พาณิชย์ เร่งหารือจีน ดันตลาดกลางผลไม้

อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ จะดำเนินการเชื่อมโยงตลาดกลางสินค้าเกษตรที่จำหน่ายผลไม้ในความส่งเสริมของกรมฯ กับตลาดกลางผลไม้ของจีน เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลไม้ไทยเข้าสู่ตลาดจีน ซึ่งเป็นการดำเนินการล่วงหน้ารองรับผลไม้ที่กำลังจะออกสู่ตลาด ทั้งลิ้นจี่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลำไย เป็นต้น การเชื่อมโยงตลาดกลางผลไม้ของไทยกับตลาดผลไม้ของจีน จะช่วยให้ผลไม้ไทยมีโอกาสในการส่งออกไปยังจีนได้เพิ่มขึ้น เพราะตลาดที่อยู่ในความส่งเสริมในปัจจุบันประมาณ 20 แห่ง ทั้งนี้กรมฯ มีแผนจะผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์จัดชั้นคุณภาพสินค้าเกษตร (AGQC) จะให้บริการในด้านต่างๆ เช่น การคัดแยกคุณภาพสินค้า การตรวจสอบสารพิษสารตกค้าง การตรวจสอบโรคพืชและแมลง การบรรจุหีบห่อ และการเก็บรักษาคุณภาพสินค้า สำหรับผลไม้ที่ผ่านการตรวจสอบจากศูนย์ฯ จะได้รับตรา AGQCไปติดไว้ ทำให้ผู้ซื้อเชื่อมั่นได้ว่าเป็นผลไม้ที่ดี มีคุณภาพและไม่ต้องมีการตรวจสอบคุณภาพซ้ำอีกเมื่อสินค้าไปถึงปลายทางลดปัญหาผลไม้ช้ำเสียหาย เพราะเป็นสินค้าที่มีเงื่อนไขเรื่องเวลา การเก็บรักษา ส่วนมาตรการดูแลดูแลผลไม้ในภาพรวม กรมฯ ได้เตรียมมาตรการรับมือไว้แล้ว เช่น การดึงผู้ประกอบการและโรงงานมาทำสัญญาซื้อขายกับเกษตรกร การระบายผลไม้ผ่านห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า และร้านธงฟ้า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคและจำหน่ายผลไม้ การเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการที่รับซื้อผลไม้ การดูแลโรงคัดและบรรจุผลไม้ (ล้ง) ให้รับซื้อเป็นธรรม เป็นต้น

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/862551?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic

สปป.ลาวเร่งการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

เมื่อวันที่ 19 ม.ค.มีการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาและความคืบหน้าในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำลังพยายามใช้ความรู้ทางปัญญาประดิษฐ์ในการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อมาช่วยพัฒนาด้านการผลิตให้สปป.ลาวสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศโดยปัจจุบันรัฐบาลสปป.ลาวได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรด้านทรัพย์สินทางปัญญาและการใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากระทรวงได้ร่วมมือกับองค์กรระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศเพื่อช่วยเหลือด้านการระดมทุนและการแลกเปลี่ยนบุคลากรในสาขานี้ซึ่งบางส่วนได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการประดิษฐ์และนวัตกรรมของญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติห้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาของประเทศในปีนี้กลยุทธ์ของกระทรวงจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความคิดทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพื้นที่ชนบทเพื่อสร้างรากฐานที่ดีในการพัฒนาด้านนี้ต่อไปอย่างยั่งยืน

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/ministry-pursues-technological-development-112280

สปป.ลาวกำลังเผชิญกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งสัญญาณเตือว่ารัสปป.ลาวจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อควบคุมราคาสินค้าและบริการเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นต่อไป โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.5.34% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ซึ่งประมาณ 10% ทั้งนี้เพื่อรักษาเศรษฐกิจที่ดีรัฐบาลจำเป็นต้องชะลออัตราเงินเฟ้อเพื่อให้น้อยกว่าการเติบโตของ GDP ซึ่งคาดว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 6.5 ในปีนี้ ณ ขณะนี้รัฐบาลได้กำลังพยายามรักษาเสถียรภาพของค่าคิปและเพิ่มผลผลิตเพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ เพราะหากอัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อทั้งหารบริโภคในประเทศและด้านการค้าที่สามารถแข่งขันได้น้อยลงด้วย ส่งผลต่อการเติบโตของGDP โดยตรง

ที่มา http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos.php

กระทรวงปรับราคาเนื้อหมูท่ามกลางราคาตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์จะกำหนดราคาใหม่อย่างเป็นทางการสำหรับเนื้อหมูที่ขายทั่วประเทศหลังจากผู้ขายไม่สามารถขายในราคาที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 36,000 kip ต่อกิโลกรัม โดยสาเหตุที่เนื้อหมูแพงเนื่องจากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีหมูจำนวนมากเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส สิ่งนี้ทำให้เกิดการขาดแคลนหมูซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาเนื้อหมูพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการที่ราคาเนื้อปรับตัสสูงขึ้นส่งผลโดยตรงต่อผู้บริโภคเพราะพึ่งพาเนื้อหมูเป็นวัตถุดิบหลักทุกวัน รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆก็ต้องปรับราคาอาหารขึ้นทำให้ยอดลูกค้ามีน้อยลงไปจากเดิม อย่างไรก็ดีรัฐบาลจะทำการทบทวนการกำหนดราคาเนื้อหมูใหม่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อผู้บริโภคและผู้ค้า

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/ministry-adjust-cost-pork-amid-escalating-market-price-112283

ไทยมอบเงิน 1.38 พันล้านบาทให้กับลาวเพื่อสร้างสะพานใหม่

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 63ได้มีการลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนสำหรับส้รางสะพานข้ามแม่น้ำโขงซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.38 พันล้านบาท โดยจะเชื่อมระหว่างจังหวัดบึงกาฬในประเทศไทยและปากซันในแขวงบอลิคำไซ การลงนามดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากทั้ง 2 ประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคเพื่อช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยเชื่อว่าสะพานนี้จะเป็นเส้นทางเชื่อมโยงการคมนาคมที่สำคัญและช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างสปป.ลาวไทยและเวียดนามในอนาคตจะนำมาซึ่งการเติบด้านการค้า การท่องเที่ยวส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นดังกล่าวและในอีกแง่หนึ่งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย  

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/thailand-provides-138-billion-baht-laos-construction-new-bridge-112282