IDP ฉลองการขนส่งข้าวจากสปป.ลาวไปยังจีนเป็นครั้งแรก

Indochina Development Partners Lao Co., Ltd. (IDP) ได้จัดส่งข้าวเหนียว 100 ตันไปยังประเทศจีน ในการส่งมอบทดลองครั้งแรกของบริษัทโดยใช้การรถไฟลาว-จีน นาย Frederic Jullien ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของงานกล่าวในงานว่า “เราหวังว่าการขนส่งทางรางรถไฟจะช่วยให้เราสามารถลดต้นทุนและเวลาในการจัดส่งข้าวของเราไปยังจุดหมายปลายทางในประเทศจีนได้ ขณะนี้ เรายังคงขนส่งสินค้าทางทะเลจำนวนมากจากประเทศไทยและเวียดนาม นั่นหมายความว่าเราต้องจ่ายค่าขนส่งจากลาวไปยังท่าเรือในประเทศเหล่านั้น แต่การขนส่งทางรถไฟจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของเราได้ ” IDP ได้ลงทุนในภาคข้าวในประเทศลาวตั้งแต่ปี 2015 และได้สร้างโรงสีข้าวที่ทันสมัยสี่แห่งในจังหวัดสะหวันนะเขตและจำปาสัก บริษัทซื้อข้าวเปลือกอย่างน้อย 60,000 ตันจากเกษตรกรชาวลาวในแต่ละปี สร้างรายได้ประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่เกษตรกรสปป.ลาว มีตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ ยุโรป จีน ไทย และเวียดนาม ปัจุบันบริษัทเห็นศักยภาพในการขยายส่วนแบ่งการตลาดในจีน และหวังว่าจะขายให้ได้เพิ่มขึ้นในระดับ 25,000 ตันไปยังประเทศจีนในแต่ละปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า อีกทั้งการขายข้าวเหนียวให้กับจีนถือเป็นการโฆษณาคุณภาพข้าวสปป.ลาวที่ดีให้กับผู้ซื้อจากต่างประเทศและเป็นการปูทางสู่ตลาดส่งออกที่สำคัญอย่างจีน

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten106_IDP_y22.php

วิกฤตน้ำมันเลวร้ายลง หลังปั๊มน้ำมันเวียงจันทน์เริ่มไม่มีจำหน่าย

ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศต้องต่อสู้กับวิกฤตด้านเชื้อเพลิงที่รุนแรง สมาชิกสมาคมเชื้อเพลิงและก๊าซแห่งลาวกล่าวเมื่อวันพุธว่า อุปทานน้ำมันที่ผู้นำเข้าซื้อไว้คาดว่าจะมาถึงลาวในสัปดาห์หน้า สมาคมเชื้อเพลิงและก๊าซสปป.ลาวเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ไขวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง วิกฤตนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วประเทศ แม้ว่าทางการจะดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤต ได้แก่ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทที่แข็งค่า จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศลาวประสบปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้ามาจากหลวงน้ำทา ซึ่งน้ำมันหมดในปลายเดือนมีนาคม กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย กล่าวว่า สถานการณ์เลวร้ายลงในเมืองปากเซและจังหวัดสะหวันนะเขต ก่อนที่ปัญหาจะกระทบกระทั่งเวียงจันทน์ในที่สุด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Fuel104.php

รัฐบาลให้คำมั่นแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำมัน กีบอ่อน หนี้สินประเทศ

รัฐบาลให้คำมั่นที่จะดำเนินการที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงและหนี้ที่เป็นหนี้กับบริษัทเอกชนและต่างประเทศ คำมั่นสัญญานี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายของสองวาระแห่งชาติ ซึ่งพยายามบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ และควบคุมกับการป้องกันค้ายาเสพติด ในการประชุมประจำเดือนของคณะรัฐมนตรีที่จัดขึ้นที่เวียงจันทน์เมื่อเร็วๆ นี้ เห็นชอบที่จะจัดหาแหล่งการลงทุนระยะยาวเพิ่มเติมจากภาคเอกชนในประเทศลาวและประเทศอื่นๆ และผลักดันโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ให้ก้าวหน้าตามแผนที่วางไว้ การเคลื่อนไหวเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างงานมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ควบคุมการใช้จ่ายและรักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราให้มีเสถียรภาพ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten103_Govtvows.php

ประธานาธิบดีเรียกร้องให้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อจัดการกับความท้าทายระดับโลก

ประธานาธิบดีทองลุน สีสุลิด ได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐสำคัญของเอเชีย ทำงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในการจัดการกับความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ ตั้งแต่ความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจไปจนถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ประธานาธิบดีกล่าวว่าประเทศในเอเชียควรมีบทบาทมากขึ้นในกิจการระหว่างประเทศ สิ่งนี้จะส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สร้างความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน และปรับปรุงเงื่อนไขสำหรับการพัฒนา การบูรณาการทางเศรษฐกิจ และการเชื่อมโยงภายในเอเชีย ทั้งนี้เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตและมีสัญญามากมาย เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรมากกว่าครึ่งโลก ประเทศจีนเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกและเป็นเศรษฐกิจการผลิตและผู้ส่งออกสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตลาดผู้บริโภคที่เติบโตเร็วที่สุด ในขณะเดียวกัน อินเดียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งในห้าของโลก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้าที่สำคัญและเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชีย ขณะที่อาเซียน รวมทั้งลาว มีบทบาทสำคัญในสถาปัตยกรรมระดับภูมิภาค

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten102_President_y22.php

พรรคปฏิวัติประชาชนลาวแก้ไขการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

คณะกรรมการกลางของพรรคปฏิวัติประชาชนลาวได้แก้ไขการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผันผวน และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลได้รับคำสั่งให้รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เสริมสร้างการจัดเก็บรายได้ และปรับเปลี่ยนกฎระเบียบในการเข้ามาลงทุนต่างประเทศที่ขัดขวางการเติบโตของการลงทุนในประเทศ อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐได้รับคำแนะนำให้ส่งเสริมการลงทุนในภาคการผลิตและลดการนำเข้าสินค้าที่สามารถผลิตได้ในสปป.ลาว นอกจากนี้ การประชุมยังได้สั่งการให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และปรับปรุงการขนส่งสาธารณะเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิง ทางการสปป.ลาวกำลังดิ้นรนเพื่อแก้ไข้ปัญหาที่กำลังเผชิญเพื่อนำพาสปป.ลาวออกจากปัญหาที่อาจเกิดในอนาคตซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจทรุดซ้ำเติมจากวิกฤติโควิดที่พึ่งผ่านพ้นมาได้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten101_party.php

สปป.ลาวเล็งปลดล็อกศักยภาพความเชื่อมโยงระดับภูมิภาค

สปป.ลาวไม่เพียงหวังที่จะปลดล็อกศักยภาพของการเชื่อมต่อระดับภูมิภาค แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามเส้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญอีกด้วย รัฐบาลกำลังพัฒนาเครือข่ายถนนและทางรถไฟสายสำคัญเพื่อเชื่อมต่อลาวกับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจีน เวียดนาม และไทย ธนาคารโลกได้เน้นย้ำถึงความท้าทายหลักและการปฏิรูปที่สำคัญบางประการที่จำเป็นสำหรับลาวเพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่โดยเฉพาะจากการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นผ่านทางชายแดนและบริการขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าความเร็วปานกลางสปป.ลาว-จีน อีกทั้งธนาคารโลกยังแนะแนวทางปฎิบัติที่สำคัญอีกหลายประเด็นเพื่อทำให้สปป.ลาวเป็นประเทศเศรษฐกิจเชื่อมโยง อาทิ จัดการกับช่องว่างการเชื่อมต่อการขนส่งเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟและลอจิสติกส์ได้เปิดกว้าง การส่งเสริมการขนส่งข้ามพรมแดนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เร่งการปฏิรูปการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วยการกำหนดระบอบการจัดการการผ่านแดนที่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laoslook100.php

รัฐบาลสั่งดำเนินการอำนวยความสะดวกทางการค้า กระตุ้นการขนส่งและการส่งออก

รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการที่ดูแลการอำนวยความสะดวกทางการค้า ลงนามคำสั่งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและเร่งรัดการขนส่งสินค้าและการส่งออกสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ไม้และผลิตภัณฑ์จากป่าที่ไม่ใช่ไม้ และแร่ธาตุ ดร.ซนไซ สิภาโดน แนะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจนและคล่องตัว เพื่อลดขั้นตอนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและลดการใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้าเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การขนส่งพืชผลทางการค้า เช่น ข้าว กาแฟ ถั่ว มันสำปะหลัง ข้าวโพดหวาน ผลไม้ และผัก ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ขนส่งต้องขออนุญาตจากทางการอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าสามารถขนส่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เพื่อความคล่องตัว การปรับปรุงวิธีการและกฎระเบียบต่างๆ เป็นไปเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการค้าสอดรับกับการเติบโตของประเทศและการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt99.php

เร็วๆ นี้ รถไฟลาว-จีนจะเชื่อมท่าเรือแห้งธนาเล้ง

ทางการกำลังเตรียมเชื่อมต่อทางรถไฟลาว-จีน จากสถานีเวียงจันทน์ใต้ไปยังท่าเรือแห้งธนาเล้ง เพื่อให้สามารถขนส่งสินค้าโดยใช้รถไฟได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2564 ถึงเมษายน 2565 ท่าเรือแห้งธนาเล้งได้ให้บริการขนส่งสินค้าลาว-จีนจำนวน 11,000 เที่ยว นับตั้งแต่เปิดทำการอย่างเป็นทางการ นายสาคน พิลังกาม กรรมการผู้จัดการท่าเรือแห้งธนาเล็ง กล่าวว่า จากตู้สินค้า 11,000 ตู้ ร้อยละ 80 ขนส่งสินค้าระหว่างทางจากจีนผ่านลาวไปยังประเทศไทย เมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย สินค้าที่จัดส่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ ปุ๋ย เสื้อผ้าและสิ่งทอ ทั้งนี้เพื่อให้การขนส่งสินค้าสะดวกยิ่งขึ้น บริษัท ท่าโบกธนาเลง จำกัด ได้ลงทุนก่อสร้างรางรถไฟระยะทาง 1.2 กิโลเมตร จากทางรถไฟลาว-ไทย ไป ท่าบกธนาเลง ขณะที่ บริษัท ลาว-จีน เรลเวย์ จำกัด กำลังลงทุนในการก่อสร้าง ของทางรถไฟจากสถานีเวียงจันทน์ใต้ถึงธนาเลนระยะทาง 2.8 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างลาว-จีนกับสถานีเวียงจันทน์ใต้ไปยังท่าเรือแห้งทนาเล้งนั้นใช้สำหรับการขนส่งสินค้าเท่านั้น  เมื่อทางรถไฟสายใหม่เสร็จสิ้น จะช่วยให้การขนส่งสินค้าผ่านธนาเล้งจากจีนมาไทย จากไทยไปจีน ผ่านธนาเล้งได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten98_Laoschina.php

พิษเงินเฟ้อลาวพุ่ง-กีบอ่อนค่าทุบค้าชายแดน7หมื่นล.หงอย

เศรษฐกิจลาวฝืดหนัก ปม “เงินเฟ้อพุ่ง-กีบอ่อนค่า” ต่อเนื่อง ทำการค้า 7 หมื่นล้าน สะเทือน “ทูตพาณิชย์ สปป.ลาว” หวั่น สินค้าไทย รถยนต์-อุปโภคบริโภค โดนหางเลข ประธานหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชี้ปัญหาลามกระทบค้าขายชายแดนเงียบเหงา “ตั้งงี่สุ่น” ค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่อุดร ลูกค้าลดวูบ เศรษฐกิจของประเทศลาวที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 และถูกซ้ำเติม จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดผลพวงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินกีบกลับอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ยิ่งทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของลาวมีอาการที่หนักขึ้น อีกด้านหนึ่งก็ส่งผลให้ธุรกิจการค้าชายแดนลาว-ไทย ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ทั้งนี้ ปัญหาเงินกีบที่อ่อนค่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อและทำให้ผู้บริโภคระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ล่าสุดพบว่า ส่งผลต่อการส่งออกสินค้าของไทย โดยเฉพาะรถยนต์ ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคแม้จะยังมีความต้องการ แต่ผู้บริโภคระวังการจับจ่าย ทำให้ผู้นำเข้าระวังมากขึ้นและสต๊อกสินค้าตามความต้องการ

ที่มา : นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 25 – 27 พ.ค. 2565

แนะประชาชนเลี่ยงการเดินทางโดยไม่จำเป็น ประหยัดน้ำมันเพื่อการเกษตร

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ และสมาคมเชื้อเพลิงและก๊าซแห่งประเทศลาว เรียกร้องให้ประชาชนใช้เชื้อเพลิงอย่างประหยัดและงดเดินทางโดยไม่จำเป็น เพื่อให้มีน้ำมันสำรองเพียงพอสำหรับใช้ทำการเกษตรและกิจกรรมสำคัญอื่นๆ สปป.ลาวพึ่งพาเชื้อเพลิงจากแหล่งภายนอกเป็นหลัก หมายความว่าต้องใช้สกุลเงินต่างประเทศจำนวนมากในการซื้อเชื้อเพลิงจากประเทศอื่น ดังนั้นเพื่อเป็นมาตรการชั่วคราวในป้องกันวิกฤต รัฐบาลได้ตกลงที่จะลดภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่จ่ายโดยธุรกิจเชื้อเพลิงเพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม โดยสั่งให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติที่รับรองโดยคณะกรรมการประจำรัฐสภา ประกาศระบุว่าภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บสำหรับน้ำมันดีเซลจะลดลงจากจำนวนปัจจุบันที่ร้อยละ 21 เป็นร้อยละ 11 ในขณะที่ภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บจากน้ำมันเบนซินจะลดลงจากร้อย 31 เป็นร้อยละ 16

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten96_Public_y22.php