สหภาพยุโรปลดสิทธิพิเศษทางการค้ากัมพูชา

สหภาพยุโรปได้ลดผลประโยชน์ทางการค้ากัมพูชาอย่างเป็นทางการในบันทึกสิทธิมนุษยชนของราชอาณาจักร โดยสหภาพยุโรปกล่าวว่าจะระงับการตั้งค่าปลอดภาษีบางส่วนภายใต้ข้อตกลง “Everything But Arms” (EBA) เป็นโครงการที่จะช่วยกระตุ้นการค้าในประเทศเศรษฐกิจที่ยากจน ซึ่งสหภาพยุโรปกำลังดำเนินการตามคำแนะนำของคณะกรรมาธิการยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของคนงานในกัมพูชาลดน้อยลง อย่างไรก็ตามการตัดสินใจครั้งนี้เป็นเพียงบางส่วนโดยทำการถอนสิทธิพิเศษทางการค้าประมาณ 20% หรือหนึ่งพันล้านยูโร (1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) จากการส่งออกของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรปในทุกปี โดยกัมพูชารับมือด้วยการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศอื่นแทน ซึ่งกัมพูชาเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปรายใหญ่อันดับหกของสหภาพยุโรปและเป็นประเทศส่งออกสินค้าเสื้อผ้าและสิ่งทอมูลค่ากว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐสู่สหภาพยุโรปในปี 2561

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50696924/eu-finally-slashes-cambodia-trade-benefits-over-rights-violations

เตือนผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชา

กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินได้เตือนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจะถูกทำการดำเนินคดี นอกจากนี้ยังแจ้งเตือนผู้คนถึงความเป็นไปได้ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์จากโครงการที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยข้อมูลที่จำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบเช่น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ดินที่ออกโดยกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน ใบอนุญาตก่อสร้างออกโดยกระทรวงการบริหารที่ดินการวางผังเมืองและการก่อสร้างเป็นต้น ซึ่งรัฐบาลได้ตัดสินใจยกเว้นภาษีตราประทับ 4% สำหรับทรัพย์สินที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่มีมูลค่าน้อยกว่า 70,000 เหรียญสหรัฐจนถึงเดือนมกราคมเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างท่ามกลางความหวาดกลัวการแพร่ระบาดของ COVID-19 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Novel Coronavirus โดยการลดหย่อนภาษีนี้ใช้ได้กับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนที่กระทรวงการคลังและนโยบายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางสามารถซื้อบ้านได้ ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องการให้ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยพิจารณาความเป็นไปได้ในการลดราคาบ้านด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50696935/warning-to-kingdoms-property-buyers

เวียดนามขาดดุลการค้า 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 เดือนแรก

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามขาดดุลการค้าราว 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาคเศรษฐกิจในประเทศขาดดุลการค้าอยู่ที่ 3.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ภาคการลงทุนจากต่างชาติ (รวมถึงน้ำมันดิบ) เกินดุลการค้าอยู่ที่ 3.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  สำหรับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ มูลค่าการส่งออกรวมอยู่ที่ 36.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งบางส่วนมาจากการส่งออกสมาร์ทโฟนซัมซุง S20 ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน มีมูลค่าอยู่ที่ 6.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 ตามมาด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เครื่องจักรและรองเท้า เป็นต้น ในขณะเดียวกัน สินค้ารายการอื่นๆที่มีมูลค่าการส่งออกลดลง ได้แก่ อาหารทะเลมีมูลค่า 921 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 17.7 ตามมาด้วยกาแฟ ผักผลไม้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์และเม็ดพริกไทย เป็นต้น สหรัฐฯยังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-posts-trade-deficit-of-176-million-usd-in-two-months-410757.vov

สนง.สถิติเวียดนาม เผย CPI เดือนก.พ. ลดลง 0.17%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงร้อยละ 0.14 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว เนื่องมาจากความต้องการสินค้าลดลง หลังจากช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ (เต็ด), ราคาน้ำมันที่ลดลง และการระบาดของไวรัสโควิด-19 จากการแพร่ระบาดไวรัสดังกล่าวส่งผลให้กิจกรรมของภาคการท่องเที่ยวและเทศกาลลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจโรงแรมและบริการด้านความบันเทิง ซึ่งกลุ่มสินค้าและบริการ 11 รายการที่อยู่ในตะกร้าสินค้า โดยมีสินค้า 6 รายการที่ราคาลดลงทำสถิติ ได้แก่ บริการขนส่ง (2.5%), การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, เครื่องดื่มและบุหรี่, เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า, วัสดุที่อยู่อาศัยและบริการโทรคมนาคมและไปรษณีย์ ขณะเดียวกัน กลุ่มสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ บริการจัดงานเลี้ยง (0.26%), สินค้าและบริการอื่นๆ, แพทยศาสตร์และบริการทางการแพทย์, เครื่องใช้ในครัวเรือนและการศึกษา ทั้งนี้ ราคาทองคำในเดือน ก.พ. เคลื่อนไหวตามราคาทองคำโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.74 จากเดือน ม.ค. ที่แตะระดับราว 4.45 ล้านดองต่อตำลึง สาเหตุมาจากนักลงทุนย้ายเงินทุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะผลกระทบที่ไวรัสโควิด-19 มีผลต่อเศรษฐกิจ สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราดองต่อดอลลาร์สหรัฐ ยังคงอยู่ในระดับคงที่ อยู่ที่ 23,300 ดอง/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.17 จากเดือน ม.ค.

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/february-cpi-falls-by-017-percent-410755.vov

เมียนมาขาดดุลการค้ากว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ระบุเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีงบประมาณ 62-63 เมียนมาขาดดุลการค้า 1.012 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 40. 795 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีการส่งออกมีจำนวน 6,661 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 1,053 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 7.774 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 1,094 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เวลานี้ของปีที่แล้วการขาดดุลการค้าพุ่งแตะระดับ 971.805 ล้านดอลลาร์สหรัฐ.เมียนมากำลังใช้ยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติเพื่อส่งเสริมภาคการส่งออก เพื่อลดการขาดดุลการค้า ซึ่งประเทศไม่สามารถลดการนำเข้าสินค้าจำเป็น ในทางปฏิบัติความพยายามลดการขาดดุลการค้าประสบปัญหาบางอย่าง การบริโภคในท้องถิ่นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/trade-deficit-hits-over-one-billion-usd

ลดภาษี-แจกเงิน ยาแรงพยุงศก.

กูรูแนะรัฐออกมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กระตุ้นกำลังซื้อคนชั้นกลาง ฉีดเงินผ่านชิม ช้อป ใช้-บัตรผู้มีรายได้น้อย สัญญาณเศรษฐกิจเดือนมกราคม 2563 อยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง การลงทุนภาคเอกชนหดตัวโดยอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศชะลอตัว ด้านการใช้จ่ายภาครัฐทั้งรายจ่ายประจำและลงทุนหดตัว ส่วนการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงตาม และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาคธุรกิจและนักเศรษฐศาสตร์เห็นพ้องเสนอรัฐบาลออกมาตรการชุดใหญ่เพื่อประคองเศรษฐกิจภายใน ท่ามกลางปัจจัยลบและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ตีวงกว้างฉุดกำลังซื้อ นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เสนอให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการคงภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ไว้ที่ 7% นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เห็นด้วยหากจะลดภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน และเพื่อให้ภาคธุรกิจเฉพาะอย่างยิ่งเอสเอ็มอี และลูกจ้างได้มีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้น กระทรวงแรงงานควรยกเว้นให้นายจ้างและลูกจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเป็นเวลา 6 เดือน นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า การลดภาษีมูลค่าเพิ่มลง 2% จาก 7% เหลือ 5% นั้น อาจจะเป็นหนึ่งในทางเลือกซึ่งทางการต้องพิจารณาในหลายมิติ ลงนั้น หากเป็นมาตรการชั่วคราวเมื่อถึงตอนครบกำหนดจะปรับขึ้นจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจแย่ลง เพราะประชาชนจะกักตุนสินค้า แนวทางแจกเงินผ่านกลไกกองทุนหมู่บ้านฯ นั้น ส่วนตัวก็เห็นด้วย เพราะประชาชนในชนบทและเกษตรกรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ประเด็นทุกวันนี้มาจากธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบและเริ่มขยายวงธุรกิจอื่นในวงกว้างขึ้น เรื่อยๆ ทั้งค้าปลีก ขนส่ง โรงแรม โดยเฉพาะแรงงานที่อยู่ในกลุ่มนี้จึงต้องหาทางช่วยให้ตรงจุดและคิดหาวิธีเยียวยาชั่วคราวเพื่อประคองกันไปด้วย นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักวิเคราะห์ตลาดการเงินและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ฯ กล่าวว่า ตอนนี้นโยบายต้องหาเงินเข้ากระเป๋าประชาชนไม่ใช่หาเงินเข้ากระเป๋านายทุน โดยเฉพาะต้องหาทางว่าทำอย่างไรให้คนมีรายได้เข้ามา เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากพิจารณาปรับลดลงจะเอื้อให้คนระดับกลาง-บนสามารถจับจ่ายใช้สอย ช่วยให้คนมั่นใจสามารถใช้จ่ายซึ่งเป็นการหมุนรอบเศรษฐกิจ นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เสนอให้ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นมาตรการระยะสั้นในปีนี้ เพราะเวลานี้คนขาดความเชื่อมั่นและไม่กล้าจ่าย แต่เมื่อสถานการณ์ไวรัสคลี่คลายชัดเจนคนจะเริ่มออกมาใช้จ่าย ซึ่งเห็นได้จากหลายประเทศใช้วิธีออกมาตรการกระตุ้น เช่น ฮ่องกงและสิงคโปร์ใช้วิธีแจกเงินเช่นกัน แต่วงเงินอาจจะไม่เหมาะกับเมืองไทยแต่ก็มีหลายมาตรการที่จะนำมาใช้ได้ ส่วนกรณีแจกเงินผ่านกองทุนหมู่บ้านฯ หากจะเพิ่มให้มีการสร้างงานในพื้นที่ควบคู่ไปด้วยก็จะดี

ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/money_market/423159?utm_source=homepage_hilight&utm_medium=internal_referral

เจาะตลาดเวียดนาม 5 ช่องทางการขายที่คุณต้องรู้

โดย IH DIGITAL

เวียดนามถือว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ด้วยประชากรกว่า 90 ล้านคนและส่วนใหญ่ก็เป็นหนุ่มสาววัยทำงานที่กำลังช่วยพัฒนาประเทศ แน่นอนว่าด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจ ย่อมทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของชาวเวียดนามเพิ่มมากขึ้นและต้องมีนักลงทุนที่อยากไปเจาะตลาดเวียดนาม ทั้ง 5 ช่องทางนี้ เหมาะกับผู้ประกอบการ ดังนี้

  1. ใช้ผู้แทน/ตัวแทนจำหน่าย เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้ที่มีประสบการส่งออกน้อย ควรเลือกใช้ตัวแทนจำหน่าย (Distributor)
  2. เปิดร้านค้าใน E-Commerce เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการขายของออนไลน์เป็นอย่างดี เว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมในเวียดนาม ได้แก่ Lazada, Shopee, TIKI, LOTTE, Sendo.VN
  3. เปิดร้านค้าผ่าน Social Media คล้ายกันกับข้อที่ 2 – ผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังไม่เชี่ยวชาญในด้าน E-Commerce สามารถขายได้บนช่องทาง Social Media โดยแพลทฟอร์มที่ได้รับความนิยมในเวียดนามคือ FACEBOOK และ Instagram
  4. การส่งออก สำหรับบริษัทขนาดใหญ่หรือผู้ที่มีประสบการณ์การส่งออกสูง
  5. ก่อตั้งบริษัทการค้า เหมาะสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีภาพลักษณ์ของแบรนด์มั่งคงและน่าเชี่อถือในตลาดเวียดนาม

แต่อย่างไรก็ตาม แผนการตลาดเป็นปัจจัยสำคัญมาก ผู้ประกอบการอาจเลือกการโปรโมทสินค้าด้วยการแจก หรือให้ส่วนลดพิเศษต่าง ๆ ที่ดูฮาร์ดเซลส์ เมื่อเข้าสู่ตลาดเวียดนามในระยะแรก ส่วนในระยะยาวอาจใช้โฆษณา ป้ายประกาศ หรือช่องทางออนไลน์เพื่อให้คนเวียดนามจดจำตัวสินค้าและซื้อมาบริโภค  “สิ่งที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะพลาดคือไม่ได้จัดเตรียมงบประมาณสำหรับแผนการตลาด”

ที่มา : https://www.ihdigital.co.th/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1-5-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97/

ภาคเกษตร ป่าไม้และประมง เกินดุลการค้า ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้

ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ภาคเกษตร ประมงและประมงเวียดนาม มียอดเกินดุลการค้ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงอยู่ที่ 5.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.8 ขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงอยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตลาดส่งออกสินค้าเกษตร ป่าและประมงรายใหญ่ของเวียดนาม คือ จีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและอาเซียน ทั้งนี้ ทางกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) ระบุว่าได้ทำการประสานงานกับหนวยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการค้าในตลาดใหม่และกระตุ้นยอดขายในประเทศ ขณะเดียวกัน คาดว่ายอดส่งออกสินค้าดังกล่าวในปี 2563 อยู่ที่ 41.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าภาคการเกษตร ป่าไม้และประมง ขยายตัวร้อยละ 2.01 ในปี 2562

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/agro-forestry-fishery-sector-runs-trade-surplus-in-two-months/169295.vnp

การลงทุนจากต่างชาติลดลง 23.6% ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่ายอดการลงทุนจากต่างชาติลดลงร้อยละ 23.6 ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 6.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการลงทุนจากต่างชาติมีการเบิกจ่ายเงินทุน 2.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5 โดยโครงการใหม่มีจำนวน 500 โครงการที่จดทะเบียน ด้วยมูลค่าจดทะเบียนรวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีที่แล้ว ทั้งนี้ โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนมีจำนวนอยู่ 151 โครงการ ด้วยเงินทุน 638.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นในธุรกิจเวียดนามอยู่ที่ 827.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญร้อยละ 84 ซึ่งภาคการผลิตพลังงานมีการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด รองลงมาภาคการแปรรูปและการผลิต ค้าส่งค้าปลีก และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุด รองลงมาจีน และเกาหลีใต้ เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/foreign-investment-falls-23-6-percent-in-first-two-months/169297.vnp