเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าการค้ารวม 9.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 แม้การส่งออกไปยังจีนจะลดลงร้อยละ 7.9 แต่การนำเข้าจากจีนกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าร้อยละ 31.2 สู่มูลค่า 8.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าอันดับสอง มูลค่าการค้า 5.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 ซึ่งการส่งออกไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.6 และการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 ด้านเวียดนามอยู่ในอันดับสาม มีมูลค่าการค้า 4.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 และไทยมีการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 คิดเป็นมูลค่า 2.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนญี่ปุ่นอยู่ในอันดับห้าด้วยมูลค่าการค้า 1.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28.7

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501716434/cambodias-trade-with-top-20-partners-surpasses-30b-in-h1/