เวียดนามคงขาดดุลการค้ากับจีนสูงขึ้น เหตุจากสินค้าจีนทะลักเข้าเวียดนาม

ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามเผชิญการขาดดุลการค้ากับจีน แตะ 7.44 พันล้านเหรียญสหรัฐ เหตุจากจีนส่งออกไปยังเวียดนาม พุ่ง 65.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม เผยว่าเวียดนามนำเข้าสินค้าจากจีนอยู่ที่ 15.42 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมูลค่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่ามูลค่าการนำเข้าดังกล่าวนับว่าสูงที่สุดในบรรดาคู่ค้าของเวียดนาม ส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าประเภทเทคโนโลยีและโทรคมนาคม โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนที่มีมูลค่าการนำเข้าจากจีนที่ 2.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 78.3% ตลอดจนเครื่องจักร ส่วนประกอบและโทรศัพท์ เพิ่มขึ้น 70.7% และ 82.7% แตะ 3.37 และ 1.62 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ทั้งนี้ จีนเป็นแหล่งซัพพลายเออร์เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 51% และเพิ่มขึ้น 43.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/81103/vietnam-runs-high-trade-deficit-with-china-as-chinese-goods-flood-into-vietnam.html

อุตฯ การบินเวียดนาม ขาดทุนกว่า 649 ล้านเหรียญสหรัฐ

การบินเวียดนามอาจประสบปัญหาขาดทุนมากกว่า 15 ล้านล้านดอง (649 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปีนี้ เนื่องจากการระงับเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ระหว่างประเทศที่คงมีผลบังคับใช้ สมาคมธุรกิจการบินเวียดนาม ระบุว่าได้ยื่นรายงานไปยังกระทรวงวางแผนและการลงทุนไปแล้ว เกี่ยวกับสายการบินในประเทศเผชิญการขาดทุนกว่า 18 ล้านล้านดองในปีที่แล้ว รายได้ลดลง 100 ล้านล้านดองเมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ สายการบินในประเทศ มีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเพียง 66,600 คน หดตัว 98.8 เมื่อเทียบเป็นรายปี อีกทั้ง อุตสาหกรรมการบินเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในปี 2563 จำนวนผู้โดยสารทางอากาศ หดตัว 43% เป็น 66 ล้านคน ในขณะที่ การขนส่งทางอากาศ หดตัว 15% มาอยู่ที่ 1.3 ล้านตัน โดยคนวงในอุตสาหกรรมการบิน เผยว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยจนถึงปี 2566 เพื่อให้อุตสาหกรรมการบินกลับมาฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดการระบาด

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/aviation-industry-to-suffer-649-mln-loss-4252693.html

พนักงานกระทรวงพลังงานและไฟฟ้า เผยถูกกดดันให้ยุติการประท้วง

เนปยีดอ – พนักงานกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานออกมาให้ข้อมูลว่าพวกเขาถูกกดดันให้กลับไปทำงาน พนักงานของ Electric Power Generation Enterprise (EPGE) ราว 150 คนที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกองทัพกล่าวว่าพวกเขาได้รับโทรศัพท์มาข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องหากไม่กลับไปทำงานและได้รับคำสั่งให้ออกจากที่พักของรัฐบาลอีกด้วย ซึ่งพนักงานยังกล่าวอีกว่าต้องได้รับจดหมายอย่างเป็นทางการตามระเบียบของทางราชการก่อนถึงจะออกไป พนักงานส่วนใหญ่ที่หยุดงานประท้วงเป็นพนักงานระดับล่างและถูกกดดันจากผู้จัดการซึ่งเลือกที่จะทำตามระบอบของรัฐบาลทหาร โครงการส่วนใหญ่ของกระทรวงหยุดชะงักเนื่องจากการเคลื่อนไหวอารยะขัดขืนต่อต้านระบอบการปกครองซึ่งเริ่มต้นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ด้านกระทรวงคมนาคมและการสื่อสารการรถไฟและหน่วยงานรัฐบาลอื่น ๆ ได้ไล่พนักงานที่ออกมาเคลื่อนไหวหลายร้อยคนออกจากที่พักเป็นที่เรียบร้อย ในปี 2531 พนักงานของรัฐที่ออกมาต่อต้านกองทัพหลายคนถูกไล่ออก ลดตำแหน่ง หรือย้ายไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

ที่มา : https://www.irrawaddy.com/news/burma/myanmar-energy-electricity-staff-pressured-end-strike.html

รัฐบาลสปป.ลาวมุ่งมั่นป้องกันวิกฤตทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

รัฐบาลสปป.ลาวได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจ ภายใต้นโยบายการคลังแบบขาดดุลเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจจากปัญหาหนี้เรื้อรัง นายบุญชม อุบลประสุต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้แจงประเด็นดังกล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันอังคารว่า “แผนงบประมาณของรัฐในช่วง 5 ปีข้างหน้าได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับและแก้ไขปัญหาทางการเงินที่เรื้อรัง เราจะพยายามสร้างสมดุลระหว่างรายรับและรายจ่ายซึ่งหมายความว่าเราจะใช้งบประมาณตามรายได้ที่ได้รับหรือใช้จ่ายมากกว่าจำนวนเงินที่เราได้รับเล็กน้อย” ตามรายงานของรัฐบาลการขาดดุลการคลังสำหรับปี 2564-2568 ถูกกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพื่อหยุดหนี้ที่เพิ่มขึ้น ในที่ประชุมสมาชิกสมัชชาแห่งชาติยังขอให้รัฐบาลเพิ่มเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ 5 ปีจากร้อยละ 16 ของ GDP เป็นร้อยละ18 ข้อเสนอดังกล่าวรัฐบาลจะนำมาพิจารณาอีกครั้งเพราะการดำเนินนโยบายด้านภาษีอาจไปกระทบต่อภาคธุรกิจที่ต้องแบกรับภาระมากขึ้นภายใต้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในปัจจุบันซึ่งจะทำให้มีปัญหาของภาคธุรกิจตามมา  แนวทางในอีก 5 ปีข้างจึงเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะรักษาสมดุลระหว่างการใช้งบประมาณและการฟื้นฟูเศรษฐกิจของสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt59.php

กัมพูชายกเว้นค่าปรับและค่าธรรมเนียมในการต่ออายุใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาตัดสินใจที่จะยกเว้นค่าปรับสำหรับการต่ออายุใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยวที่หมดอายุในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม จนถึงสิ้นปี 2021 นอกจากนี้ยังกำหนดให้ยกเว้นการชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในปี 2021 อีกด้วย โดยการตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบันและถือเป็นการแบ่งเบาภาระทางด้านการทำธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวในขณะนี้ ซึ่งในช่วงที่โควิด-19 ระบาดในปี 2020 กัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือเพียง 1.31 ล้านคน ลดลงกว่าร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยแม้ว่ากัมพูชาจะเผชิญกับวิกฤตนี้อย่างต่อเนื่อง แต่แนวโน้มการท่องเที่ยวในประเทศยังคงอยู่ในทิศทางบวก ซึ่งในปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศ (คนท้องถิ่น) มีอยู่ประมาณ 9 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยเพียงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2019

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50829230/2021-tourism-licence-renewal-fees-and-penalties-waived/

กัมพูชาวางแผนลดบทบาทสกุลเงินดอลลาร์ในระบบเศรษฐกิจ

รัฐบาลกัมพูชาได้กำหนดนโยบายส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นเป็นหลักภายใต้กลยุทธ์การพัฒนาภาคการเงินในประเทศ โดยกล่าวถึงความมั่นคงของค่าเงินเรียลที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของรัฐบาลในการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนในด้านเสถียรภาพทางเงิน ซึ่งคำนึงถึงปริมาณเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในระบบเป็นสำคัญ โดยธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ได้ตัดสินใจที่จะใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวที่มีการจัดการและเข้าแทรกแซงในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา NBC มีส่วนในการรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ที่ประมาณ 4,050 เรียลต่อดอลลาร์ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 4 และเป็นการลดความผันผวนที่อาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้นำเข้าและส่งออกภายในประเทศกัมพูชาที่จะต้องทำการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์กลับมาเป็นสกุลเงินเรียล

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50829303/de-dollarisation-finds-willing-and-eager-base-in-rural-communities/

นายกฯ ปลื้มโครงสร้างพื้นฐาน 5 จี ไทยอันดับ 1 ในอาเซียน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอีเอส) ว่าวันนี้เป็นการประชุมดีอีเอส หารือเกี่ยวกับการจัดทำยุทธศาสตร์แผนแม่บทต่างๆ ในการดำเนินการแผนต่างๆ ซึ่งวันนี้ก็มีความก้าวหน้าโดยจากการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลของประเทศ การใช้ประโยชน์จากดิจิทัลในเรื่องของการบริหารจัดการหลายๆอย่าง เพื่อให้สะดวกต่อการให้บริการประชาชน และเพื่อเป็นการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐบนฐานข้อมูลเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบคลาวด์ (Cloud) หรืออะไรต่างๆ ก็ได้มีการหารือกันในที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว ที่จะต้องดำเนินเดินหน้าต่อไป โดยถือเป็นนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาล ในการดำเนินการในฐานะเป็นผู้กำหนดนโยบายลงไปยังกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่เราเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน 5 จี

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/97130

INFOGRAPHIC : เวียดนามเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่ง 1.52%

ดัชนีราคาผู้บริโภคของเวียดนาม (CPI) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.52% จากช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว และ 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO)

Vingroup ของเวียดนาม กำลังเจรจากับ Foxconn เพื่อผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนอื่นๆ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

Vingroup หนึ่งในบริษัทธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม ได้ออกมาเปิดเผยว่ากำลังเจรจากับ Foxconn ผู้ประกอบ iPhone ชาวไต้หวัน เพื่อผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนอื่นๆ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ทั้งสองกำลังต้องการเจาะ ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับ Vingroup ซึ่งเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังต้องการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และ Foxconn Technology Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลกและซัพพลายเออร์รายสำคัญของ Apple “Vingroup ได้รับข้อเสนอจาก Foxconn แต่ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม” โฆษกของ Vingroup กล่าว “ความร่วมมือนี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาชิ้นส่วนแบตเตอรี่และ EV แต่ยังไม่มีการตัดสินใจที่จะทำงานร่วมกันเพื่อผลิต EV” ทั้งนี้ Vingroup มีความกระตือรือร้นที่จะขยายธุรกิจไปต่างประเทศ และพิสูจน์ให้เห็นว่าแบรนด์ท้องถิ่นสามารถเอาชนะใจผู้บริโภคชาวต่างชาติได้ โดยกลุ่มบริษัทเริ่มต้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ตั้งแต่นั้นมาได้ย้ายเข้าสู่ภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่การท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพไปจนถึงโทรศัพท์และสกูตเตอร์

ที่มา : https://thestandard.co/vingroup-and-foxconn-in-talks-over-electric-cars/

บริษัทเทคฯ เวียดนาม ส่งออกสมาร์ทโฟน “Bphone” ล็อตแรกไปยังยุโรป

นาย Nguyen Tu Quang ประธานกรรมการ กล่าวว่าบริษัท Bkav เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีสัญชาติเวียดนาม ได้ทำการส่งออกสมาร์ทโฟน “Bphone” ล็อตแรกไปยังสหภาพยุโรป บริษัทร่วมลงนามว่าด้วยการจัดหาซัพพลายกับพาร์ทเนอร์จากกลุ่มประเทศอียู ซึ่งการร่วมมือดังกล่าว คาดว่าจะเปิดตัวโมเดลการทำธุรกิจแบบใหม่ พร้อมกับสร้างจุดแข็งของธุรกิจ อาทิ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการผลิตฮาร์ดแวร์ระดับพรีเมียม เป็นต้น รวมถึงหวังว่าผู้นำในยุโรปจะใช้สมาร์ทโฟนสัญชาติเวียดนามในสักวันหนึ่ง ทั้งนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะเปืดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ตั้งแต่ระดับท็อปไปจนถึงระดับกลาง-ต่ำ ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามคงไม่ได้เปิดเผยวันที่จำหน่ายและชื่อผลิตภัณฑ์ได้ นอกจากนี้ บริษัท Bkav ได้ประกาศว่าจะเปิดตัวชุดหูฟังไร้สาย “AirB” ที่จะใช้ชิปเซ็ต Qualcomm พร้อมปล่อยจำหน่ายตามเวลาที่กำหนด

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnamese-tech-firm-exports-first-bphone-smartphones-to-eu-316743.html