Elon Musk ให้ความสนใจกัมพูชาเป็นจุดหมายการลงทุน

SpaceX และ Starlink บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่สองแห่งที่ก่อตั้งโดย Elon Musk แสดงความสนใจในการปรับปรุงบริการดิจิทัลสมัยใหม่ในกัมพูชา หลังคณะผู้แทนนำโดย Rebecca Hunter ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ SpaceX และ Starlink ได้เข้าพบกับ Chea Ratha รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (MoC) และหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนในกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการลงทุนที่มีศักยภาพในการให้บริการสาธารณะ โดยเน้นไปที่การปรับปรุงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของกระทรวง ด้าน Hun Manet พร้อมตอบสนองต่อความต้องการลงทุนของ SpaceX และ Starlink ในการขยายการลงทุนและส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับรัฐบาลกัมพูชา และย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาภาคเทคโนโลยีให้ทันกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501644060/elon-musk-cos-eye-cambodia-as-top-investment-destination/

ความคืบหน้าการเตรียมการโรงงานผลิตน้ำมันรำข้าวใน ปาวตี่ และ เมียวมยา

สหพันธ์ข้าวเมียนมารายงานว่า โรงงานผลิตน้ำมันรำข้าวและน้ำมันปรุงอาหาร แห่งแรกของเมียนมามีแผนจะสร้างขึ้นที่เมืองปาวตี่ และเมืองเมียวมยา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นำโดย MRF ซึ่งเริ่มต้นโครงการโรงงานผลิตน้ำมันรำข้าวและน้ำมันปรุงอาหารแห่งแรกของเมียนมาที่โรงสีข้าว MAPCO ในเมืองเนปิดอว์ อำเภอปยีน มานา “โรงงานผลิตน้ำมันรำข้าวในเนปิดอว์กำลังจะสร้างเสร็จและเหลือเพียงงานตรวจสอบเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีแผนสร้างโรงงานอื่นๆ ในเมืองปาวตี่และเมืองเมียวมยา และได้ยินมาว่ามีแผนจะ สร้างโรงงานที่คล้ายกันในย่างกุ้งด้วย” ตามแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ MRF โรงงานในเนปิดอว์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 9,000 ตันและน้ำมันปรุงอาหาร 6,300 ตัน รวมเป็นประมาณ 15,300 ตันต่อปี โดยมีแผนที่จะสร้างโรงงานทั้งหมด 10 แห่งในภูมิภาคอิรวดี ย่างกุ้ง และพะโค รวมถึงเนปิดอว์ในอนาคต ผลผลิตของพืชเหล่านี้จะขายในตลาดภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศในยุโรป หากมีส่วนเกิน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rice-ban-oil-and-cooking-oil-factories-under-preparation-in-paungde-and-myaungmya/

สมาคมเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเมียนมาเรียกร้องให้มีการปรับปรุงขั้นตอนการส่งออก

สมาคมเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเมียนมา (MWBFA) ได้เรียกร้องให้ผ่อนปรนขั้นตอนการส่งออกเฟอร์นิเจอร์และพื้นไม้มูลค่าเพิ่มที่ผลิตในประเทศซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่า 500 เหรียญสหรัฐฯ ไปยังกรมป่าไม้ นายออง จอ โม รองประธานสมาคมกล่าว “MWBFA เรียกร้องให้ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากของกรมป่าไม้ลง เพื่อจะได้ไม่ต้องขอใบอนุญาตจากกรมที่เกี่ยวข้อง หากเฟอร์นิเจอร์ เช่น เก้าอี้ โต๊ะ มีมูลค่าต่ำกว่า 500 เหรียญสหรัฐ เราส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไม้สักคุณภาพสูงเป็นหลัก รวมถึงพื้นไม้ปาร์เก้ที่ใช้แทนไม้ปาร์เก้ พื้นไม้ปาร์เก้ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ไม้สน และไม้ยางพารา” เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกปี เมียนมาส่งออกเฟอร์นิเจอร์และพื้นไม้มูลค่าเพิ่มไปยังอินเดีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ในประเทศจัดหาแหล่งวัตถุดิบรวมทั้งไม้สักผ่านการประมูลของบริษัท Myanma Timber Enterprise นอกจากนี้ MWBFA ยังจัดทำข้อตกลงการขายไม้กับบริษัท Myanma Timber Enterprise โดยบริษัทของรัฐมีสิทธิ์ตามกฎหมายในการขายผลิตภัณฑ์ไม้มูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์ที่ผลิตโดย MWBFA โดยติดโลโก้ MTE บริษัทจะขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต่อให้กับแผนก โรงแรม หรือผู้ซื้อในประเทศ

ที่มา : https://www.mdn.gov.mm/en/mwbfa-urges-streamlined-export-procedures

‘ผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม’ มุ่งขยายการส่งออก

จากข้อมูลของตัวแทนบริษัท Thaco Group ระบุว่าทางบริษัทประสบความสำเร็จในการส่งออกอย่างมาก รวมถึงรถบรรทุก Kia Frontier K2500 จำนวน 120 คัน ไปยังตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่ขึ้นชื่อในเรื่องมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวด นอกจากนี้ ยังได้จัดส่ง Kia New Carnival จำนวน 400 คันไปยังอินเดีย และรถจักรยานยนต์ Peugeot Django 150cc จำนวน 45 คันถูกส่งไปยังกัมพูชา ในขณะที่บริษัท VinFast ยังคงเดินหน้าขยายการดำเนินธุรกิจ โดยมีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่น VF3 แบบพวงมาลัยขวาในอินโดนีเซียและตลาดอื่นๆ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ มองว่าการส่งออกรถยนต์ไม่เพียงแต่เป็นผลประโยชน์ต่อธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการส่งเสริมเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมอย่างมาก ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาคุณภาพรถยนต์ในประเทศ และปรับต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับเหมาะสม

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-auto-manufacturers-look-to-boost-exports-2373829.html

‘เซมิคอนดักเตอร์’ หนุนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม

สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเวียดนาม ปี 2567 มีมูลค่า 38.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ พลังงาน และการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน นายโทมัส รูนีย์ (Thomas Rooney) รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารอุตสาหกรรมของบริษัท Savills Hanoi กล่าวว่าเวียดนามกำลังก้าวขึ้นมาเป็นจุดหมายปลางทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เนื่องจากเวียดนามมีข้อได้เปรียบทำเลที่ตั้งในห่วงโซ่อุปทานโลก รวมถึงการลงทุนในโครงการเทคโนโลยีขั้นสูง และจัดตั้งศูนย์วิจัย ผลักดันโครงสร้างพื้นฐานและโรงงานต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เวียดนามยังมีแรงงานจำนวนมาก นนโยบายที่สนับสนุนโครงการเทคโนโลยีขั้นสูง และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดของนักลงทุนต่างชาติ และผลักดันให้เวียดนามเป็นศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงอีกด้วย

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/hi-tech-semiconductor-sectors-promote-vn-s-industrial-property-development-2372091.html

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าปี 68 ยอดส่งออกยางพารา แตะ 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สมาคมยางเวียดนาม (VRA) คาดการณ์ว่าการส่งออกยางพาราของเวียดนาม อยู่ที่ราว 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 อัตราการเติบโต 10% ต่อปี โดยราคายางพาราในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการยางพารามีรายได้และกำไรเติบโตไปในทิศทางเป็นบวก

ทั้งนี้ เวียดนามส่งออกยางพาราในเดือนมกราคม อยู่ที่ประมาณ 180,000 ตัน ลดลง 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) มูลค่า 341 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.6%YoY ในขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1,892 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 34%YoY

นอกจากนี้ ตามข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าในปี 2567 เวียดนามส่งออกยางพาราประมาณ 2 ล้านตัน มูลค่า 3.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าตัวเลขทางสถิติที่ทำไว้ในปี 2565 ที่อยู่ระดับ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-rubber-export-expected-to-hit-11-billion-usd-in-2025-2372936.html

‘เวียดนาม’ ส่งออกทุเรียน ดิ่งลง 80%

กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าการส่งออกทุเรียนของเวียดนามไปยังตลาดจีน ลดลง 80% ในช่วงครึ่งแรกของเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ด้วยปริมาณการส่งออกเพียง 3,500 ตัน ส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออกผักและผลไม้รวมของเวียดนาม โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้การส่งออกลดลง เนื่องมาจากมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจสอบสารปนเปื้อน “Basic Yellow 2” ของทุเรียนที่มีการนำเข้า ซึ่งความเข้มงวดในการตรวจสอบดังกล่าว สำหรับการขนส่งทุเรียน จำเป็นที่จะต้องได้การรับรองจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ทำให้ขั้นตอนการส่งออกมีความล่าช้าอย่างมาก และเกิดความแออัดที่ประตูชายแดน ผู้ค้าบางรายหันไปส่งออกในตลาดมืด แต่แนวทางนี้ไม่ยั่งยืน สำหรับอุตสาหกรรมทุเรียนของเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-durian-exports-to-china-plummet-by-80-2373158.html