“สิงคโปร์-สปป.ลาว” กระชับความสัมพันธ์ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อมและดิจิทัล

เดอะสเตรตส์ไทมส์ (The Straits Times) รายงานว่าประเทศสิงคโปร์และสปป.ลาว กำลังยกระดับความร่วมมือในสาขาใหม่ ได้แก่ พลังงาน ดิจิทัล ความยั่งยืนและการปกป้องสิ่งแวดล้อม เนื่องจากครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ทั้งนี้ นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ และนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) จำนวน 4 ฉบับ พิธีลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นของความร่วมมือเพื่อโครงข่ายไฟฟ้าระดับภูมิภาค พลังงานหมุนเวียนและการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าสำหรับการค้าไฟฟ้าข้ามพรมแดน สิ่งนี้จะข่วยส่งเสริมการค้าไฟฟ้าข้ามพรมแดนในภูมิภาคและทำให้ประเทศต่างๆ ร่วมกันลดคาร์บอน ในขณะเดียวกันก็สร้างงานและยกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Singapore189.php

กระทรวงการท่องเที่ยว สปป.ลาว จับมือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว

กระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว สปป.ลาว กำลังพิจารณาร่วมมือกับ Booknea Inc. บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ของ สปป.ลาว เพื่อส่งเสริมการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยหลายปีที่ผ่านมาทางรัฐบาล สปป.ลาว มองว่าการประชาสัมพันธ์และการให้ข้อมูล ซึ่งเกี่ยวกับการท่องเที่ยวยังไม่ได้รับการพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว เนื่องจากขาดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมเรื่องดังกล่าว ส่งผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเห็นถึงการเติบโต จนนำมาสู่การร่วมมือกันระหว่าง Booknea inc. กับภาครัฐบาล ในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจะเน้นไปที่การทำสื่อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูก เข้าถึงง่าย และเรียลไทม์

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Tourism189.php

“เวิลด์แบงก์” ชี้ภาวะเศรษฐกิจสปป.ลาว ชะลอตัว

รายงานอัพเดทเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (East Asia and Pacific Country Economic Updates) ประจำเดือนต.ค.65 ของธนาคารโลก ระบุว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว มีแนวโน้มชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย. สาเหตุสำคัญมาจากเผชิญกับสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอก โดยธนาคารโลกได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว เหลือ 2.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.8%

ทั้งนี้ ตามข้อมูลของธนาคารโลก เปิดเผยถึงผลการดำเนินทางด้านเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าได้รับแรงกดดันจากภาวะอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัว หนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้นและการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อรองรับกับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาอาหารและเชื้อเพลิง

นอกจากนี้ สปป.ลาว ยังคงเผชิญกับอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ กดดันต่อสถานะของครอบครัวที่มีรายได้ต่ำ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten188_slower.php

สปป.ลาว ทุ่มเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ พัฒนาโครงการพลังงานลม

นาย. สถาบัณฑิต อินสีเซียงเม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนแห่งสปป.ลาว,  บริษัท สะหวัน วายุ รีนิวเอเบิ้ล คัมปะนี และบริษัท LTM (สปป.ลาว) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการพลังงานลมในประเทศ ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะมีกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ มูลค่าก่อสร้างโดยประมาณ 2,159 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดแล้วเสร็จปลายปี 2568 โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นนอกจากใช้ในประเทศแล้วยังส่งออกไปยังเวียดนามอีกด้วย ทั้งนี้ตั้งแต่กลางปี 2564 บริษัทผู้พัฒนาโครงการพลังงานลม เริ่มตระหนักว่าการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนเพราะมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

ที่มา: https://laotiantimes.com/2022/09/16/laos-to-invest-over-usd-2000-million-in-wind-power-project/

สถานีรถไฟเวียงจันทน์ ในสปป.ลาว พร้อมให้บริการจอดรถค้างคืนภายในสถานี

บริษัท การรถไฟสปป.ลาว-จีน จำกัด โดย Boten Frontier Services Limited จะเป็นบริษัทที่รับผิดชอบในการดูแลความปลอดภัยของยานพาหนะที่จอดอยู่ในสถานี โดยตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2565 เป็นต้นไป จะมีจะมีการจัดเก็บค่าจอดรถ โดยมอเตอร์ไซค์ คันละ 5,000 กีบ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน คันละ10,000 กีบ และรถโดยสารขนาดกลางและขนาดใหญ่ คันละ 30,000 กีบ ขณะที่การจอดค้างคืนจะคิดเหมาจ่ายคันละ 80,000 กีบ ส่วนการให้บริการห้องน้ำภายในสถานีจะพร้อมเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ โดย Boten Frontier Services Limited จะจัดเก็บค่าบริการต่อคนอยู่ 3,000 กีบต่อคน ซึ่งที่ผ่านมาทางสถานีได้รับวิจารณ์อย่างมากในความไม่สะดวกสะบายในเรื่องการให้บริการของห้องน้ำและที่นั่งไม่เพียงพอสำหรับผู้มาซื้อตั๋วโดยสาร ทั้งนี้ภายในสิ้นปีนี้บริษัทกำลังวางแผนที่จะเริ่มขายตั๋วออนไลน์เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้โดยสาร

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten177_Rail_y22.php

โรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่ในสปป.ลาว รอไฟเขียวจากรัฐบาลเพื่อขายน้ำมันในประเทศ

นายดาวอง โพนแก้ว รมว.กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ของสปป.ลาว เยี่ยมชมโรงกลั่นน้ำมันสปป.ลาว-จีนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกนี้คาดว่าในระยะเริ่มต้นโรงกลั่นจะผลิตน้ำมันได้ 1 ล้านตันต่อปี และเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จจะผลิตได้ทั้งหมด 3 ล้านตัน โดยได้เริ่มผลิตน้ำมันเพื่อทดลองใช้งานไปเมื่อเดือนพฤษจิกายน 2564 แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถจำหน่ายน้ำมันได้และกำลังรอการอนุมัติจากรัฐบาลสปป.ลาว ก่อน ด้าน นาย. วังเด้งเต๋า รองผู้อำนวยการ บริษัท สปป.ลาว-จีน ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการก่อสร้างโรงกลั่นแบ่งออกเป็น 3 ระยะ เป็นเวลา 3 ปี  และขณะนี้การสร้างโรงกลั่นแห่งแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทั้งนี้ โรงกลั่นน้ำมันเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัทสปป.ลาว-จีน ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และ Yunan Construction Company Group (YCIH) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษไซเสดถา ด้วยทุนจดทะเบียน 36,960,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://laotiantimes.com/2022/09/09/new-oil-refinery-awaits-government-approval-to-start-operations/

สะพานมิตรภาพ ไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 5 ก่อสร้างแล้วเสร็จ 50%

สะพานมิตรภาพ ไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 5 ซึ่งเชื่อมระหว่างจังหวัดบอลิคำไซ และจังหวัดบึงกาฬ ก่อสร้างแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 50 ในปัจจุบัน โดยการก่อสร้างเริ่มขึ้นครั้งแรกในช่วงเดือนสิงหาคม 2019 ด้วยเงินกู้กว่า 1 พันล้านบาท จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ในประเทศไทย ซึ่งสะพานข้ามแม่น้ำโขงดังกล่าวคาดว่าจะก่อสร้างด้วยความยาว 535 เมตร นอกจากนี้ยังได้ทำสัญญา ฉบับที่ 2 ในการก่อสร้างสะพาน โดยคาดว่าจะมีความยาวรวม 2,775 เมตร รวมถึงวางแผนก่อสร้าวอาคาร ด่าน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งมีระยะเวลาในการก่อสร้างโดยประมาณ 30 เดือน โดยคาดว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะทำให้การคมนาคมขนส่งระหว่าง ไทย-สปป.ลาว เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://laotiantimes.com/2022/09/07/fifth-lao-thai-friendship-bridge-completes-50-construction/

รัฐบาล สปป.ลาว อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสำรวจที่ดินภายในประเทศ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาว อนุญาตให้นักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ เข้าสำรวจที่ดินภายในประเทศ ผ่านการให้บริการของพลเมือง สปป.ลาว ที่ต้องมีใบอนุญาต มีอุปกรณ์สำรวจที่ได้มาตรฐาน ตลอดจนที่ตั้งสำนักงานที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับที่ดิน และต้องมีประสบการณ์การทำงานไม่ต่ำกว่า 3 ปี เพื่อการให้บริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจะทำการให้บริการสำรวจที่ดิน ประเมินราคาที่ดิน และบริการเกี่ยวกับที่ดินอื่นๆ แก่นักลงทุนต่างชาติ ตามที่กำหนดในกฎหมายที่ดิน โดยที่ดินสามารถทำการซื้อขาย หรือเจ้าของสามารถให้สิทธิในการใช้ที่ดินนั้นๆ ได้ ภายใต้เงื่อนไขการถือครองของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนักธุรกิจหรือนักลงทุนต่างชาติต้องทำการลงทะเบียนบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารของรัฐที่มีสำนักงานใหญ่ใน สปป.ลาว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2022/09/07/laos-government-allows-foreign-legal-businesses-to-survey-lands/

“เวียดนาม-สปป.ลาว” ตั้งเป้าดันการค้าแตะ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในปัจจุบัน สปป.ลาวเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 7 ของเวียดนามในกลุ่มประเทศอาเซียน และทั้งสองประเทศยังพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายทางการค้า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เวียดนามและลาวมีพรมแดนร่วมกันมากกว่า 2,300 กม. โดยเฉพาะประตูชายแดนระหว่างประเทศ มีจำนวน 9 แห่ง, ประตูหลัก 6 แห่ง, ประตูอื่นๆ อีก 18 แห่ง และเส้นทางต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันของทั้งสองประเทศ รวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 9 แห่ง

ทั้งนี้ การส่งออกของเวียดนามไปยังสปป.ลาว มีมูลค่า 594.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% ในขณะที่การนำเข้า 778.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 69.8%

นอกจากนี้ นาย โด ทั้งห์ หาย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าเวียดนามพร้อมที่จะช่วยเหลืออุปสรรคของสปป.ลาว ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-laos-aiming-fo-2-billion-usd-in-bilateral-trade-2056831.html

สปป.ลาว จับมือ คิวบา เซ็น MoU ร่วมพัฒนาโครงการระหว่างประเทศ

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (วันที่ 5 กันยายน 2565) นาย Bounleua Phandanouvong รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสปป.ลาว และนาย Gerardo Penalver Portal รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของคิวบา ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเกี่ยวกับกิจกรรมพัฒนาระหว่างประเทศในอนาคตร่วมกัน (MoU) โดยมีเป้าหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงทั้งสองประเทศ ภายหลังการประชุมระหว่างกระทรวงของทั้งสองประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 2565-2568 โดยในการประชุมระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2565 ได้มีการเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือด้านสุขภาพ การศึกษา กีฬา เศรษฐกิจ การค้าระหว่างประเทศ และการส่งเสริมด้านวัฒนธรรม ทั้งนี้ ทางคณะรัฐมนตรีของคิวบายังได้เยี่ยมชมเขตพัฒนาไซเศรษฐา, โรงเรียนมัธยมมิตรภาพลาว-คิวบา ในหมู่บ้านดงบัง, อำเภอไซธานี,พิพิธภัณฑ์ไกสอน พรหมวิหาร และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ต่างๆ

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten172_Lao_Cuban_y22.php