‘ชาวเวียดนาม’ โดนโกงออนไลน์ สูญเงินกว่า 12.24 ล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนาม (MIC) รายงานว่าคดีฉ้อโกงออนไลน์ มีจำนวนทั้งสิ้น 17,500 คดี โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวเวียดนาม มีมูลค่าการสูญเสียเงินจากการฉ้อโกงมากกว่า 300 พันล้านด่อง หรือประมาณ 12.24 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ จากการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันการฉ้อโกงและการรับมือกับอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ พบว่าการฉ้อโกงทางไซเบอร์มีความซับซ้อนในเมื่อไม่นาน ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อองค์กรและบุคคลทั่วไป จึงจำเป็นที่จะต้องหาแนวทาการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาชญากรทางไซเบอร์ได้เปลี่ยนวิธีการและยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง หันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการโจมดี แทรกซึมและฉ้อโกงในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสังคม และสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655485/vietnamese-users-report-losses-of-more-than-12-24-million-due-to-online-fraud.html

‘เวียดนาม’ ยอดขายคอนโดเทล ไตรมาส 1 ต่ำสุดในรอบ 6 ปี

ตามรายงานของ DKRA Group บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าโครงการคอนโดเทล 90% ไม่มียอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่คอนโดเทลที่เปิดขายอยู่มีจำนวน 4,800 ยูนิต แต่มีเพียง 64 ยูนิตที่ขายได้ คิดเป็นสัดส่วน 1.3% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด ถึงแม้ว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเสนอโปรโมชั่น แต่ก็ไม่สามารถที่จะดึงดูดลูกค้าได้ สาเหตุสำคัญมาจากราคาขายสูง ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านด่อง (6,000 เหรียญสหรัฐ) ต่อตารางเมตร

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ไม่แน่ใจว่าจะลดราคา เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในโครงการระดับไฮเอนที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าฐานะร่ำรวย และเมื่อคาดการณ์จะพบว่าตลาดคอนโดเทลอาจต้องใช้ระยะเวลา 5-7 ปี ในการฟื้นตัว ทั้งจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655491/condotel-sales-at-their-lowest-level-in-six-years-in-q1.html

รัฐบาล สปป.ลาว จัดให้คำปรึกษาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยคาร์บอนเครดิต

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (MoNRE) สปป.ลาว สถาบันการเติบโตสีเขียวระดับโลก (GGGI) และรัฐบาลออสเตรเลีย จัดการหารือร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยคาร์บอนเครดิตในประเทศลาว งานนี้เป็นการรวมตัวของผู้แทนพันธมิตรด้านการพัฒนา องค์กรพัฒนาเอกชน และหน่วยงานภาคเอกชนที่มีความสนใจในประโยชน์ของคาร์บอนเครดิตและตลาด เพื่อสนับสนุน สปป. ลาว ในการกำหนดการมีส่วนร่วมที่กำหนดในระดับชาติและความทะเยอทะยานด้านสภาพภูมิอากาศโลก รัฐบาล สปป.ลาว ได้ดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 เพื่อเตรียมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยคาร์บอนเครดิต ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีในการควบคุมการจัดการและการค้าในลาว GGGI ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่รัฐบาล สปป.ลาว ภายใต้โครงการสำหรับตลาดคาร์บอนแบบเปิดและยั่งยืน ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_90_Government_y24.php

อัตราอ้างอิงการขายส่งน้ำมันปาล์มของ YGN ทรงตัวเป็นเวลาสามสัปดาห์ติดต่อกัน

ตามการระบุของคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการนำเข้าและจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภค  ระบุว่าอัตราอ้างอิงราคาขายส่งน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งในสัปดาห์นี้ ตั้งไว้ที่ 5,220 จ๊าดต่อviss มีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้า โดยที่อัตราอ้างอิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาติดต่อกัน ด้านคณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันบริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคา FOB ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด โดยเพิ่มค่าขนส่ง ภาษี และบริการทางธนาคาร เพื่อกำหนดอัตราอ้างอิงตลาดค้าส่งสำหรับน้ำมันบริโภคเป็นรายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาน้ำมันปาล์มในตลาดจะสูงกว่าราคาอ้างอิง กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ยังคงควบคุมเรื่องของการขายสินค้าเกินราคาในตลาดเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนี้ กระทรวงกำลังทำงานร่วมกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันเมียนมา และบริษัทนำเข้าน้ำมันปรุงอาหาร เพื่อเพิ่มช่องทางการซื้อน้ำมันปาล์มนำเข้าในราคาที่ไม่แพงให้กับผู้บริโภคด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ygn-palm-oil-wholesale-reference-rate-flat-for-three-straight-weeks/#article-title

การส่งออกของกัมพูชาเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี

มูลค่าการส่งออกของกัมพูชาในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 8 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นการขยายตัวถึงร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของกัมพูชา รองลงมาคือเวียดนามและจีน โดยยอดการค้าระหว่างกัมพูชาและคู่ค้าทางการค้าทั้งหมด อยู่ที่ 16.67 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จากการมีอยู่ของความตกลงการค้าเสรีระหว่างกัมพูชา-จีน และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ช่วยส่งเสริมการเติบโตด้านการส่งออกของกัมพูชา อีกทั้งกัมพูชาได้ลงนามความตกลงการค้าเสรีกับจีน เกาหลีใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งคาดว่าช่วยส่งเสริมการส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ด้านนายกรัฐมนตรีกัมพูชาตั้งเป้าหมายที่จะเปลี่ยนกัมพูชาให้เป็นประเทศที่ส่งออกวัตถุดิบ พร้อมทั้งมีความสามารถในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างรายได้ให้กับภาคประชาชนต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501487228/cambodias-exports-rise-15-in-four-months/

บริษัทจีนสนใจเข้าลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตน้ำสะอาดในกัมพูชา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (MISTI) Hem Vanndy ได้หารือกับตัวแทนจากบริษัท Hainan Litree Purifying Technology Co., Ltd. ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 พ.ค.) เพื่อหารือเกี่ยวกับความสนใจของบริษัทที่จะขยายการลงทุนในภาคการประปาสะอาดของกัมพูชา โดย Hainan Litree Purifying Technology ถือเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเมมเบรน ซึ่งบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์บำบัดน้ำที่มีชื่อเสียงภายใต้แบรนด์ Litree โดยใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในระบบประปาของเมือง ในการนำน้ำเสียกลับมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม และเครื่องกรองน้ำดื่มภายในครัวเรือน ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เมมเบรน UF ของ Litree ถูกนำไปใช้ในหลายจังหวัดและเมืองของกัมพูชา ช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำดื่มได้กว่า 11,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดย Hainan Litree วางแผนที่จะลงทุนราว 50-100 ล้านดอลลาร์ ในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำประปาในกัมพูชาภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ด้านรัฐมนตรี Vanndy ยินดีที่บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายการลงทุนในระบบประปาของกัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ที่ขาดแคลนระบบประปาของรัฐหรือเอกชน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501487224/investment-boost-for-kingdoms-clean-water-sector/