กัมพูชาตั้งเป้าส่งออกข้าวสารแตะ 1 ล้านตัน ภายในปี 2025

สมาพันธ์ข้าวกัมพูชาตั้งเป้าส่งออกข้าวสารอย่างน้อย 1 ล้านตัน ภายในปี 2025 ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับตัวเลขการส่งออกในปี 2022 โดยภายในปี 2023 กัมพูชาตั้งเป้าที่จะส่งออกข้าวสารให้ได้ 750,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับการส่งออกในปี 2022 ที่ 637,004 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 414 ล้านดอลลาร์ รายงานโดย Chan Sokkheang ประธานสมาพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) นอกจากนี้ CRF ยังร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ผ่านโครงการ Green Trade เพื่อเข้าถึงตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ และขยายศักยภาพทางการตลาดด้วยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในโซนตะวันออกกลางและสหภาพยุโรป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501230991/cambodia-eyes-exporting-1-million-tons-milled-rice-by-2025/

เจรจา FTA ไทย-อียู จุรินทร์ทิ้งทวนก่อนเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารเข้าหารือกับนายวัลดิส โดมโบรฟสกิส (H.E. Mr. Valdis Dombrovskis) รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจและกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า หรือรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของสหภาพยุโรป ที่กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม เพื่อหารือประเด็นเปิดเจรจา FTA ไทย-อียู หากนับย้อนกลับไปการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (EU) ไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหม่ เพราะไทยได้เริ่มเจรจากับ EU มาแล้ว 4 รอบ นับตั้งแต่ปี 2557 ตามข้อมูลกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศระบุว่า สหภาพยุโรปเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย รองจากอาเซียน จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับอียู มีมูลค่า 41,038 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.87% สัดส่วนการค้าประมาณ 7% ของการค้ากับโลก และไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 22,794 ล้านเหรียญสหรัฐ (843,378 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 5.17% ซึ่งจากการที่ไทยปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบให้มีความทันสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน ส่งผลให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1191554

EIC คาดเศรษฐกิจ CLMV ปี’66 ขยายตัวแกร่ง แต่ต่ำกว่าศักยภาพก่อน COVID-19

SCB EIC คาดเศรษฐกิจ CLMV ในปี 2566 ขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตในช่วงก่อนการระบาด COVID-19 โดยมีอัตราการเติบโตที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงรายประเทศ โดยประเมินว่าในปีนี้กัมพูชาจะขยายตัวได้ 5.5% สปป.ลาวและเมียนมา 3.0% และเวียดนาม 6.2% อีกทั้ง เศรษฐกิจ CLMV ในปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวจากอุปสงค์ภายในประเทศและการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศมีปัจจัยบวกจากตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากการจ้างงานในเวียดนามในไตรมาส 4 ปี 2565 ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เกิดการระบาด COVID-19 ขณะเดียวกัน ภาคบริการจะได้อานิสงส์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีความสำคัญต่อ CLMV คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30-35% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดในปี 2562 โดยจีนอนุมัติให้กรุ๊ปทัวร์สามารถเดินทางมากัมพูชา และสปป.ลาวได้ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ และคาดว่าจะเพิ่มรายชื่อประเทศที่สามารถเดินทางมาได้เร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้กัมพูชาและเวียดนามจะได้รับผลประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวมากที่สุด เนื่องจากพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวสูงอยู่ที่ 18.2% และ 9.8% ต่อ GDP ตามลำดับ

ที่มา : https://thaipublica.org/2023/02/eic-expects-stronger-clmv-economic-growth-in-2023/

“เวียดนาม” พัฒนาเกษตรสีเขียว รับการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มมากขึ้น

เวียดนามให้ความสนใจที่จะพัฒนาเกษตรสีเขียว โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสหภาพยุโรป และจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ารายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงในปีที่แล้ว ทำสถิติมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 53.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ตลาดยุโรปมีสัดส่วนเพียง 11.3% ของส่วนแบ่งตลาดทั้งหมด ซึ่งตัวเลขข้างต้นนับว่าเป็นมูลค่าเล็กน้อย ถึงแม้ว่าภาคการเกษตรของเวียดนามมีข้อได้เปรียบหลายประการจากข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ดังนั้น เวียดนามควรส่งเสริมการส่งออกภาคการเกษตรที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-develops-green-agriculture-to-increase-exports-to-eu-post999144.vov

“เวียดนาม” เผย ม.ค. ต่างชาติลงทุน FDI หดตัวลง 20%

ตามข้อมูลของหน่วยงานควบคุมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FIA) กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่ายอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเดือนมกราคม อยู่ที่ 1.69 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 80.2% ของยอดเงินทุนรวมจากต่างประเทศในเดือนมกราคม 2565 ทั้งนี้ จากข้อมูลในเดือนที่แล้ว พบว่าจำนวน 153 โครงการเป็นโครงการที่ได้ใบรับรองการจดทะเบียนการลงทุน พร้อมกับเงินทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยการลงทุนจากต่างประเทศส่วนใหญ่จะลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป รองลงมาภาคการค้าปลีกค้าส่ง และภาคการขนส่งและการก่อสร้าง ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามมากที่สุด ด้วยมูลค่าการลงทุน 814 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 48.3% ของเงินทุนรวมจากต่างประเทศ รองลงมาจีน เกาหลีใต้และไต้หวัน

ที่มา : https://vietreader.com/business/74014-january-fdi-down-20-per-cent-on-year.html

ค้าชายแดนเมียนมา-จีน ทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย ตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2566 การค้าระหว่างเมียนมาและจีนสูงผ่านชายแดนพุ่งถึง 2,159.412 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการส่งออกอยู่ที่ 1,801.501 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้าอยู่ที่ 357.911 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมูลการค้าผ่านชายแดนที่สำคัญ ได้แก่ ชายแดนมูเซ 1,762.051 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ชายแดนลวยเจ 105.735 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ชายแดนชีงชเวห่อ  215.603 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ชายแดนกัมปาตี 66.416 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และชายแดนเชียงตุง 9.607 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-china-trade-volume-exceeds-us2-bln-from-april-2022-to-half-of-jan-2023/