ในช่วง ม.ค.-พ.ค. มูลค่าการค้ากัมพูชาหดตัว 14% แตะ 19.2 พันล้านดอลลาร์

มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาอยู่ที่ 19.2 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ตามรายงานของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง โดยกัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่ารวมเกือบ 9.2 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 2.4 (YoY) ขณะที่การนำเข้าคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ปรับตัวลดลงเช่นกันที่ร้อยละ 22.6 (YoY) ด้าน Pan Sorasak รมว.พาณิชย์ ระบุว่าการส่งออกที่ลดลงมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่คาดว่าสถานการณ์โดยภาพรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงปีนี้ โดยกัมพูชาเน้นการนำเข้าวัตถุดิบและวัสดุก่อสร้าง รถยนต์ ยา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลงเป็นหลัก ขณะที่สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า สินค้าเดินทาง จักรยาน ข้าว เครื่องใช้ไฟฟ้า ยางพารา เฟอร์นิเจอร์ และผัก สำหรับตลาดส่งออกสำคัญของกัมพูชา ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น แคนาดา เยอรมนี เวียดนาม ไทย และสิงคโปร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501310428/cambodias-trade-turnover-over-19-2-bn-in-jan-may-2023-14-yoy-drop/

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาคาด GDP ปีนี้ โต 5.6%

Aun Pornmoniroth รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง (MEF) ได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาในปี 2023 ไว้ที่ร้อยละ 5.6 จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.3 ในปีที่แล้ว โดยได้กล่าวไว้ในระหว่างการประชุมร่วมครั้งที่ 35 ของคณะกรรมาธิการ UNWTO (35th CAP & CSA) และการประชุม WTO ว่าด้วยมาตรฐานสากลการคุ้มครองนักท่องเที่ยว (ICPT) ณ Sokha Phnom Penh Hotel & Residence โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลมีมุมมองในแง่ดีสำหรับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักเศรษฐกิจของกัมพูชาที่กำลังจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ภาวะปกติ หลังประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในช่วงปี 2025 ทางการกัมพูชาคาดว่าจะกลับมาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวแตะ 7 ล้านคน และในปี 2026 คาดว่าจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวขึ้นไปถึงประมาณ 13 ล้านคน ใกล้เคียงกับจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2019 ภายใต้แนวคิด Public-Private Partnership (PPP) ผ่านความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501310040/pornmoniroth-puts-cambodias-2023-gdp-forecast-at-5-6/

Agoda แนะไทยเร่งสร้างจุดดึงดูดใหม่ให้นักท่องเที่ยว หลังเวียดนามมาแรงและจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญ

Agoda แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านการท่องเที่ยวและจองที่พักชื่อดัง ได้ออกมาเปิดเผยสถิติข้อมูลนักท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์มในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าการท่องเที่ยวไทยโดยรวมฟื้นตัวในทิศทางที่รวดเร็วกว่าประเทศอื่น โดยไทยถือเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวได้ดี ได้แก่ การเปิดประเทศของจีนและการที่ไทยมีเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวเพียงพอ โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า นับจากต้นปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยแล้วไม่ต่ำกว่า 11 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ Morgenshtern เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในปีนี้คือชาวเกาหลีใต้ ตามมาด้วยมาเลเซียและจีน

อย่างไรก็ดี เขาก็เห็นเทรนด์การเดินทางไปท่องเที่ยวในเวียดนามของชาวเกาหลีใต้ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ชาวเกาหลีใต้เลือกเวียดนามเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวมากขึ้นมีความเชื่อมโยงกับการที่บริษัทจากเกาหลีใต้จำนวนมากเลือกเข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานในเวียดนามในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ยิ่งคุณดึงดูดการลงทุนและนักธุรกิจเข้ามาได้มากเท่าไร มันก็จะส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวตามไปด้วย ขณะที่ซีอีโอ Agoda เชื่อว่าเวียดนามกำลังก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในด้านการท่องเที่ยวสำหรับประเทศไทย

ที่มา : https://thestandard.co/agoda-advice-thailand-build-new-attraction/

“เวียดนาม” เปิดอาคารผู้โดยสาร 2 ท่าอากาศยานนานาชาติฟูไบ

องค์กรท่าอากาศยานเวียดนาม (ACV) และคณะกรรมการประชาชนของจังหวัดเถื่อเทียนเว้ ได้เปิดอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ของท่าอากาศยานนานาชาติฟูไบ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. คุณ Nguyen Hoang Anh ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัด กล่าวว่าการดำเนินงานของอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดจังหวัดเถื่อเทียนเว้ พร้อมกับส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่สำคัญ สำหรับการเชื่อมต่อในภูมิภาค โดยเม็ดเงินในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งนี้ ใช้เงินทุนประมาณ 2.3 ล้านล้านดอง หรือราว 97.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังเป็นอาคารผู้โดยสารแห่งแรกขององค์กรท่าอากาศยานเวียดนามที่ใช้ดิจิทัลในการดำเนินโครงการ ตลอดจนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/terminal-2-at-phu-bai-international-airport-inaugurated/254859.vnp

“เวียดนาม-รัสเซีย” ลงนาม MOU ที่ประชุม SPIEF 2023

บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ‘Rosseti’ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงกับบริษัท National Power Transmission Corporation (EVNNPT) ซึ่งเป็นบริษัทรองของกลุ่มการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) เพื่อกลับมาดำเนินกลยุทธ์ระยะยาว หลังจากหยุดการดำเนินงานชั่วคราวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยทั้งสองบริษัทตกลงที่จะพัฒนาโครงการร่วมกันตามศักยภาพของแต่ละฝ่าย ตลอดจนแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีและดิจิทัล การฝึกอบรมบุคลากรและความปลอดภัยในการทำงาน นอกจากนี้ บริษัทพลังงานรัสเซีย จะช่วยเหลือบริษัทพลังงานเวียดนามในการปรับปรุงสายส่งไฟฟ้าและการเชื่อมต่อไฟฟ้าแรงสูงข้ามชาติจากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnamese-russian-power-companies-sign-mou-at-spief-2023/254854.vnp

“ไทย” เดินหน้าเป็นเจ้าภาพอาเซียน จัดโต๊ะคุยรัฐบาลเมียนมา

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ส่งคำเชิญไปยังนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อเป็นหัวหอกในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการต่อสถานการณ์ในประเทศเมียนมา ในวันที่ 18-19 มิ.ย. ทั้งนี้ จากการแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ระบุว่ากระบวนการการเจรจาจะเป็นไปตามข้อเสนอแนะจากการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 42 ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว และได้เน้นย้ำถึงบทบาทของฉันทามติ 5 ข้อ”ของอาเซียนที่ต้องปฏิบัติตามและมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วน คือ ต้องมีการยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาทันที โดยต้องเจรจาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/national-politics/thailand-host-asean-delegates-myanmar-discussion

BYD หารือนายกฯ สปป.ลาว ถึงแผนการจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา Mr. Liu Xueliang ผู้จัดการทั่วไป BYD Asia-Pacific, Mr. Ye Chenghui ผู้อำนวยการภูมิภาค BYD Asia-Pacific และ Mr. Mok Leng Tou ประธานบริษัท MOK Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทพันธมิตรของ BYD ใน สปป.ลาว ได้เดินทางเข้าพบกับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ณ กรุงเวียงจันทน์ โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้รถยนต์พลังงานทดแทนและการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในระหว่างการประชุม Liu Xueliang กล่าวว่า ยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้า BYD มียอดขายสะสมเกินกว่า 1.86 ล้านคัน ในช่วงปี 2022 คิดเป็นการขยายตัวกว่าร้อยละ 208.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นตลาดต่างประเทศที่ BYD ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา BYD ได้จัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในต่างประเทศแห่งแรกในประเทศไทย และบริษัทหวังว่าจะมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ใน สปป.ลาว ในอนาคตเพื่อรองรับการผลิต โดยทาง BYD พร้อมที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่นของ สปป.ลาว เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดำเนินโครงการนี้จะเพิ่มฉันทามติระหว่างจีนและ สปป.ลาว ในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศและโครงการมลพิษต่ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเวียงจันทน์ให้เป็นต้นแบบด้านเมืองคาร์บอนต่ำต่อไป

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten115_BYD_y23.php

นักท่องเที่ยว ไทย-เวียดนาม ยังคงเป็นกลุ่มสำคัญสำหรับภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา

หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชาเปิดเผยว่านักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงนักท่องเที่ยวกลุ่มสำคัญของกัมพูชา โดยในช่วงไตรมาสแรกมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมายังกัมพูชากว่า 570,000 คน นักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 285,000 คน และนักท่องเที่ยวชาวจีน 184,000 คน ซึ่งหากนับรวมกับนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่นๆ จะมีปริมาณนักท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ 1.72 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 600 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้าน Thong Khon รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันคาดว่าจะมีเที่ยวบินตรงจากจีนมายังกัมพูชาเพิ่มขึ้น อีกทั้งทางการกัมพูชากำลังเร่งพัฒนาสนามบินใหม่สองแห่งที่มีระยะทางห่างจากเสียมราฐประมาณ 50 กม. ซึ่งมีกำหนดเปิดให้ใช้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 และแห่งที่สองห่างจากกรุงพนมเปญประมาณ 20 กม. คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปี 2024 ด้วยเหตุผลข้างต้นคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมายังกัมพูชาอย่างน้อย 4 ล้านคนในปี 2023

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501309801/asean-neighbours-thailand-and-vietnam-the-largest-groups-of-tourists-entering-cambodia/

5 เดือนแรกของปี ทางการกัมพูชาจัดเก็บภาษีแตะ 1.8 พันล้านดอลลาร์

กรมภาษีอากร (GDT) หน่วยงานของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกัมพูชา รายงานการจัดเก็บภาษีมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 51 ของเป้าหมายการจัดเก็บภาษีประจำปี รายงานโดย Kong Vibol ผู้อำนวยการกรมภาษีอากร ในระหว่างการประชุมสรุปเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (15 มิ.ย.) โดยทางการได้เร่งพัฒนาระบบการจัดเก็บภาษีใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับปี 2023 รัฐบาลกัมพูชาตั้งเป้าหมายในการจัดเก็บภาษีไว้ที่ประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501309834/cambodia-collects-1-8-billion-in-tax-income-for-first-5-months-of-this-year/

พาณิชย์แนะค้าปลีกไทยเจาะตลาดเวียดนามทั้งออฟไลน์-ออนไลน์

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสุภาพร สุขมาก ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ถึงโอกาสในการขยายตลาดการค้าปลีกของไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม และการใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์ในการขยายโอกาสทางการขายเจาะเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคของเวียดนามที่มีแนวโน้มเติบโต

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เวียดนามเป็นตลาดค้าปลีกที่มีศักยภาพสูงและคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 และจะมีสัดส่วน 59% ของยอดขายผลิตภัณฑ์ในประเทศทั้งหมดทำให้บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในเวียดนาม ผู้ประกอบการค้าปลีกในประเทศต่างปรับเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศและปรับปรุงเพื่อการส่งออก รวมทั้งมีการลงทุนในอีคอมเมิร์ซเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวที่มีกว่า 50% ของประชากรประมาณ 100 ล้านคน

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/397177/